วิ่งอย่างนักสู้ ทำอะไรอยากไปให้สุด !
โดยส่วนตัวผมเป็นนักสู้ ทำอะไรอยากไปมันให้สุด ! พอมา วิ่งอย่างนักสู้ ก็ต้องเลิกงานอดิเรกอย่างอื่น ดำน้ำ ถ่ายภาพ เลิกหมด
โทล-เรืองยศ มหาวรมากร นักธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เพื่อนหรือผู้ติดตามรู้จักเขาในชื่อ “Toll Tollmahawk” คุณทายอายุเขาไม่ถูกแน่ๆ เพราะด้วย สไตล์การแต่งตัว ความห้าวหาญ น้ำเสียง ตลอดจน สปิริตการดำเนินชีวิตที่วัย 40 ต้นๆ เขามีเรื่องสนุก หมกมุ่น ค้นคว้า อยู่กับ Serious Hobby อย่างวิ่ง ชนิดที่คาดไม่ถึง
ชายผมสั้นตรงหน้า เริ่มเล่าให้เราฟังว่า เมื่อก่อน ผมเคยแข่งรถโกคาร์ท แข่งถึงขั้นว่า เป็นแชมป์สนาม โมดิฟายน์รถต่างๆ เรียกว่า คลั่งความเร็ว ใจมัน Feel Racing ชอบแข่ง แต่ผมไม่ได้แข่งกับใคร ผมแข่งกับตัวเอง แข่งกับโน๊ตสถิติที่อยู่ในหัว
พอมาวิ่ง ทีแรกร้อยทั้งร้อยก็บอกว่า “เพื่อสุขภาพ”
แต่วันหนึ่ง เกิดเป็นเรื่องขึ้นมา… ผมซ่า ไปออกวิ่งกับนักวิ่งขาแรง แนวหน้า ตามเขาทัน แล้วถูกทิ้ง (หัวเราะ) เห็นว่าการวิ่งมีโพเดียม มีตำแหน่ง 1 2 3 วันนี้เราเข้ามาที่ 5 ไม่เวิร์ก ต้องไปให้มากกว่านี้อีกหน่อย 10 กิโลฯ 42 นาที เข้ามาที่ 5 ได้ที่ 5 ไม่ค่อยมีใครจำ คนจำแต่ที่ 1 เราต้องกลับมาตั้งเป้าหมายใหม่ ที่อยู่บนความเป็นจริงว่าเราจะไปได้เร็วที่สุด แค่ไหน
== ทำจนกว่าจะทำได้ ==
ผมเป็นคนที่ถ้าทำไม่ได้ ผมไม่เลิก ระหว่างซ้อม จะต้องมีการซ้อมที่สลับซับซ้อนเรื่องความเร็ว ความทนทาน ต้องวิ่งทำความเร็วเป็นชุดๆ (ลงคอร์ท) พอผมทำไม่ได้ ผมเสียใจ วันนั้นรู้สึกแย่กับตัวเองมาก ทำไม อะไร เกิดอะไรขึ้น ถูกโค้ชไล่ให้กลับบ้านก็เคย ผมบอกไม่กลับ จะเริ่มใหม่ จะเอาให้ได้ แต่ในความเป็นจริงชั่วโมงนั้น ต่อให้เริ่มใหม่ ร่างกายล้าแล้ว
ก็ต้องอยู่กับความคิดที่ย้ำอยู่นั่นแหละว่า ตัวเองยังทำด่านนี้ไม่ได้ ทรมานมาก แย่ ดีพดาวน์ เสียเซลฟ์ ทางเดียวที่จะเอาเรื่องพวกนี้ออกไปจากความเสียเซลฟ์ได้ คือ ต้องออกไปทำ ทำให้ได้ พัก 2 วัน ผมเอาใหม่ ออกไปขยี้ใหม่ ทำจนกว่าจะได้
== เขาสามารถอยู่กับเรื่องแค่ระดับวินาที ได้เป็นปีๆ ==
จริงๆ ส่วนต่างที่ทำให้ผ่านหรือเป้าหมายที่จะดีขึ้น ก็แค่เวลาหลักวินาทีแค่นั้น 5 วิ 7 วิ แต่สำหรับผม วินาทีพวกนั้น คือ เรื่องการมุ่งซ้อม 3 สัปดาห์ 4 เดือน หรือว่ามีโอกาสทำสำเร็จได้แค่ปีละครั้ง หรือถ้าให้พูดอย่างลงลึกไปอีก คือ ผมอาจไม่เจอสภาวะเหมาะสมของการวิ่งครั้งนั้น สนามนั้น มาราธอนที่นั้น ให้ผมลงลึกไปเรื่องวินาทีไปมากกว่านี้ก็ได้ ผมจึงต้องพร้อมมากๆ ที่เพื่อจะพาตัวเองกดลงไปในเวลาพวกนั้น เพราะวินาทีเดียวก็ยังปักอกผมได้ 2 ชั่วโมง 59 นาที 58 วินาที กับ 3 ชั่วโมง สำหรับมันไม่ได้ห่างกันแค่ 3 วิ. แต่มันห่างกัน 1 ปี มันห่างกันหลายพันชั่วโมง ต้องรอวาระ เรื่องพวกนี้ทรมาน ถ้าเราไม่ผ่านวินาทีนั้นไป
= = The Ultimate Experience = =
ปี 2014 ผมตั้งใจไปทำ Sub 3 หรือมาราธอนที่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง วันนั้นผมทำได้ 2 ชั่วโมง 59 กับอีก 27, 28 วิ. ตามเวลาสนาม แต่ประเด็น คือ อะไรรู้ไหม หลังจากนั้นมาผมยังลดความเร็วลงได้ อย่างบ้าระห่ำ กดลึกไป 2 ชั่วโมง 53 นาที แต่ความทรงจำ ที่เคยทำได้ครั้งแรกมันจะอยู่กับเราตลอดไป มันคอยบอกว่า เราเป็นใคร เราได้มายังไง ใครอยู่กับเราที่นั่น ที่สำคัญ และมีประโยชน์มากๆ เมื่อเวลาผ่านมา ก็คือ ครั้งแรกที่เราทำสำเร็จ จะให้เครื่องมือ วิธีการ ประสบการณ์บางอย่าง ในการไปต่อ ถามผมว่าวันนี้ 2 ชั่วโมง 50 ทำได้ไหม..
คุณว่านักวิ่งผมทรงนี้เขาจะตอบว่าอย่างไรครับ ให้เดา
1
2
3
4
ติ๊ก-ต๊อก
อยู่ที่เราจะเอาไหม คุณเจอผมแน่ ! ปลายปีนี้เขาเฝ้ารอวินาทีนั้นอยู่ด้วยความกระหาย และด้วยความสงสัย เสน่ห์หาในคู่ต่อสู้ที่ส่องกระจกแล้วเจอ เขาจะหักกับใครคนนั้นที่งาน Chicago Marathon 2018
ผลเป็นอย่างไร คงมีแต่เขาในอนาคตเท่านั้นที่รู้ . . . คุณเจอผมแน่
KTC x REV
สนใจสมัครบัตรฯ:
และพบกับกิจกรรมสุดพิเศษ ได้ที่ FB Page: Sports Revolution
#BreakYourLimits
#TheUltimateExperience
#KTCxREV #KTCcard #SportsRevolution