ประวัติศาสตร์ของมาราธอน ทำไมต้อง 42.195 กิโลเมตร
ในยุคที่งานวิ่งครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย คำว่า “มาราธอน” มันก็แพร่หลายตามไปด้วย ถูกไหมครับ แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าการวิ่งมาราธอนระยะ 42.195 กิโลเมตร นั้นมีที่มาจากอะไร ทำไมต้องเป็น 42.195 กิโลเมตร เป็น 40 กิโลเมตรถ้วนไม่ได้หรือ? ในบทความนี้ผมจึงจะขอตีแผ่ที่มาของการวิ่งมาราธอนให้ได้อ่านกัน
อันที่จริงผมก็ไม่ใช่คนที่เก่งประวัติศาสตร์มากมายหรอกนะครับ แต่ด้วยความที่เป็นนักวิ่งคนหนึ่ง ซึ่งก็เคยคิดสงสัยว่าทำไมระยะ Full Marathon มันต้องมีเศษ 2.95 ด้วยหว่า (อารมณ์คล้ายกับอยากต่อราคาสินค้าอ่ะครับ ประหยัดไปได้อีกสัก 2.95 กิโลเมตร มันก็ดีกว่าหรือเปล่า) ก็เลยไปหาคำตอบมา
จริงอยู่ที่ว่า “มาราธอน” มีต้นกำเนิดย้อนไปเมื่อประมาณ 490 ปีก่อนคริสตกาลนู่นเลย ในช่วงที่มีการสู้รบระหว่างกรีซและเปอร์เซียที่บริเวณ “ทุ่งมาราธอน” ซึ่งเมื่อกรีซได้ชัยชนะเหนือเปอร์เซีย นายทหารส่งสารที่มีชื่อว่า Pheidippides ต้องทำหน้าที่ไปแจ้งข่าวแห่งชัยชนะนี้ที่กรุงเอเธนส์ เขาได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ด้วยการวิ่งด้วยเท้าเปล่าจากทุ่งมาราธอนไปยังกรุงเอเธนส์ รวมระยะทางประมาณ 25 ไมล์ หรือเท่ากับ 40 กิโลเมตร
เมื่อไปถึงจุดหมาย เขาตะโกนว่า “เราชนะแล้ว” และล้มลงสิ้นใจ อันนี้ผมคิดเห็นส่วนตัวว่า ด้วยหน้าที่ของทหารส่งสารในการศึกที่สู้รบติดพันมาก่อนหน้า น่าจะทำให้สภาพร่างกายของเขาย่ำแย่พอสมควรอยู่แล้ว เมื่อฝืนวิ่งมาถึงกรุงเอเธนส์จึงหมดพอดี เต็มที่แล้วสำหรับสภาพร่างกายของเขาตอนนั้น ซึ่งนี่ถือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับที่มาของการวิ่งมาราธอน

การแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี ค.ศ.1896 ถือเป็นตำนานบทใหม่ของวงการแข่งขันวิ่งมาราธอน เพราะมีการจัดแข่งขันเป็นครั้งแรก ในระยะทาง 40 กิโลเมตร ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชนะก็เป็นชาวกรีก ซึ่งเป็นประเทศต้นตำรับของตำนานนี้นั่นเอง นักวิ่งคนนี้ชื่อว่า Spyridon Louis ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง 58 นาที กับอีก 50 วินาที โดยใช้เส้นทางระหว่างเมืองมาราธอนกับสนามกีฬา Panathenaic
แล้วจาก 40 กิโลเมตร กลายมาเป็น 42.195 กิโลเมตรได้อย่างไร?
จากตำนานที่ทุ่งมาราธอน ระยะทางที่ Pheidippides วิ่ง คือ 25 ไมล์ หรือประมาณ 40 กิโลเมตร แต่สำหรับการวิ่งระยะมาราธอนในการแข่งขันโอลิมปิก เกิดตัวแปรหลายอย่างจากหลายปัจจัย จึงไม่สามารถบังคับให้ระยะทางรวม เท่ากับ 40 กิโลเมตรเป๊ะ ๆ ได้เท่ากันทุกครั้ง พูดง่าย ๆ ว่าเกือบทุกปีต้องมีขาดนิดเกินหน่อย
จนมาถึงปี ค.ศ. 1908 ซึ่งกรุงลอนดอนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก จุดออกตัวอยู่บริเวณใกล้กับปราสาทวินเซอร์ (ด้วยเหตุผลที่ซุบซิบกันว่า เพราะราชวงศ์อังกฤษทรงโปรดปรานการดูกีฬา และต้องการดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด) ส่วนเส้นชัยก็ถูกขยับไปยังที่นั่งแถววีไอพี และในปีนั้น ระยะทางรวมจบที่ 26.22 ไมล์ หรือ 42.195 กม.
ซึ่งเป็นระยะทางเดียวกับที่ สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ กำหนดให้เป็นระยะการแข่งขันอย่างเป็นทางการของการวิ่งมาราธอน ดังนั้นระยะ 42.195 กม.จึงถูกใช้อย่างเป็นทางการเรื่อยมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 ที่ทางสหพันธ์ฯ ประกาศจนถึงปัจจุบัน รู้ที่มาที่ไปแบบนี้แล้ว ผมก็คงทำได้แค่ยอมรับสภาพ ไม่สามารถขอต่อรองระยะเหลือ 40 กิโลเมตรถ้วนได้อีก เพราะต่อรองช้าไปเกือบร้อยปี
หากเพื่อนนักวิ่งท่านใด รู้สึกซาบซึ้งใจกับตำนานของ “มาราธอน” เพื่อน ๆ สามารถไปวิ่งตามรอยเส้นทางในประวัติศาสตร์และตำนานอันเก่าแก่ได้ในงานวิ่งที่ชื่อว่า Athens Authentic Marathon นะครับ จะจัดขึ้นทุกปีในเดือนพฤศจิกายน ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เข้าไปติดตามรายละเอียดการแข่งขันกันได้ง่าย ๆ เลยที่ www.athensauthenticmarathon.gr ผมว่าน่าสนใจมากสำหรับใครที่สะดวกไปเข้าร่วม เพราะถ้าวิ่งจบก็จะถือว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ไปวิ่งในเส้นทางแห่งตำนานเลยทีเดียว เท่สุด ๆ !!
