[Initial Review] On Cloud Edge = The New Cloud + ผ้าขนสัตว์ Wool + หนัง Vegan Leather
The New Cloud หรือ Cloud 2018 คือ คำตอบของ On Running สำหรับกลุ่ม “รองเท้าเที่ยว รองเท้าวิ่ง คู่เดียวกัน” หรือ casual runner (ส่วนใหญ่ คนจะเรียก athleisure คือ athletic + leisure) ส่วน On Cloud Edge คือ New Cloud แบบ Limited Edition
ออกวางขาย 5,000 คู่ทั่วโลก เข้าเมืองไทย 200 คู่ (ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย)
และ ใช้วัสดุพิเศษกว่ารุ่นธรรมดา คือ ใช้ผ้าขนสัตว์ (wool) กับ หนังเทียม (vegan leather) ถือว่าจัดเต็มมาก ในแง่การเลือกวัสดุ
– – – – –
(ใครรู้จักยี่ห้อนี้อยู่แล้ว ข้ามไปย่อหน้าถัดไปได้เลย)
On Running เป็นที่รู้จักในหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น
☑ ดาราชื่อดัง ใส่ออกกำลังกาย ลง IG
☑ Run on Cloud หรือ วิ่งบนปุยเมฆ (ตามชื่อ แต่ไม่รู้คืออะไร)
☑ เห็น elite ใส่ในรายการไตรกีฬาระดับโลก
สำหรับเรา สิ่งที่เด่นของแบรนด์นี้ มี 3 อย่างหลัก
1) คอนเซ็ปท์ “Cushioned Landing & Firm Take off”
คือ รับแรงกระแทกได้ดี เวลาลงเท้า (landing) แล้วแน่น เวลาดันตัวออก (push off หรือ take off)
อันนี้เป็นเหมือน DNA หลักของแบรนด์นี้เลย
ใช้พื้นที่ออกแบบ ให้หาข้อดี ตรงกลางระหว่าง“รับแรงกระแทกได้ดี ตอนลงเท้า (มักจะนุ่ม) พอส่งตัวออก กลายเป็นยวบ ซึ่งเปลืองแรง” หรือ “แน่น ส่งตัวได้ดี (แนว barefoot running หรือ natural running) ซึ่งจะกระด้างตอนลงเท้า”
หรือ พูดอีกแง่นึง คือ
☑ ได้ออกตัวแน่นๆ แบบ barefoot running อยู่
☑ และยังได้การรับแรงกระแทกได้ดีแบบรองเท้ายุคใหม่
โดยใช้ Speed Board (ดูข้อ 2) เป็นฐาน อยู่ใต้ insole (และ strobel board ที่ทำด้วยผ้า) และ ปุ่ม Cloud Pod อยู่ใต้ Speed Board รับแรงกระแทก
ดูวิดีโอ “Cushioned Landing & Firm Take off” ได้ที่เว็บ https://goo.gl/LN75JN
2) Speed Board กับ Ground Feel
Speed Board คือ แผ่นพลาสติก เสริมโครงสร้างให้รองเท้าที่ออกแนว minimal มีโครงสร้างขึ้นมา
นึกภาพรองเท้าแนว minimal อย่าง Nike Free ที่จะ flexible ม้วนได้ทุกทิศทาง เท้าได้อารมณ์ natural running ได้เต็มที่
พอเสริม Speed Board เข้าไปจะช่วยให้รองเท้าที่ flexible ม้วนได้ทุกทิศทาง คืนตัวมาทรงเดิมได้ดีขึ้น
Speed Board ของ On Running ไม่ได้เป็นแผ่นพลาสติกเรียบๆนะ เป็นเหมือนแถบพลาสติก มาสานกัน 3 ทิศทาง ได้แรงดีดทั้ง 3 แนวแนวตั้ง แนวนอน และ แนวทแยงมุม (ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่คอมเม้น)
แผ่นนี้ มองไม่เห็น เพราะแทรกอยู่ ใต้ insole (แผ่นรอง) และ strobel board ที่ทำด้วยผ้า
ถ้าถอด แผ่นรอง insole ออก แล้วเอาเล็บเคาะดู จะได้ยินเสียง “ป๊องๆๆ” แสดงให้ถึงความเฟิร์มของ speed board
ส่วนนี้ คนที่ชอบ ground feel จะชอบมาก และเป็นส่วนผสมที่ไม่ค่อยเจอ คือ ถ้ารับแรงกระแทกได้ดี ปรกติมักไม่มี ground feel
ส่วนตัว Speed Board ไม่ได้ “ดีด” มาก เป็นแนวการทำให้พื้นมีโครงสร้าง และ ให้ ground feel มากกว่า ให้ความรู้สึกมั่นคง
3) Swiss Design
สั้นๆ เรื่องนี้ต้องยอมเลย สวยจริง
– – – – –
กลับมาที่รุ่น Cloud Edge
เริ่มในแง่ New Cloud ก่อน
New Cloud เป็นรุ่นที่พัฒนามากจาก The Cloud เดิม แล้วปีนี้ แยกย่อยเป็น 2 รุ่นใหม่ คือ
1) New Cloud สำหรับ casual runner
2) Cloud X สำหรับ performance runner (ยังไม่เข้าเมืองไทย)
New Cloud เพิ่มยาง out sole (ใช้ยางของตัวเอง ชื่อ CloudTec) ให้มากขึ้น เพิ่มทนมากขึ้น และ พื้นโฟม midsole (ที่เป็นปุ่ม Cloud Pod) รู้สึกแน่น และทนมากขึ้น (บางข่าวบอกว่าผสมยางมาขึ้น)
ด้านรับแรงกระแทก ปุ่ม Cloud Pod ทำได้ดี แบบไม่นิ่ม ไม่ยวบ ออกแนวโปร่งๆ อธิบายเป็นคำพูดยาก ต้องลองเอง
(ความนิ่ม กับ การรับแรงกระแทก นี่คนละส่วนกันนะ บางทีคนชอบสับสน เอามารวมกัน)
การที่ปุ่ม Cloud Pod แยกจากกัน ทำให้รองเท้า flexible มากๆ ดัด บิด ไปทิศไหน ทำได้หมด
ร่วมกับ heel drop ของรองเท้า (ส่วนต่างระหว่างความหนาของพื้นที่ส้นเท้า กับความหนาของพื้นที่หน้าเท้า) 6 มม ซึ่งถือว่าเป็น low-to-medium drop
เสริมให้เท้าเราทำงาน เป็นธรรมชาติ (ในแง่นึงเป็นการ activate กล้ามเนื้อเล็กในเท้าให้ทำงาน แนวคิดเดียวกับ natural running)
? ยี่ห้อ On = ตัวโอ + ตัวเอ็น (บางคนชอบมองเป็น ตัวคิว + ตัวเอ็น) สะท้อนถึง การเปิดสวิทช์เท้าเราพร้อมวิ่ง
อีกด้านนึง การมีปุ่ม Cloud Pod แยกจากกัน อาจจะรู้สึกว่า foot transition (การถ่ายน้ำหนักของเท้า) ระหว่างการเดิน/วิ่ง ไม่ราบเรียบเท่าแผ่นโฟมที่เป็นชิ้นเดียว (one-piece midsole) อันนี้ก็แลกกันกับความ flexible และพอใส่ไปจริงๆสักพักก็ปรับตัวได้ (เทคนิคส่วนตัวเวลาลองรองเท้าใหม่ ที่ไม่ชิน จะลองใส่วิ่งบนลู่ หรืออย่างน้อยเดิน ดูสักพัก ถอดออก แล้วลองสวมอีกครั้ง จะเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น)
ปุ่ม Cloud Pod ของ New Cloud ปรับมา ให้การซ่องร่อง เป็นทรงตัว V (ดูรูป) ปรับจากรุ่นเดิม ที่มีบางคนบอกว่าเศษหินชอบเข้าไปค้าง
พอเซาะร่องเป็น V shape หมายความว่า พื้นผิวที่สัมผัสพื้นน้อยลง ตอนแรกเป็นห่วงว่าจะ รู้สึกมั่นคงน้อยลงไหม (เทียบกับ Cloud ตัวเดิม) จากที่ลองก็โอเคนะ (บางทีก็กังวลไปก่อนเอง)
ส่วนตัวเลือกไซส์ มาตรงไซส์เลย ไม่ต้องเผื่อไซส์ หน้าเท้ากว้างก็พอใส่ได้ สังเกตว่าทรงหน้าเท้าจะไม่แหลมมาก
ใครเคยใส่ On Cloud รุ่นเดิม พอมารุ่นนี้จะรู้สึกสบายอุ้งเท้ามากขึ้น ไม่โอบกระชับมากเท่าเดิม
เชือกที่ติดมาเลยเป็น แบบยางยืด หรือ speed lacing
ชอบมาก ใส่/ถอดง่าย และก็ยังกระชับมากพอที่จะใส่วิ่งได้เลย แน่นอนแต่ละคนเท้ากว้างและหลังเท้าอูมต่างกัน ใส่หนแรกๆอาจจะต้องมีปรับเชือกยางยืด (speed lacing) นิดหน่อย ปรับง่าย ทำได้เองเลย คลายปมแล้วผูกใหม่
หรือ ใครลองแล้วไม่ชิน เค้าก็มีเชือกแบบธรรมดามาให้ด้วย
ส่วนตัว จากที่มี On Cloud มาเป็นคู่ที่ 2 ก็ชอบ speed lacing มากกว่า (แล้วเอาเชือกธรรมดาไปสลับใส่กับคู่อื่น)
แล้วจากที่ลอง ใส่ไปทำงาน ใส่เดินลำลอง ใส่ไปฟิตเนส และ ใส่ไปวิ่ง city run 10 กม เพซ 6:30-7:30 นาที/กม
ถือว่าสอบผ่านเลย คู่เดียวจบ เบา ใส่ทำงาน ใส่ลำลอง ใส่ไปยิม ใส่วิ่งสบายๆ
– – – – –
เหมาะกับวิ่งเพซไหน ระยะไหน ??
ส่วนตัว จากที่ลอง วิ่งเพซราว 6:30 – 7:30 นาที/กม
ระยะ 10 กม รู้สึกว่าเป็นระยะที่กำลังดีของรุ่นนี้
ส่วนทีมงาน OUT RUN ฝ่ายหญิง ที่วิ่งเพซช้ากว่านี้ ใส่ On Cloud รุ่นเดิม ก็ชอบ ใส่บ่อยด้วย ทั้งทำงาน ปั่นจักรยาน วิ่ง หรือกระทั่งไตรกีฬา (ใส่คู่เดียวทั้งปั่นและวิ่ง)
ระยะมากกว่านี้ได้ไหม ขอตอบแบบไม่เคยลอง ว่า “ได้”
เห็นหลายคนใส่ จบ ระยะ 42 กม หลายหนเลย (ซ้อมต้องถึงด้วยนะ ไม่ใช่หวังให้รองเท้าช่วยอย่างเดียว)
แล้ววิ่งเพซเร็วกว่านี้ล่ะ ขอตอบแบบลองสปริ้นสั้นๆ ว่า “พอได้” จากความเบา
ส่วนจะชอบมากน้อยแค่ไหน แนะนำให้ลองดู หรือจะลองรุ่น Cloud X (ที่น่าจะใกล้เข้าเมืองไทยแล้ว) ประกอบการตัดสินใจก็ได้ (อันนี้ก็น่าสนใจ ยังไม่เคยลอง ตามข่าวคือ เน้นให้เด้งกว่า On Cloud เดิม) หลายร้านที่ขาย มีลู่วิ่งให้ลองด้วย ดีมาก
ส่วนตัวถ้าจะเน้น performance จ๋าๆเลย
ของแบรนด์นี้ ก็ยังมีตัวอื่นให้เลือกอีก เช่น รุ่น Cloud Racer หรือ แนว racing flat สุดๆเลย อย่างรุ่น Cloud Flash
หรือ ถ้าจะเน้น รับแรกกระแทกให้มากขึ้นไปอีก (แลกกับน้ำหนักมากขึ้น) เช่น รุ่น Cloud Flow หรือ Cloud Flyer
จากที่ลอง มองรุ่นนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีเลย สำหรับ casual wear ใส่ทำงาน ใส่ลำลอง ที่ใส่ออกกำลังกายต่อได้ ในคู่เดียว เช่น ฟิตเนส หรือ วิ่งจ็อคเล่นๆกับเพื่อน (บางคน จ็อคเล่นๆ กับเพื่อนหนละ 15-20 กม ก็มีนะ อันนี้เคยเจอ)
หรือ เป็นรองเท้า เวลาเดินทาง เช่น ไปต่างเมือง แล้วตื่นเช้ามาวิ่ง city run ดูบ้านดูเมือง
วันอื่น ที่ซ้อมจริงจัง เช่น ทำความเร็วหรือ วิ่งระยะมากกว่านี้ ส่วนตัวจะมีตัวเลือกอื่น
– – – – –
ต่างจาก On Cloud เดิมแค่ไหน ??
ส่วนตัว อันนี้จะเข้ากรณี บางครั้ง อะไรที่ดีอยู่แล้ว ก็พยายามเปลี่ยนให้น้อยที่สุด
On Cloud เดิม เป็นคำตอบที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้ของมันในตัวอยู่แล้ว
ต้องชมทีม product design ที่ได้โจทย์ “เพิ่มความทนทาน” “ให้ร่องไม่มีก้อนกรวดค้าง” แล้วยังก็คาแรคเตอร์เดิมได้หมด คือ “เบา” “flexible”
สังเกต เพิ่มยาง outsole ไป เพื่อให้ทนขึ้น และ ปรับโฟมให้ทนขึ้น (ปรกติก็จะหนักขึ้น) แล้วยังรักษาให้น้ำหนัก ให้คงคาแรคเตอร์ “เบา” ได้เหมือนเดิม
On Cloud เดิม ไซส์ 9.5 US = 7.9 ออนซ์ หรือ 224 กรัม
On Cloud Edge ไซส์ 9.5 US = 8.2 ออนซ์ หรือ 232 กรัม
ต่างกัน 8 กรัม นึกภาพ น้ำตาล 2-3 ช้อนชา (น้อยมาก แทบไม่รู้สึก)
– – – – –
ในแง่การใช้วัสดุ upper ของ Cloud Edge ต้องบอกเลยว่า น่าสนใจมาก
เห็นแว็บแรก คือ สวยมาก เด่น ทันสมัย สะดุดตา
แว็บที่สอง คือ สงสัย ว่า ผ้า ขนสัตว์ wool จะเป็นยังไง กับอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย
แว็บที่สาม หลังจากลองวิ่งเบื้องต้น city run 10 กม (พื้นฟุตบาทคอนกรีต ผสม ถนนลาดยางในสวน) ในวันที่ กรุงเทพ อากาศ ร้อนชื้น (30 องศา) คือ ประหลาดใจ
ประหลาดใจว่า upper ผ้า wool ที่เป็นห่วง ว่าจะอับไหม ปรากฎว่าไม่ได้อับมาไปกว่าผ้าทั่วไป แน่นอนไม่ได้โปร่งจ๋าขนาดจะเทียบกับ ผ้า mesh ชั้นเดียว (single layered mesh)
และยิ่งเพิ่มความ exclusive โดยการออกมาแค่ 5,000 คู่ทั่วโลก (เข้าไทย 200 คู่) นี่ยิ่งทำให้รองเท้าคู่นี้พิเศษเข้าไปใหญ่เลย
– – – – –
โดยสรุป On Cloud Edge เป็นรองเท้าวิ่งกึ่งลำลอง ที่สวยมาก ชอบสี ชอบดีไซน์ ชอบการเลือกใช้วัสดุ แถมด้วยความ exclusive ที่มีแค่ 5,000 คู่ทั่วโลก (เข้าไทย 200 คู่)
เป็น casual runner ที่มีส่วนผสมลงตัว ใส่ทำงาน ใส่ลำลอง ที่ใส่ออกกำลังกายต่อได้ ในคู่เดียว เช่น ฟิตเนส หรือ วิ่งจ็อคเล่นๆกับเพื่อน
หรือ เป็นรองเท้า เวลาเดินทาง เช่น ไปต่างเมือง แล้วตื่นเช้ามาวิ่ง city run ดูบ้านดูเมือง
ขอขอบคุณ On Thailand ที่ให้รองเท้ามาเพิ่อรีวิว และ เปิดกว้างให้เรารีวิวได้เต็มที่
มีวางขายแล้ว ราคา 6,500 บาท จำนวนจำกัด เฉพาะที่ 2 ร้านนี้
– On Running Pop up Store ของ REV RUNNR ห้าง Mega Bangna ชั้น 2
– ร้าน รองเท้าวิ่ง Run2Paradise ศรีนครินทร์
#outrunTH
#CloudEdge #CloudEdgeTH
#OnRunning #OnRunningTH #REVRUNNR
– – – – –
หมายเหตุ
สำหรับ ในฟิตเนส ส่วนตัว ส่วนใหญ่ คือ weight training และ ออกกำลังกายที่ใช้ body weight
ถ้าใคร มี class ที่โยกซ้ายขวาเยอะมากๆ หรือ ยกน้ำหนักที่หนักมาก อาจจะต้องการรองเท้าที่เฉพาะสำหรับ (สำหรับ training โดยเฉพาะ)
เหตุผลนึงที่เห็นยี่ห้อนี้ในงานแข่งไตรกีฬาระดับชิงแชมป์โลกบ่อยๆ คือ Olivier Bernhard 1 ในผู้ก่อตั้ง เป็นแชมป์ Iron Man 6 สนาม และ แชมป์ World Duathlon 2 สมัย
รองเท้าที่ “ดีที่สุด” สำหรับคนอื่น ไม่ได้แปลว่า “เหมาะที่สุด” สำหรับเรา และมีหลายปัจจัยมาก ที่จะบ่งบอกความ “เหมาะที่สุด” สำหรับแต่ละคน
รองเท้าวิ่ง เป็นเพียงปัจจัยเดียว ของการวิ่งที่ดี และหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ยังมีอีกหลายปัจจัยแนะนำให้ดู “ท่าวิ่ง” และ “การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ” ควบคู่ไปด้วย
รองเท้าในบางรูป จะมอมหน่อย
? ใส่วิ่งเส้นทาง Green Mile (ที่เชื่อมระหว่างสวนลุมกับสวนเบญจกิตติ) ใบไม้ร่วงที่พื้นเยอะ พอจะเอามาใส่ casual เอามาเช็ดๆหน่อย ก็หล่อเหมือนเดิม