การทำประกันสุขภาพกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการบริหารความเสี่ยงทางการเงินในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี คำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่กำลังวางแผนทำประกันสุขภาพคือ “ควรจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพปีละเท่าไร ?” หรือ “เบี้ยประกันสุขภาพรายปี ควรอยู่ที่กี่เปอร์เซนต์ของรายรับถึงจะเหมาะสม ?” คำตอบไม่ใช่สูตรตายตัว แต่สามารถวิเคราะห์และออกแบบได้จากหลายปัจจัยเพื่อให้คุ้มค่าและไม่กระทบต่อสภาพคล่องของผู้เอาประกันในระยะยาว
หลักเกณฑ์มาตรฐาน: 5-10% ของรายรับต่อปี
โดยทั่วไป แนะนำให้กันเงินไว้ประมาณ 5-10% ของรายได้ต่อปี สำหรับเบี้ยประกันสุขภาพ เช่น หากมีรายได้ต่อปี 600,000 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 50,000 บาท ควรจัดสรรงบเบี้ยประกันสุขภาพรายปีไว้ที่ประมาณ 30,000–60,000 บาทต่อปี เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมพอสมควร โดยเฉพาะแผนที่มีทั้ง IPD (ผู้ป่วยใน) และ OPD (ผู้ป่วยนอก)
ตัวเลขนี้เป็นระดับที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงแผนประกันที่เหมาะสมโดยไม่ต้องตัดทอนความจำเป็นอื่น ๆ ในชีวิต และสามารถขยับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่มีรายรับมากกว่าปกติ หรือหากมีความเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นตามวัย
ปรับสัดส่วนตามช่วงวัยและไลฟ์สไตล์
การกำหนดงบเบี้ยประกันสุขภาพรายปีไม่ควรพิจารณาจากรายรับเพียงอย่างเดียว แต่ควรมองจากไลฟ์สไตล์ ความเสี่ยงสุขภาพ และภาระการเงินร่วมด้วย:
- กลุ่มวัยทำงานช่วงต้น (20–35 ปี):
เหมาะกับแผนพื้นฐานที่เน้น IPD เป็นหลัก เนื่องจากสุขภาพยังดีอยู่ โดยสามารถเลือกเบี้ยในช่วง 3–7% ของรายรับ และอาจเสริม OPD บางส่วนในกรณีที่มีพฤติกรรมใช้บริการตรวจสุขภาพหรือพบแพทย์เฉพาะทางบ่อย ๆ - กลุ่มวัยกลางคน (35–50 ปี):
เริ่มมีความเสี่ยงสุขภาพสูงขึ้น ควรพิจารณาแผน IPD + OPD ที่มีวงเงินเหมาะสม เบี้ยประกันในกลุ่มนี้อาจขยับขึ้นเป็น 7–10% ของรายได้ โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัว หรือมีครอบครัวต้องดูแล - กลุ่มผู้สูงอายุ (50 ปีขึ้นไป):
เป็นช่วงที่ค่าเบี้ยประกันสุขภาพรายปีเพิ่มขึ้นตามอายุและประวัติสุขภาพ การทำประกันล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงวัยกลางคนจึงช่วยประหยัดเบี้ยในระยะยาว หากทำในวัยนี้ เบี้ยอาจสูงถึง 10–15% ของรายได้ โดยควรเลือกแผนที่ครอบคลุม IPD/OPD อย่างรอบด้าน
ตัวแปรที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยและการตัดสินใจ
แม้จะกำหนดสัดส่วนงบประมาณไว้ได้คร่าว ๆ แต่เบี้ยประกันสุขภาพรายปีแท้จริงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้:
- อายุและประวัติสุขภาพ: ยิ่งอายุมากหรือมีโรคประจำตัว เบี้ยยิ่งสูง
- ระดับความคุ้มครอง: วงเงินค่าห้อง, ค่ารักษา, OPD/ค่าทันตกรรม ฯลฯ
- บริษัทประกันและแผนกรมธรรม์: แต่ละแห่งมีแนวทางพิจารณารับประกันและกำหนดเบี้ยไม่เหมือนกัน
- ลักษณะการจ่าย: รายปี ราย 6 เดือน หรือรายเดือนมีผลต่อภาระการเงินแต่ละช่วง
ปรับให้เหมาะกับตนเอง ไม่ต้องยึดตัวเลขเป๊ะ
แม้ค่าเฉลี่ยที่แนะนำจะอยู่ในช่วง 5–10% ของรายได้ต่อปี แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแผนที่เหมาะสมกับสุขภาพ ปริมาณการใช้บริการทางการแพทย์ และภาระทางการเงินของตนเอง หลายคนอาจเลือกแผน IPD ล้วนในงบ 3–5% และกันเงินไว้สำหรับค่ารักษาฉุกเฉินในกรณีไม่เคลม OPD หรือบางคนอาจเลือกแผนแบบ Top-Up จากสวัสดิการบริษัทแทน
การมีประกันสุขภาพที่ดีคือการวางแผนรับมือกับสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่ใช่เพื่อเคลมให้คุ้มเท่านั้น แต่เพื่อสร้างความมั่นใจว่าหากเจ็บป่วยขึ้นมา เราจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจนกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินในระยะยาว
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Running #Training
#Cycling #Triathlon #Swimming