วันศุกร์, มิถุนายน 27, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 20 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

thip by thip
28/05/2021
in Running, Training
0
โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 20 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์
  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 20 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

สำหรับโปรแกรมนี้จะมีระยะทางในการวิ่งมากกว่าโปรแกรมสำหรับนักวิ่งมือใหม่ ถึงแม้ว่าจะยังคงมีการวิ่ง 4 วันต่อสัปดาห์ก็ตาม แต่จะมีการโฟกัสไปที่ระยะทางในการวิ่งระยะไกล และการฝึกโดยใช้ Race Pace/Tempo

โดยจะใช้ระยะเวลาในการฝึก 20 สัปดาห์ ในสัปดาห์แรกเราจะวิ่งกันถึง 9.6 กม. โดยใช้ Race pace (เพซที่ต้องใช้ในการแข่ง) และเพิ่มระยะทางไปจนถึง 32 กม. เพื่อเตรียมตัวในการวิ่งมาราธอน จะมีการค่อยๆ เพิ่มระยะทางเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว ส่วนการฝึกวิ่งเทมโปและการวิ่งโดยใช้ Race pace จะช่วยปรับร่างกายให้รู้สึกสบายขึ้นโดยการเพิ่มความเร็วและระยะเวลาในการวิ่ง

เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีการเพิ่มทั้งระยะเวลาและระดับความเข้มข้นในการวิ่ง และถ้าหากเส้นทางการลงแข่งวิ่งมาราธอนของเพื่อนๆ จะต้องมีการวิ่งขึ้นเนิน ก็ให้เปลี่ยนจากการฝึกวิ่งเทมโปไปเป็นฝึกวิ่งขึ้นเนินแทน

นอกจากนี้จะมีการฝึก Cross training สัปดาห์ละ 1 วัน โดยจะเป็นการฝึกอย่างอื่นที่ไม่ใช่การวิ่งเช่น ปั่นจักรยาน , เล่นโยคะ , การว่ายน้ำ , การใช้เครื่องอิลิปติคอล หรือการยกน้ำหนัก ซึ่งเราจะได้มาทั้งความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการวิ่ง

แผนการฝึกนี้เหมาะกับผู้ที่สามารถวิ่งได้ 4-5 วันต่อสัปดาห์ และวิ่งได้คราวละ 45-90 นาที โดยต้องสามารถทำแบบนี้ได้มานานอย่างน้อย 1 ปี นอกจากนี้ยังควรเคยมีประสบการณ์ลงแข่งฮาร์ฟมาราธอนหรือวิ่งมาราธอนมาแล้วในช่วงระยะเวลา 1 ปี ถ้าเพื่อนๆ วิ่งได้น้อยกว่าที่ระบุมานี้ขอให้เปลี่ยนไปใช้แผนการซ้อมวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแทน

อธิบายคำศัพท์ต่างๆ

วอร์มอัพ : ก่อนการฝึกทุกครั้ง ให้เราวิ่งหรือเดินแบบสบายๆ ประมาณ 5-10 นาที การวอร์มอัพที่ถูกวิธีจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนเลือด คลายกล้ามเนื้อ เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมกับการฝึก

คูลดาวน์ : ก่อนการฝึกทุกครั้ง ให้เราวิ่งหรือเดินแบบสบายๆ ประมาณ 5-10 นาที  การคูลดาวน์ที่ถูกวิธีจะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนเลือด คลายกล้ามเนื้อ เป็นการทำร่างกายให้ปรับตัวกลับสู่สภาวะเดิมหลังการฝึก

ระดับความเข้มข้นในการฝึก : เราจะใช้วิธีแบ่งระดับเป็นตัวเลข 1-10 ระดับหนึ่งนี่ถือว่าเป็นการพัก ส่วนระดับ 10 นี่ก็คือใส่เต็มเหนี่ยว ก็ให้ใช้ระดับความเข้มข้นในการฝึกร่วมกับเพซและการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อให้เราได้ฝึกโดยใช้ความเข้มข้นระดับเดียวกับที่โปรแกรมการฝึกได้กำหนดเอาไว้

อัตราการเต้นหัวใจ :  เพื่อนๆ ควรมีอุปกรณ์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วย

วันฝึก Cross training : สำหรับในวันนี้ให้ฝึกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การวิ่งการเดิน สำหรับคนที่พึ่งจะเริ่มออกกำลังกายให้เริ่มฝึก Cross Training ในสัปดาห์ที่ 4-5 เพราะต้องให้ร่างกายปรับตัว แต่ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกาย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์อยู่แล้วก็ให้ฝึกได้เลย การฝึกในวันนี้จะช่วยให้เราได้ฝึกร่างกายโดยไม่ต้องรับแรงกระแทก ช่วยให้เราได้ลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บจากการวิ่ง แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีอาการเหนื่อยล้าก็ให้ใช้วันนี้เป็นวันพักไปเลย

การฝึก Strength training : อันที่จริงมันก็ถือว่าเป็นการฝึก Cross training รูปแบบหนึ่งเหมือนกัน มันจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อลีนให้เรา และช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในตอนที่เรากำลังพัก โดยเราสามารถฝึกได้โดยใช้น้ำหนักตัว , การใช้สายยางยืดมีแรงต้าน , เครื่องออกกำลังกาย , หรือแม้แต่การเล่นโยคะ , พิลาทิส , Cross-Fit โดยต้องมีการฝึกร่างกายทั้งส่วนบน , กล้ามเนื้อแกนกลาง , หลังและร่างกายส่วนล่าง

ให้เราวอร์มอัพก่อนการฝึก และถ้าไม่เคยฝึก Strength Training มาก่อนก็ให้ฝึกเซ็ตละ 12-15 ครั้ง เป้าหมายคือฝึกกล้ามเนื้อไปเรื่อยๆ จนมีอาการเมื่อยล้าหรือทำต่อไปไม่ไหว ในช่วงสัปดาห์ที่ 1-3 ให้เราฝึกท่าละ 1 เซ็ต ส่วนที่เหลือให้เริ่มเพิ่มการฝึกเป็น 2-4 เซ็ต และให้ฝึกเซ็ตละ 8-15 ครั้ง

ความยืดหยุ่น : ให้เรายืดกล้ามเนื้อเบาๆ หลังการวอร์มอัพและคูลดาวน์ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น , การไหลเวียนเลือด , เพิ่มความเร็วในการฟื้นร่างกายและลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บ

การเดิน : อย่าไปอายใครหากต้องหยุดวิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นการเดิน เพราะแม้แต่นักวิ่งอาชีพก็ใช้กลยุทธวิ่งสลับกับเดินในระหว่างการแข่งวิ่งมาราธอน หากเพื่อนๆ ต้องการใช้วิธีนี้ก็ให้เราเดิน 1 นาทีหลังจากวิ่งไปแล้ว 10 นาที หรือหยุดเดินในจังหวะต้องดื่มน้ำ การเดินพักจะช่วยให้เราปรับการหายใจและอัตราการเต้นหัวใจของเรา และช่วยให้ใจของเรารู้สึกว่าไปถึงเส้นชัยได้แน่นอน

การวิ่งในระดับ Easy : เป็นการวิ่งในระดับที่สามารถวิ่งไปแล้วพูดคุยกับคนอื่นได้ด้วย จะมีอัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 65-75% หรือถ้าวัดเป็นระดับความเข้นข้นก็จะอยู่ที่ 6-7

การวิ่งระดับปานกลาง : เป็นการวิ่งในระดับที่จะได้ยินเสียงหายใจ แต่ไม่ได้ถึงขั้นหายใจหอบ จะมีอัตราการเต้นหัวใจที่ 75-80%  ถ้าวัดเป็นระดับความเข้นข้นก็จะอยู่ที่ 7-8

การวิ่งระยะไกล : กุญแจหลักในการฝึกวิ่งมาราธอนคือการวิ่งระยะไกล โดยเราจะมีการเพิ่มระยะทางในทุกสัปดาห์ และเราควรวิ่งในระดับที่วิ่งไปพูดคุยไปได้ และใช้ความเร็วคงที่ตั้งแต่ต้นจนจบการฝึก

การวิ่งโดยใช้ Race pace : มีเป้าหมายที่สร้างความมั่นใจและความทรหด เพื่อรักษาความเร็วเวลาใช้เพซแบบนี้ โดยเราจะใช้เพซนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบการฝึก นอกจากนี้ยังควรมีการฝึกเตรียมอาหารและน้ำไว้ใช้ระหว่างทางเหมือนกับตอนที่ลงแข่งจริง

การฝึกวิ่งเทมโป : เป็นการวิ่งไปเรื่อยๆ แล้วเพิ่มความเร็วไปใช้เพซ 10k โดยให้เริ่มจากการวิ่งแบบ Easy 10-20 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่อง 20-30 นาที หลังจากนั้นให้คูลดาวน์ 5-10 นาทีในช่วงสุดท้ายของการวิ่ง สิ่งสำคัญไม่ใช่ระยะทางหรือระยะเวลาในการฝึกวิ่งเทมโปและเราจะวิ่งในระดับปานกลางหรือยากก็ได้ทั้งนั้น การฝึกนี้จะช่วยเพิ่มความทนทานต่อกรดแลคติก , ช่วยเพิ่มความทรหดและความมั่นใจในความสามารถของตนเอง

การลงแข่ง : ในสัปดาห์ที่ 9 ควรไปลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน จะช่วยให้เราเคยชินกับขั้นตอนต่างๆ ในการลงแข่ง ถ้าหากหาวันลงแข่งในสัปดาห์นี้ไม่ได้ก็ให้ลองเปลี่ยนแปลงตารางการฝึกดู

การดัดแปลง : เพื่อนๆ สามารถเลื่อนหรือสลับวันฝึกได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง แล้วต้องคอยดูร่างกายว่าสามารถไปต่อไหวหรือไม่

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์ (สัปดาห์ที่ 1-10)

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 20 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

สัปดาห์ที่ 1

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 9.65 กม. ใช้ Racepace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 2

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 30 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 11.26 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 3

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 12.87 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 4

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 35 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 8 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 5

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 14.48 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 6

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 40 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 7

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม. ใช้ Racepace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 8

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 45 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 35 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 12.87 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 9

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 2 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 5 : พัก
  • วันที่ 6 : วันลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 10

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 50 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 24.14 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์ (สัปดาห์ที่ 11-20)

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 20 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

สัปดาห์ที่ 11

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 60 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 12

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 60 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 25.74 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 13

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 70 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 14

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 60 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 28.96 กม. 

วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 15

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 80 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 16

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 60 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 32 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 17

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 90 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 18

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่งเทมโป 60 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 32 กม.
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 19

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : ฝึก Cross training 30-45 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 4 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 5 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 6 : วิ่ง 16 กม. ใช้ Race pace
  • วันที่ 7 : พัก

สัปดาห์ที่ 20

  • วันที่ 1 :  วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 2 : วิ่ง 30 นาที
  • วันที่ 3 : วิ่ง 60 นาที
  • วันที่ 4 : พัก
  • วันที่ 5 : พัก
  • วันที่ 6 : วันลงแข่งวิ่งมาราธอน ขอให้ทุกคนโชคดีจ้า
  • วันที่ 7 : พัก

ที่มา :


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: MarathonMarathon Training PlanRunning PlanRunning ProgramRunning Training Planตารางซ้อมวิ่งมาราธอนมาราธอนแผนซ้อมวิ่งมาราธอนโปรแกรมซ้อมวิ่งมาราธอน
Previous Post

7 สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มต้นการฝึกวิ่ง

Next Post

DIZO เปิดตัว DIZO Watch สมาร์ทวอทช์ สไตล์สมาร์ท สปอร์ต ตอบโจทย์กีฬาที่ดีที่สุด พร้อมอายุแบตเตอร์รี่ยาวนาน

thip

thip

Related Posts

รูปแบบการฝึกวิ่ง เพื่อเพิ่มความเร็ว

3 รูปแบบการฝึกวิ่ง ที่ช่วยเพิ่มความเร็วได้จริง

26/06/2025
ท่า Strength Training สำหรับนักวิ่ง

8 ท่า Strength Training ที่นักวิ่งมาราธอนควรฝึก!

20/06/2025
เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

5 เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

14/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง ป้องกันการบาดเจ็บ

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง เพื่อลดโอกาสบาดเจ็บ

11/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง นักวิ่ง

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง สำหรับนักวิ่ง

04/06/2025
5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

22/05/2025
Next Post
DIZO เปิดตัว DIZO Watch

DIZO เปิดตัว DIZO Watch สมาร์ทวอทช์ สไตล์สมาร์ท สปอร์ต ตอบโจทย์กีฬาที่ดีที่สุด พร้อมอายุแบตเตอร์รี่ยาวนาน

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 34.1k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

5 นาฬิกาสมาร์ทวอชช์ที่น่าสนใจในงาน CES 2021

5 นาฬิกาสมาร์ทวอชช์ที่น่าสนใจในงาน CES 2021

by thip
16/01/2021

8 รูปแบบการฝึกวิ่ง เพิ่มพลังและความทรหด สำหรับนักวิ่ง

8 รูปแบบการฝึกวิ่ง เพิ่มพลังและความทรหด สำหรับนักวิ่ง

by thip
14/05/2024

แผนซ้อมว่ายน้ำ 8 สัปดาห์ สำหรับมือใหม่

แผนซ้อมว่ายน้ำ 8 สัปดาห์ สำหรับมือใหม่

by thip
21/02/2020

Under Armour จัด All Out Mile การแข่งขันวิ่งระยะ 1 ไมล์ครั้งแรกในไทย พนัชกร วิทยประภารัตน์ ม้ามืดทำเวลา 4.35 นาทีขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศไทย

ใส่ไม่ยั้ง ! Under Armour จัด All Out Mile การแข่งขันวิ่งระยะ 1 ไมล์ครั้งแรกในไทย พนัชกร วิทยประภารัตน์ ม้ามืดทำเวลา 4.35 นาทีขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศไทย

by VRUN VRIDE
05/06/2022

5 ท่าออกกำลังกายแบบ CrossFit ที่จะทำให้เราเป็นนักว่ายน้ำที่ดีขึ้น

5 ท่าออกกำลังกายแบบ CrossFit ที่จะทำให้เราเป็นนักว่ายน้ำที่ดีขึ้น

by thip
09/03/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (172)
  • Fitness & Health (371)
  • News (875)
  • Review (126)
  • Running (943)
  • Stories (201)
  • Training (464)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี