15 เหตุผลที่น้ำหนักของเราไม่ลดลงในตอนที่กำลัง Low-Carb Diet
Low carb diet เป็นวิธีการไดเอทที่ได้ผลอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งน้ำหนักของเราจะหยุดลดลงก่อนที่จะถึงเป้าหมาย และจากนี้ไปคือ 15 เหตุผลที่น้ำหนักของเราไม่ลดลงในตอนที่กำลัง Low-Carb Diet
1. มีการสูญเสียไขมันเกิดขึ้นแต่ว่าเราไม่รู้ตัว
ความคืบหน้าของการลดน้ำหนักนั้นมันไม่ได้เป็นเส้นตรง ถ้าหากว่าเราชั่งน้ำหนักทุกวันบางวันน้ำหนักจะลงในขณะที่อีกวันน้ำหนักอาจจะขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการไดเอทไม่ได้ผล
คนจำนวนมากลดน้ำหนักได้ในสัปดาห์แรกที่ใช้วิธี Low-carb diet แต่ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นน้ำหนักของ “น้ำ” หลังจากที่ผ่านช่วงเวลานี้ไปการลดน้ำหนักจะเริ่มช้าลง
และแน่นอนว่าการลดน้ำหนักมันไม่เหมือนกับการลดไขมัน
มันเป็นไปได้ว่าในขณะที่เรากำลังฝึกยกน้ำหนักนั้นเราจะมีกล้ามเนื้อมากขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับการสูญเสียไขมัน ดังนั้นถ้าจะให้ดีให้ใช้สายวัดรอบเอวหรือใช้วิธีวัดระดับไขมันในร่างกายจะดีกว่า
2. เราลดคาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไป
คนบางคนมีระดับความอ่อนไหวต่อคาร์โบไฮเดรตมากกว่าคนทั่วไป ถ้าหากเราใช้วิธีทานอาหารแบบโลว์คาร์บแล้วน้ำหนักยังคงที่เราอาจจะต้องลดคาร์โบไฮเดรตมากกว่านี้
ซึ่งในกรณีนี้แบบนี้เราควรได้รับคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 50 กรัมต่อวัน ซึ่งมันจะทำให้เราต้องเลิกทานผลไม้ไปเลย แต่จะทานเบอร์รี่ได้ในจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
ถ้าหากยังไม่ได้ผลก็ให้รับคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 20 กรัมต่อวัน ดังนั้นเราจะทานแต่โปรตีน , ไขมันและผักใบเขียวเท่านั้น
3. เรามีความเครียดตลอดเวลา
แค่ทานอาหารสุขภาพและออกกำลังกายยังไม่พอหรอก เราต้องมั่นใจว่าร่างกายจะทำงานได้ตามปกติและสามารถผลิตฮอร์โมนได้ในระดับปกติด้วย
การมีความเครียดตลอดเวลาจะทำให้ร่างกายอยู่ในโหมดสู้หรือหนี (fight or flight) ตลอดเวลาด้วย ซึ่งจะทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด เช่น คอร์ติซอล
การมีคอร์ติซอลหลั่งเป็นประจำหรือแบบเรื้อรังจะสามารถเพิ่มระดับความหิวและมีความต้องการทานอาหารขยะมากยิ่งขึ้น
หากต้องการลดความเครียดให้ลองฝึกการหายใจลึกๆและทำสมาธิ เลิกการรับข่าวสารออนไลน์และอ่านหนังสือให้มากขึ้น
4. เราไม่ได้ทานอาหารที่มีประโยชน์
การทานอาหารแบบโลว์คาร์บไดเอทมีอะไรมากกว่าการลดคาร์โบไฮเดรต เพราะเราจะต้องทานอาหารที่มีประโยชน์แทนที่คาร์โบไฮเดรตที่เราลดไป
ให้เลิกทานอาหารโลว์คาร์บอัดแท่งที่ผ่านกระบวนการแปรรูปไปได้เลย มันไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาหารและไม่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ให้เราทานเนื้อสัตว์ , ปลา , ไข่ , ผัก , และไขมันที่ดีต่อสุขภาพถ้าหากต้องการจะลดน้ำหนัก
การทานขนม เช่น คุ้กกี้ หรือบราวนี่ อาจเป็นปัญหาได้ถึงแม้ว่ามันจะใช้วัตถุดิบเพื่อสุขภาพก็ตาม เราควรมองว่ามันเป็นภัยและไม่ควรรับประทานทุกวัน
การทานไขมันให้เพียงพอก็สำคัญเช่นกัน ถ้าหากเราพยายามลดคาร์โบไฮเดรตและไขมันพร้อมกันมันจะทำให้เราหิวและรู้สึกแย่
การทานโปรตีนอย่างเดียวโดยไม่ทานอย่างอื่นด้วยเลยเป็นไอเดียที่แย่มาก เราต้องทานคาร์โบไฮเดรตต่ำ , ทานไขมันสูงและทานโปรตีนในระดับปานกลาง ถึงจะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิสได้ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการหลั่งฮอร์โมนสำหรับเผาผลาญไขมัน

5. เราทานถั่วมากเกินไป
ถั่วเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน แต่ถั่วก็มีไขมันสูงมากเช่นกัน แคลอรี่ 70% จากอัลมอนด์นั้นเป็นไขมันล้วนๆเลย
อย่างไรก็ตามมันง่ายที่เราจะทานถั่วมากเกินความพอดีเพราะว่ามันอร่อย นอกจากจะมีพลังงานสูงแล้วยังทำให้เราสามารถกินมันเข้าไปได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่รู้สึกอิ่มด้วย จึงไม่ควรทานถั่วทุกวัน
6. เรานอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอย่างมาก การิวิจัยพบว่าการนอนหลับไม่เพียงพอมีความเชื่อมโยงกับการมีน้ำหนักเพิ่มหรือโรคอ้วน การนอนไม่พอจะทำให้เราหิวมากขึ้น ทำให้เหนื่อยและหมดแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายและการทานอาหารสุขภาพ
การนอนหลับคือหนึ่งเสาหลักของการมีสุขภาพดี หากเราทำทุกอย่างถูกต้องดีแล้วแต่ยังได้รับการนอนหลับไม่เพียงพอเราก็จะไม่ได้เห็นผลลัพธ์ตามที่คาดหวังเอาไว้
เคล็ดลับที่จะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นมีดังนี้
1.อย่าดื่มคาเฟอีนหลังบ่ายสองโมง
2.นอนในห้องที่มืดสนิท
3.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายในช่วงใกล้เวลาเข้านอน
4.ทำอะไรที่ช่วยให้ผ่อนคลายก่อนการนอนหลับ เช่น การอ่านหนังสือ เป็นต้น
5.เข้านอนตรงเวลาทุกคืน
7. เราทานผลิตภัณฑ์จากนมมากเกินไป
อีหหนึ่งอาหารโลว์คาร์บที่สร้างปัญหาให้กับคนบางคนได้คืออาหารที่ทำจากนม เพราะถึงแม้ว่าจะมีไขมันต่ำแต่มันก็มีโปรตีนสูงมาก โปรตีนก็สามารถทำให้มีระดับอิซูลินเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้มีการเก็บสะสมพลังงานมากขึ้น
กรดอะมิโนในโปรตีนที่อยู่ในผลิตภัณฑ์จากนม ยังสามารถเพิ่มระดับอินซูลินให้สูงขึ้นได้มากพอกันกับขนมปังขาว
ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมก็ตาม การทานบ่อยๆและทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้นจะไปขัดขวางการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญ ทำให้เราไม่ได้รับประโยชน์จากการโลว์คาร์บอย่างเต็มที่
ในกรณีนี้ควรลดการดื่มนมและลดการรับประทานชีส , โยเกิร์ตและครีม ทานเนยได้ไม่เป็นไรเพราะมีโปรตีนต่ำและแลคโทสในเนยจะไม่ทำให้ระดับอินซูลินพุ่งสูงขึ้น
8. เราออกกำลังกายไม่ถูกวิธีหรือไม่ได้ออกกำลังกายเลย
เราไม่ควรออกกำลังกายโดยมีเป้าหมายในการเผาผลาญแคลอรี่ แคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญโดยการออกกำลังกายนั้นไม่สามารถวัดได้อย่างชัดเจน และอาจจะถูกหักล้างจากการทานอาหารมื้อถัดไป
แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพกายและใจ
การออกกำลังกายช่วยเราลดน้ำหนักได้ด้วยการเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน , เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ , และทำให้เรารู้สึกดี
แต่มันสำคัญที่เราต้องเลือกประเภทของการออกกำลังกายให้ถูกต้อง ถ้าเราไม่ทำอย่างอื่นเลยนอกจากการคาร์ดิโอ มันจะทำให้เราไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีแถมถ้าทำมากเกินไปจะเป็นผลเสียอีกด้วย
การยกน้ำหนัก : มันจะช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมกับการหลั่งฮอร์โมนและช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ , ซึ่งจะช่วยทำให้เราลดน้ำหนักได้ในระยะยาว
การฝึกแบบ Interval : การออกกำลังกายแบบ HIIT จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานและช่วยเพิ่มระดับโกรทฮอร์โมน
การออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นต่ำ : การเดินก็เป็นไอเดียที่ดีเพราะร่างกายมนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้นั่งนิ่งๆ

9. เราทานน้ำตาลที่ดีต่อสุขภาพมากเกินไป
หากเรากำลังทานอาหารแบบโลวคาร์บหรือคีโตอยู่ล่ะก็ , น้ำตาลที่ดี เช่น น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลจากอ้อยสดนั้น ก็แย่พอๆกับการทานน้ำตาลทราย เพราะว่ามันมีคาร์โบไฮเดรตสูงและคอยกีดกันไม่ให้ร่างกายปรับตัวให้เข้ากับการไดเอท นอกจากนี้ยังรวมไปถึงน้ำผึ้ง , น้ำเชื่อมจากเกสรดอกไม้และอื่นๆ
น้ำตาล 0 แคลอรี่นั้นใช้ได้ดีกับคนส่วนใหญ่ แต่ก็ควรทานอย่างจำกัดหากพบว่ามีปัญหาในการลดน้ำหนัก เพราะว่ามันมีคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยได้เป็นส่วนผสม
10. เรามีปัญหาทางสุขภาพเป็นตัวขัดขวาง
ปัญหาสุขภาพบางอย่างจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ถ้าหากเราพบว่าการรักษาจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก็ควรปรึกษาแพทย์ เพราะบางที่การเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นอาจไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นก็ได้
ถ้าหากเราทำทุกอย่างถูกต้องแต่ยังลดน้ำหนักไม่ได้ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเรามีปัญหาทางสุขภาพ , มีความผิดปกติกับฮอร์โมนหลายอย่างที่สามารถสร้างปัญหาในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาวะขาดไทรอยด์
ถ้าสงสัยว่ามีปัญหาสุขภาพให้ไปพบแพทย์และอธิบายว่าพยายามลดน้ำหนักแล้ว แต่ไม่เป็นผลและอยากตรวจดูว่ามีปัญหาทางสุขภาพอะไรบ้าง
11. เรากินอยู่ตลอดเวลา
มันมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการซอยมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยแล้วทานตลอดทั้งวัน มีการวิจัยออกมาแล้วว่าวิธีการนี้ไม่ได้ช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการลดน้ำหนักแต่อย่างใด
มันเป็นเรื่องปกติถ้าหากมนุษย์จะทานเพียง 2-3 มื้อต่อวันและมีช่วงเวลาที่ไม่ได้ทานอาหารสักช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเราเรียกวิธีนี้ว่า Intermittent Fasting เช่นมีช่วงเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมงต่อวัน หรืออาจเป็นช่วงที่ไม่ได้ทานอาหาร 24 ชั่วโมงสัปดาห์ละแค่ 2 ครั้ง ซึ่งมันมีประโยชน์มากสำหรับคนที่น้ำหนักอยู่นิ่งไม่ยอมลด
12. เราเล่นโกง (แอบกิน) มากเกินไป
สำหรับคนที่สามารถควบคุมตัวเองได้ การทานอะไรตามใจชอบเป็นบางครั้งหรือเป็นบางวันนั้นเป็นเรื่องที่โอเคอยู่
แต่สำหรับบางคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอาการเสพติดอาหาร การผ่อนผันให้กับตัวเองจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และถ้าหากเราเป็นอย่างนี้บ่อยและควบคู่กับการทานอาหารมื้อเล็กหลายมื้อ หรืออาจทานอาหารขยะตลอดทั้งวัน มันก็จะไปบ่อนทำลายความคืบหน้าในการลดน้ำหนักของเรา
ถ้าเราไม่สามารถควบคุมตัวเองจากการทานอาหารขยะได้เลย แสดงว่าเราอาจมีอาการเสพติดอาหาร จึงควรมีการเลิกทานอาหารขยะตลอดชีวิตไปเลย
13. เราได้รับแคลอรี่มากเกินไป
หนึ่งในเหตุผลที่การโลว์คาร์บไดเอทและการกินคีโตช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ ก็เพราะมันช่วยลดความอยากอาหาร และทำให้เราทานน้อยลงโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก
ถ้าหากเราทำทุกอย่างถูกต้องแล้วแต่น้ำหนักยังไม่ลง ก็ควรลองนับแคลอรี่ของอาหารทั้งหมดที่ทานในแต่ละวัน ให้ตั้งเป้าในการทานให้น้อยลง 500 แคลอรี่ต่อวัน ตามหลักแล้วมันจะทำให้เราลดน้ำหนักได้ 1 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นตรงตามนั้นเสมอไปก็ตาม)
14. เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายให้ตรงกับความเป็นจริง
การลดน้ำหนักมันต้องใช้เวลา มันคือการวิ่งมาราธอนไม่ใช่การวิ่งเร็ว การลดน้ำหนักให้ได้ 1-2 ปอนด์ (0.45-0.9 กิโลกรัม) ต่อสัปดาห์ถือว่าสมเหตุสมผล
คนบางคนอาจลดน้ำหนักได้เร็วกว่านั้นหรือบางคนอาจช้ากว่านั้นก็ได้ แต่ก็จงจำไว้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรูปร่างเหมือนนายแบบนางแบบในปกนิตยสาร และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะสามารถลดน้ำหนักไปอยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพได้
15. เราลดน้ำหนักนานมากเกินไป
การลดแคลอรี่เป็นเวลานานไม่ใช่ไอเดียที่ดี แม้แต่พวกนายแบบนางแบบฟิตเนสเขาก็ไม่ทำกัน เพราะพวกเขาจะมีช่วงเวลาที่กินเพิ่มและช่วงเวลาที่ลดน้ำหนัก
หากเราทำการไดเอทมานานหลายเดือน การควรมีช่วงเวลาสองเดือนที่เราจะรักษาน้ำหนักให้คงที่และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้นสักหน่อย นั่นถึงจะเพียงพอสำหรับการเริ่มลดน้ำหนักรอบต่อไป
และแน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับไปทานอาหารที่ไม่ดีเหมือนเดิม เราจะยังคงต้องทานอาหารที่เป็นประโยชน์อยู่เหมือนเคย พอผ่านไปสองเดือนค่อยกลับมาไดเอทต่ออีกครั้ง
ที่มา : https://bit.ly/3cnuYMM
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming