วันอาทิตย์, มกราคม 29, 2023
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

วิธีฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งมือใหม่

Thip by Thip
16/11/2022
in Running, Training
0
วิธีฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งมือใหม่
  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

หากทำตามโปรแกรมการฝึกให้ดีและมีวินัย แม้แต่นักวิ่งมือใหม่ก็สามารถวิ่งมาราธอนได้ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความรู้สึกเวลาเข้าเส้นชัยโดยมีคนคอยยืนเชียร์อีกแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเพื่อนๆก็ควรไปเลือกรองเท้าดีๆสักคู่ และการวิ่งมาราธอนก็มีเรื่องอื่นๆให้ต้องพิจารณาด้วย มาดูรายละเอียดกัน

ต้องใช้เวลาฝึกวิ่งมาราธอนนานแค่ไหน?

ต้องใช้เวลาเท่าไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับระดับความฟิตของร่างกายเรา , ความสามารถในการวิ่ง และเป้าหมายของเรา คนส่วนใหญ่พอเริ่มวิ่งก็จะหันมาสนใจการวิ่งมาราธอนเร็วเกินไป โดยแทบไม่มีพื้นฐานในการวิ่งเลย แถมยังมีเวลาเตรียมตัวก่อนวิ่งแค่เพียง 3-4 สัปดาห์เท่านั้น ถึงแม้ว่าเราจะสามารถฝึกวิ่งได้ใน 16 สัปดาห์ก็ตาม แต่ก็ควรให้เวลาตัวเองในการสร้างพื้นฐานนานกว่านั้น

  • สำหรับนักวิ่งที่มีระดับความฟิตขั้นพื้นฐาน : ควรให้เวลาตัวเองฝึกวิ่งมาราธอน 12-16 สัปดาห์
  • แต่สำหรับคนไม่เคยวิ่งเลย : ควรใช้เวลา 6 เดือนในการสร้างพื้นฐานตั้งแต่ต้น

ซึ่งหากให้เวลาฝึกอย่างเพียงพอก็จะทำให้เราสามารถวิ่งระยะทาง 5-10k ได้ เผลอๆจะวิ่งฮาล์ฟมาราธอนได้ด้วยซ้ำ แม้แต่นักวิ่งระดับอาชีพยังต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะมีสมรรถนะในการวิ่งมาราธอน ดังนั้นควรรีบฝึกแต่เนิ่นๆ และฝึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อน เพื่อนๆก็จะสามารถวิ่งมาราธอนได้เอง

มันจะดีกว่าหากเราให้เวลาร่างกายในการค่อยๆปรับตัว ไม่ใช่อยู่ดีๆก็เพิ่มระยะทางการวิ่งไปเลย เพราะนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้มือใหม่หลายคนได้รับบาดเจ็บจากการวิ่ง เพราะร่างกายต้องรับมือกับกิจกรรมที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไอเดียที่ดีก็คือไม่ต้องไปคิดเรื่องการวิ่งให้ผลลัพธ์ออกมาดี แต่ควรทำให้เราสามารถวิ่งไปได้อย่างต่อเนื่องถึงเส้นชัยเสียก่อน

ในการลงแข่งมาราธอนต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง?

คนส่วนใหญ่วิ่งโดยใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง เราจะวิ่งโดยทำเวลาได้เท่าไหร่มันมีหลายปัจจัย เช่น ระดับความฟิต , ประสบการณ์ , อายุ , สภาพอากาศในวันลงแข่ง และการเลือกอาหารเติมพลังงานให้ร่างกาย

แค่เพียงไปวิ่งมาราธอนครั้งแรกก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่หากต้องการเป้าหมายเป็นเวลาในการวิ่ง ลองทำตามนี้

  1. ในช่วงระหว่างการฝึก ก็ควรหาจังหวะไปเข้าร่วมการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน
  2. ให้จับเวลาการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแล้วเอาไปคูณกับ 2.2 ก็จะออกมาเป็นเวลาที่เราควรใช้ในการวิ่งมาราธอนนั่นเอง
  3. ในวันลงแข่งจริงก็พยายามวิ่งทำเวลาให้ได้ตามที่คำนวณไว้ แต่อย่าลืมก็แล้วกันว่าเป้าหมายหลักนั้นเป็นแค่การพาตัวเองเข้าเส้นชัยให้ได้ก็พอ

จะเริ่มฝึกวิ่งมาราธอนอย่างไร?

  1. เริ่มต้นด้วยการไปสมัครวิ่งมาราธอนเอาไว้ก่อน โดยต้องรู้ด้วยว่าจะลงแข่งวันไหน เราต้องมีเวลามากพอในการเตรียมตัว แต่ต้องไม่นานเกินไปจนหมดแรงบันดาลใจด้วย
  2. วางแผนการฝึกให้ดี ซึ่งขอแนะนำให้ใช้โปรแกรมการฝึกในบทความนี้ไปเลย แต่ถ้าไม่เคยมีประสบการณ์ในการวิ่งมาก่อน แนะนำว่าให้ไปลองหาโปรแกรมฝึกเพื่อลงแข่งระยะทาง 5K ก่อนก็ได้ ส่วนโปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ ของเรานั้นออกแบบมาให้มีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอื่น เช่น การเล่นโยคะด้วย
  3. อย่าลืมคิดเรื่องสารอาหาร ในการวิ่งระยะไกลร่างกายจำเป็นต้องได้รับพลังงานมากพอ เราจึงควรมีพลังงานเหลือสำหรับใช้ตอนวิ่งและตอนฟื้นร่างกาย อาหารที่อุดมไปด้วยทั้งคาร์บและโปรตีนนี่ล่ะคือกุญแจหลักเลย
  4. ไปซ้อมวิ่งกับเพื่อนๆจะดีที่สุด มันจะช่วยให้เรายังรักษาแรงบันดาลใจในการวิ่งเอาไว้ได้

ในแต่ละสัปดาห์เราต้องฝึกกี่วัน?

ในโปรแกรมฝึกนี้เราจะเริ่มต้นจากการวิ่ง Easy 30 นาที และจะมีการค่อยๆเพิ่มระยะทางขึ้นทีละน้อย เมื่อเริ่มมีความมั่นใจและมีพื้นฐานพอที่จะวิ่งนาน 60-75 นาทีแล้ว ก็จะเริ่มมีการฝึกที่แตกต่างออกไป เช่น การฝึก Interval , ฝึกวิ่งเทมโป และระดับความฟิตจะเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

การโฟกัสไปที่การฝึกวิ่งบนถนนจะส่งผลดีต่อการวิ่งมาราธอน เพราะเหมือนเป็นการเตรียมตัววิ่งในสภาพแวดล้อมที่เหมือนในวันลงแข่ง แต่ถ้าเป็นช่วงเริ่มต้นก็อาจจะวิ่งบนลู่วิ่งไปก่อนก็ยังดีกว่าไม่วิ่งเลย และในแต่ละสัปดาห์ก็อาจจะมีการใส่การฝึกวิ่งบนลู่วิ่งแบบ HIIT เข้าไปด้วยก็ได้

แต่สิ่งสำคัญก็คือ

  1. เราควรเพิ่มระยะทางที่ละนิด ทีละ 10% ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อลดโอกาสได้รับบาดเจ็บ
  2. ต้องวิ่งไปถึงระยะไกลสุดให้ได้ ก่อนลงแข่งประมาณ 3 สัปดาห์
  3. หลังการวิ่งระยะไกลที่สุด ก็จะเริ่มมีการลดระยะทางการฝึกเพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นตัวทันวันลงแข่ง

ควรใช้เพซเท่าไหร่ดี?

อันนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการทำเวลาในการวิ่งมาราธอนด้วย ให้เลือกเอาตามนี้ (1 ไมล์เท่ากับ 1.6 กม.)

  • หากต้องการทำเวลาในการวิ่ง 4 ชั่วโมง ให้ใช้เพซ 9.10 นาที/ 1 ไมล์
  • 4 ชั่วโมง 15 นาที ให้ใช้เพซ 9.45 นาที/ 1 ไมล์
  • 4 ชั่วโมง 30 นาที ให้ใช้เพซ 10.20 นาที/ 1 ไมล์
  • 4 ชั่วโมง 45 นาที ให้ใช้เพซ 10.50 นาที/ 1 ไมล์
  • 5 ชั่วโมง ให้ใช้เพซ 11.25 นาที/ 1 ไมล์
  • 5 ชั่วโมง 15 นาที ให้ใช้เพซ 12 นาที/ 1 ไมล์
  • 5 ชั่วโมง 30 นาที ให้ใช้เพซ 12.35 นาที/ 1 ไมล์
  • 5 ชั่วโมง 45 นาที ให้ใช้เพซ 13.10 นาที/ 1 ไมล์
  • 6 ชั่วโมง ให้ใช้เพซ 13.45 นาที/ 1 ไมล์

แล้วจะปรับปรุงเพซได้อย่างไร?

เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อุณหภูมิในวันลงแข่ง , เรานอนหลับเพียงพอหรือไม่ , ถนนเส้นทางวิ่งเป็นเส้นทางเรียบหรือวิ่งขึ้นเนิน สำหรับการคำนวนเพซก็ขอให้ใช้สูตรตามนี้

  • เวลา (เป็นนาที) / ระยะทาง (ก.ม.) มันก็จะออกมาเป็น นาที/กม.

คำแนะนำมีดังนี้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่
  2. ทำตามโปรแกรมการฝึกอย่างเคร่งครัด และต้องมีการฝึกวิ่งอย่างต่อเนื่อง
  3. ต้องมีการฝึกวิ่งเทมโปโดยใช้เพซคงที่
  4. มีการฝึกวิ่ง Fartlek ซึ่งคือการวิ่งเร็วสลับกับการจ๊อกกิ้งเพื่อฟื้นตัว และมีการฝีกซ้ำๆโดยเปลี่ยนระยะทางและเวลา
  5. ควรมีการฝึก strength training ให้กล้ามเนื้อแกนกลาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจตอนวิ่ง

ควรฝึกอย่างอื่นด้วยหรือไม่?

บางครั้งเราก็ควรฝึกอย่างอื่นด้วยอย่างเช่น

  1. Strength training จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความมั่นคง , ลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บ ช่วยเพิ่มความทรหดทั้งกายและใจ นอกจากนี้การมีกล้ามเนื้อแกนกลางที่แข็งแรงจะส่งผลดีต่อฟอร์มการวิ่ง นอกจากนี้ยังช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก ช่วยเรื่องการลดไขมัน และลดอาการปวดหลังล่าง
  2. พิลาทิส จะดีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง
  3. โยคะ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ
  4. ปั่นจักรยาน
  5. ใช้โฟมโรลเลอร์ ในการคลายกล้ามเนื้อ

(ข้อ 4 กับข้อ 5 ใช้ในวันที่ต้องการพักขาจากการวิ่ง)

ควรทานอะไรช่วงก่อนการวิ่งมาราธอนและช่วงการฝึกซ้อม?

มันสำคัญมากที่เราจะต้องได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรที่มันสิ้นเปลืองด้วย

  1. เราแค่ต้องมั่นใจว่าอาหารของเรามีทั้งคาร์บและโปรตีน คาร์บจะเป็นพลังงานสำหรับวิ่ง โปรตีนจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ในแต่ละวันเราควรได้รับโปรตีน 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.
  2. ให้ทานอาหารง่ายๆ ไม่สร้างปัญหาเรื่องท้องไส้ในตอนลงแข่ง
  3. มีการทดสอบไว้ล่วงหน้าว่าตัวเองทานอาหารอะไรได้โดยไม่มีปัญหา อย่าไปลองในวันลงแข่ง
  4. ในวันลงแข่งเราอาจจะต้องทานเยอะขึ้นสักหน่อย ร่างกายเราจะเริ่มใช้คาร์บจนหมดในช่วง 90 นาทีแรก ก็ให้เตรียมอาหารที่เราทานได้ติดตัวไปด้วย ซึ่งของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ถ้าหากเป็นอาหารประเภทเจลก็จะสะดวกมาก เราก็แค่ต้องเอาน้ำติดตัวไปด้วย หรือบางคนอาจจะผสมคาร์บหรือลูกกวาดลงในน้ำดื่ม แต่อย่าลืมทดลองการทานอาหารในวันฝึกวิ่งระยะไกลด้วยนะ จะได้รู้ไปเลยว่าเราทานอะไรได้บ้าง
วิธีฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งมือใหม่

โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งมือใหม่

สัปดาห์ที่ : 1

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 30 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส :  วิ่ง Easy 30-40 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมง 15 นาที ใช้ระดับความพยายาม 3-5 จากเต็ม 10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 2

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 35 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส :  วิ่ง Easy 35-45 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมง 15 นาที – 1 ชั่วโมงครึ่งใช้ระดับความพยายาม 3-5 จากเต็ม 10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 3

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 40 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส :  วิ่ง Easy 30 นาที โดยใน 10 นาทีแรกใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , 10 นาทีต่อมาวิ่งด้วยความเร็วคงที่ ระดับความพยายาม 4-5/10 และใน 10 นาทีสุดท้ายเพิ่มระดับเป็น 6-7/10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมงครึ่งใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 4

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 30 นาที โดยใน 10 นาทีแรกใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , 10 นาทีต่อมาวิ่งด้วยความเร็วคงที่ ระดับความพยายาม 4-5/10 และใน 10 นาทีสุดท้ายเพิ่มระดับเป็น 6-7/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 30 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 60-70 นาที โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 5

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้นให้วิ่ง 3 เซ็ต เซ็ตละ 5 นาที ใช้ระดับความพยายาม 6-7/10 โดยในหลังแต่ละเซ็ตให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 90-120 วินาทีเป็นการฟื้นตัว , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 40-50 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมง 40-50 นาที  โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 6

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้นให้วิ่ง 4 เซ็ต เซ็ตละ 5 นาที ใช้ระดับความพยายาม 6-7/10 โดยในหลังแต่ละเซ็ตให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 90-120 วินาทีเป็นการฟื้นตัว , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 40-50 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมง 45-55 นาที  โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 7

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้นให้วิ่ง 3 เซ็ต เซ็ตละ 7 นาที ใช้ระดับความพยายาม 6-7/10 โดยในหลังแต่ละเซ็ตให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 90-120 วินาทีเป็นการฟื้นตัว , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 40-50 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 (ช่วง10 นาทีสุดท้ายถ้าไม่เหนื่อยก็ให้เพิ่มระดับเป็น 6-7/10)
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมง 30 นาที  โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 8

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง 4 นาที , 4 นาที , วิ่ง 3 นาที , 2 นาที , 1 นาที , โดยในแต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 90 วินาที แต่ละรอบให้เปลี่ยนเพิ่มระดับความพยายามจาก 6/10 ไปจนถึง 8-9/10 ในรอบท้ายๆ
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 50 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 75-90 นาที  โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 2-4 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 9

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้นให้วิ่ง 5 เซ็ต เซ็ตละ 5 นาที ใช้ระดับความพยายาม 7/10 โดยในหลังแต่ละเซ็ตให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 90-120 วินาทีเป็นการฟื้นตัว , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 45-60 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งทั้งหมด 45 นาที โดย 15 นาทีแรกให้เราวิ่ง Easy ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , 15 นาทีต่อมายกระดับเป็น 4-5/10 และใน 15 นาทีสุดท้าย 6-7/10 หรือวันนี้ฝึก Cross Training ก็ได้
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 2 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมง 15 นาที  โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 10

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้น วิ่ง 5 นาที , 4 นาที , วิ่ง 3 นาที , 2 นาที , 1 นาที , โดยในแต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 90 วินาที แต่ละรอบให้เปลี่ยนเพิ่มระดับความพยายามจาก 6/10 ไปจนถึง 8-9/10 ในรอบท้ายๆ , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 30-45 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 2 ชั่วโมง 20 นาที – 2 ชั่วโมง 40 นาที  โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 11

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้น วิ่ง 4 เซ็ต เซ็ตละ 6 นาที ใช้ระดับความพยายาม 7/10 หลังจบแต่ละเซ็ตวิ่งจ๊อกกิ้งฟื้นตัว 90-120 วินาที , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 45-60 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 2 ชั่วโมง 45 นาที – 3 ชั่วโมง โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว

สัปดาห์ที่ : 12

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้น วิ่ง 6 เซ็ต เซ็ตละ 3 นาที โดยในเซ็ตที่ 1,3,5 ใช้ระดับความพยายาม 6-7/10 และในเซ็ตที่ 2,4,6 ใช้ระดับความพยายาม 8-9/10 (หลังแต่ละเซ็ตให้พัก 90 วินาที) , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 50-70 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 40-50 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 2 ชั่วโมง 50 นาที – 3 ชั่วโมง 10 นาที โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว และวันนี้ให้ฝึกซ้อมการเตรียมอุปกรณ์สำหรับวันลงแข่งจริง

สัปดาห์ที่ : 13

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้น วิ่ง 6-8 เซ็ต เซ็ตละ 2 นาที โดย ใช้ระดับความพยายาม 8-9/10 (หลังแต่ละเซ็ตให้พัก 90 วินาที) , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส :  : วิ่ง Easy 60-75 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 แต่ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายยกระดับเป็น 7/10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 2 ชั่วโมง 30 นาที – 2 ชั่วโมง 40 นาที โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว และวันนี้ให้ฝึกซ้อมการเตรียมอุปกรณ์สำหรับวันลงแข่งจริง

สัปดาห์ที่ : 14

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้น วิ่ง 3 เซ็ต เซ็ตละ 8 นาที โดย ใช้ระดับความพยายาม 7/10 (หลังแต่ละเซ็ตให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 90-120 วินาที) , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส :  วิ่ง Easy 45-60 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 40-50 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 1 ชั่วโมง 45 นาที – 2 ชั่วโมง โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-5 /10 ถ้าหากจำเป็นก็ให้วิ่งสลับกับเดินเร็ว และวันนี้ให้ฝึกซ้อมการเตรียมอุปกรณ์สำหรับวันลงแข่งจริง

สัปดาห์ที่ : 15

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วอร์มอัพโดยการวิ่ง Easy 10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , จากนั้น วิ่ง 5 เซ็ต เซ็ตละ 3 นาที โดยในเซ็ตที่ 1,3,5 ใช้ระดับความพยายาม 6-7/10 และในเซ็ตที่ 2,4 ใช้ระดับความพยายาม 8-9/10 (หลังแต่ละเซ็ตให้พัก 90 วินาที) , คูลดาวน์โดยการวิ่ง Easy 5-10 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่งทั้งหมด 45 นาที โดย 15 นาทีแรกให้เราวิ่ง Easy ใช้ระดับความพยายาม 2-3/10 , 15 นาทีต่อมายกระดับเป็น 4-5/10 และใน 15 นาทีสุดท้าย 6-7/10 หรือวันนี้ฝึก Cross Training ก็ได้
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 30-40 นาที หรือฝึก Cross Training ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 70 นาที โดยให้เพื่อนๆใช้ระดับความพยายาม 3-4 /10 

สัปดาห์ที่ : 16

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 30 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 20-30 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งจ๊อกกิ้ง Easy 15 นาที ใช้ระดับความพยายาม 2-3 จากเต็ม 10
  • วันอาทิตย์ : วันลงแข่งจริงขอให้ทุกคนวิ่งให้สนุก
โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งมือใหม่

แหล่งที่มา : https://bit.ly/3EoJMv2


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

Related

Tags: MarathonMarathon GuideMarathon Training Planrunner guiderunningRunning Guideการวิ่งคำแนะนำในการวิ่งตารางซ้อมวิ่งตารางซ้อมวิ่งมาราธอนตารางฝึกวิ่งมาราธอนวิ่งแผนซ้อมวิ่งแผนซ้อมวิ่งมาราธอนแผนฝึกวิ่งโปรแกรมซ้อมวิ่งโปรแกรมซ้อมวิ่งมาราธอนโปรแกรมฝึกวิ่ง
Previous Post

ทำไมการดูแลโภชนาการจึงจำเป็นต่อการออกกำลังกาย

Next Post

ไขมันออกไปจากร่างกายได้อย่างไร ในช่วงที่เราลดน้ำหนัก?

Thip

Thip

Related Posts

วิธีทำเวลาวิ่งระยะทาง 10K ให้ได้ภายในเวลา 55 นาที

วิธีทำเวลาวิ่งระยะทาง 10K ให้ได้ภายในเวลา 55 นาที

29/01/2023
เราควรออกกำลังกายฝึกกลุ่มกล้ามเนื้อกี่ครั้งต่อเซ็ต

เราควรออกกำลังกายฝึกกลุ่มกล้ามเนื้อกี่ครั้งต่อเซ็ต

27/01/2023
การวิ่งช่วยลดระดับความเครียดและความกังวลได้อย่างไร

การวิ่งช่วยลดระดับความเครียดและความกังวลได้อย่างไร

13/01/2023
11 กระบวนท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งสำหรับนักวิ่ง

11 กระบวนท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งสำหรับนักวิ่ง

12/01/2023
โปรแกรมฝึกวิ่งสลับเดิน สำหรับลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน

โปรแกรมฝึกวิ่งสลับเดิน สำหรับลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน

11/01/2023
นักวิ่งจะเริ่มวิ่งได้ช้าลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นหรือไม่

นักวิ่งจะเริ่มวิ่งได้ช้าลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นหรือไม่

10/01/2023
Next Post
ไขมันออกไปจากร่างกายได้อย่างไร ในช่วงที่เราลดน้ำหนัก

ไขมันออกไปจากร่างกายได้อย่างไร ในช่วงที่เราลดน้ำหนัก?

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 11.5k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

วิธีเพิ่มความเร็วสำหรับการวิ่งแบบ 5K

วิธีเพิ่มความเร็วสำหรับการวิ่งแบบ 5K

by FatxRun
30/01/2019

ตอบข้อสงสัย ทำ Intermittent Fasting กินน้ำอัดลม 0 แคลได้ไหม

ตอบข้อสงสัย ทำ Intermittent Fasting กินน้ำอัดลม 0 แคลได้ไหม

by Thip
23/06/2021

e-bike Camper จักรยานแคมป์เปอร์เคลื่อนที่

e-bike Camper จักรยานแคมป์เปอร์เคลื่อนที่ สำหรับการพักผ่อนนอกสถานที่แบบง่าย ๆ

by Thip
03/04/2021

สปาร์ตันเปิดตัว SPARTAN TRAIL

สปาร์ตันเปิดตัว SPARTAN TRAIL การแข่งขันวิ่งผจญภัยรูปแบบใหม่ที่ไทยอาจเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้เข้าร่วม

by Thip
19/04/2020

ตารางซ้อมวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับลงแข่งครั้งแรก

ตารางซ้อมวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์ สำหรับลงแข่งครั้งแรก

by Thip
06/09/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS bike cycling Exercises Fun Run Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Smart watch workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง จักรยาน ตารางซ้อมวิ่ง ท่าออกกำลังกาย นักปั่น นักวิ่ง นักไตรกีฬา ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง ลดน้ำหนัก วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โภชนาการ ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (171)
  • Fitness & Health (337)
  • News (724)
  • Review (126)
  • Running (814)
  • Stories (201)
  • Training (319)
  • Triathlon (109)
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...