เคยสงสัยไหม ทำไมนักวิ่งต้องมีรองเท้าวิ่งหลายคู่ ไปหาคำตอบกัน
การมีรองเท้าวิ่งหลายคู่ อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วในหมู่คนที่รักการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่วิ่งเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน หรือวิ่งออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงก็ตาม ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น แต่สำหรับนักวิ่งระดับมืออาชีพมันถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมาก พวกนักวิ่งมืออาชีพจะมีรองเท้าวิ่งไว้สับเปลี่ยนกันตั้งแต่ 5-10 คู่เลยทีเดียว เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร การเปลี่ยนรองเท้าหลายคู่มันส่งผลต่อการวิ่งอย่างไร ทำไมนักวิ่งต้องมีรองเท้าวิ่งหลายคู่ ไปหาคำตอบกัน
ทำไมนักวิ่งควรสับเปลี่ยนรองเท้าวิ่ง
ถึงแม้ว่านักวิ่งส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องสับเปลี่ยนรองเท้าวิ่ง แต่การสับเปลี่ยนรองเท้ามันก็มีประโยชน์ที่คาดไม่ถึงอยู่หลายอย่าง เพื่อนๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬาอาชีพหรือนักวิ่งเร็วก็ได้ และไม่ว่าเราจะวิ่งเพื่อรักษารูปร่างหรือวิ่งเพื่อทำเวลาตอนแข่ง 5k หรือวิ่งมาราธอนก็ตาม นักวิ่งส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการสับเปลี่ยนรองเท้าไม่มากก็น้อยแน่นอน
ไม่ว่าเราจะฝึกวิ่งเพราะอะไรก็ตาม การสับเปลี่ยนรองเท้าจะช่วยเพิ่มคุณภาพในการฝึก และช่วยป้องกันการได้รับบาดเจ็บได้
นักวิ่งควรมีรองเท้าไว้สับเปลี่ยนกี่คู่
หากเราวิ่ง 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ และวิ่งเพื่อรักษารูปร่างเท่านั้น การสับเปลี่ยนรองเท้าสัก 2 คู่ก็อาจจะพอแล้ว แต่ถ้าเพื่อนๆ กำลังฝึกเพื่อวิ่งระยะไกล หรือต้องฝึกวิ่งเร็ว ก็ควรที่จะมีรองเท้าสัก 3 คู่ เอาไว้สับเปลี่ยนกัน
แล้วเราควรใช้รองเท้าประเภทเดียวกันหรือเปล่า
คำตอบขึ้นอยู่กับรูปแบบการฝึกของเรา หากเพื่อนๆ แค่วิ่งเพื่อรักษารูปร่างและไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ก็ให้ใช้รองเท้าแบบเดียวกัน 2 คู่ก็พอแล้ว แต่ถ้าเพื่อนๆ กำลังฝึกโดยมีเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงล่ะก็ ควรจะต้องมีการใช้รองเท้าประเภทต่างๆ ที่เหมาะกับรูปแบบการฝึกของเรามากที่สุด ถ้าจะฝึกวิ่งเร็วก็ให้ลองใส่รองเท้าเบาๆ แต่ถ้าวิ่งระยะไกลก็จะใช้รองเท้าที่มีน้ำหนักมากขึ้น การที่เรามีรองเท้าที่เหมาะกับรูปแบบการใช้งานและสวมใส่สบาย มันจะช่วยให้เราวิ่งได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
รองเท้าวิ่งมีอายุการใช้งานเท่าไหร่
สำหรับการใช้แบบทั่วไป รองเท้าวิ่งจะใช้งานได้ 500 ไมล์ หรือประมาณ 804 กม. แต่มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น สภาพถนนที่เราวิ่ง , มีการสับเปลี่ยนรองเท้าหรือไม่ , วิธีวิ่งของเรา และเหตุผลอื่นๆ

หลักการสับเปลี่ยนรองเท้าวิ่งเบื้องต้น
หากเพื่อนๆ ตัดสินใจแล้วว่า อยากจะมีการสับเปลี่ยนรองเท้าวิ่งมากกว่าหนึ่งคู่ คำถามที่ตามมาคือจะทำอย่างไร? มันเป็นเรื่องที่ฟังดูเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอยู่พอสมควรเลย และจากนี้ไปคือคู่มือเบื้องต้นที่แนะนำให้เพื่อนๆ ลองนำไปใช้กันดู
- เลือกใช้รองเท้า ให้ตรงกับประเภทการวิ่ง และสภาพของเส้นทาง
- เลือกว่าควรมีรองเท้า 2-3 คู่ หรือมากกว่านั้น
- ถ้าหากตัดสินใจว่าจะมี 3 คู่ขึ้นไป ก็ควรเป็นรองเท้าประเภทเดียวกันอย่างละ 2 คู่
- แยกรองเท้าเอาไว้สำหรับวิ่งในวันลงแข่งหรือวันสำคัญ
- จัดรองเท้าให้ตรงตามประเภท ตอนซื้อต้องเลือกคู่ที่เหมาะกับอุ้งเท้าและโครงสร้างเท้าของเราเสมอ
วิธีการเลือกรองเท้าวิ่ง ให้เหมาะกับเส้นทางการวิ่ง
- รองเท้าวิ่งเทรล เราต้องใช้รองเท้ารุ่น Heavyweight และมีระดับความทนทานสูง
- รองเท้าวิ่งถนน จะต้องรองรับแรงกระแทกได้ดี และมีน้ำหนักปานกลาง
- รองเท้าสำหรับฝึกวิ่งเร็วในสนามกีฬา จะต้องแบน และมีน้ำหนักเบา
วิธีการเลือกรองเท้าวิ่ง ให้เหมาะกับประเภทการวิ่ง
- การวิ่งแบบ Easy ให้ใช้รองเท้าหนักปานกลาง (Medium weight)
- การวิ่งแบบ Speed workouts ให้ใช้รองเท้าน้ำหนักเบา (Light weight)
- การวิ่งระยะไกล ให้ใช้รองเท้า Support มีน้ำหนักมาก (Heavy weight)
- รองเท้าสำหรับลงแข่งขัน อันนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางและประเภทการวิ่ง
- รองเท้าวิ่งเทรล ต้องใช้รองเท้าที่หนา ช่วยซัพพอร์ทเท้า และมีความทนทาน เพราะเราอาจจะต้องไปเหยียบก้อนหินกิ่งไม้หรืออื่นๆ
ประเภทรองเท้าวิ่ง ที่ช่วยซัพพอร์ตโครงสร้างเท้า
- รองเท้าวิ่ง Stability จะเหมาะกับคนที่มีเท้าแบนไม่มีส่วนเว้าอะไรเลย
- รองเท้าวิ่งแบบ Neutral จะเหมาะกับคนที่มีสรีระข้อเท้าตามปกติ
- รองเท้าวิ่งแบบ Cushioned shoes มีไว้สำหรับคนที่มีฝ่าเท้าโค้งเว้า

นอกจากนี้ยังมีหลักการอื่นๆอีกหลายอย่าง ดังนี้
- รองเท้าวิ่งสำหรับอุ้งเท้าปกติ Neutral shoe เหมาะกับการวิ่ง Easy และการวิ่งในระยะทางปานกลาง
- รองเท้าในกลุ่ม Stability Shoe มีไว้สำหรับคนเท้าแบน
- รองเท้าในกลุ่ม Minimal running shoe เหมาะกับการวิ่งเร็ว หรือวิ่งรอบสนามกีฬา
- รองเท้า Maximal running shoe จะเป็นรองเท้ารุ่นใหญ่ ปกติจะใช้ในการวิ่งระยะไกล
- รองเท้า Barefoot running shoe หน้าตามันจะคล้ายรองเท้าแตะมากๆ ไม่มีอะไรคอยช่วยซัพพอร์ตเท้าทั้งนั้น เป็นการจำลองว่าเราได้เดินเท้าเปล่า
- รองเท้า Zero drop running shoe รองเท้าพวกนี้จะมีส้นเท้าหนาเพียง 3-6 มิลลิเมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับรองเท้ามาตราฐานซึ่งต้องมีส้นเท้าหนา 8-12 มิลลิเมตร
- รองเท้าวิ่งเทรล จะเป็นรองเท้าหนาที่ช่วยซัพพอร์ตการวิ่งในพื้นผิวขรุขระ
บทสรุป
เราต้องใช้เวลาในการเลือกรองเท้าและการวางแผนสักหน่อย แต่มันจะมีประโยชน์สำหรับนักวิ่งทุกประเภทแน่นอน การสับเปลี่ยนรองเท้าไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าวิ่งเท่านั้น แต่ยังช่วยซัพพอร์ตทั้งจิตใจและร่างกาย รวมไปถึงสมรรถนะในการวิ่งของนักวิ่งอีกด้วย
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บ คือการใช้รองเท้าให้เหมาะกับประเภทการวิ่ง การสับเปลี่ยนรองเท้าก็ถือเป็นวิธีที่ง่ายอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการฝึกวิ่งให้ดีขึ้น
ที่มา : https://bit.ly/3yAiT0C
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming