เคล็ดลับปลุกพลังเปลี่ยนคุณจาก Fun Run สู่ Marathon เต็มตัว
หลายคนที่พึ่งจะหันมาออกกำลังกาย ด้วยการเข้าร่วมวิ่งในงานกิจกรรมต่างๆ แล้วเกิดติดใจ อยากจะลงวิ่งในระยะที่ไกลขึ้น แต่ยังกลัววิ่งไม่ไหว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ วิธีการฝึกซ้อม การเตรียมตัว สำหรับนักวิ่งมือใหม่ จากสนาม Fun Run ก้าวไปสู่เส้นทาง มาราธอนอย่างมืออาชีพ เพื่อพัฒนาศักยภาพร่างกายให้สูงขึ้นอย่างถูกวิธี
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
ก่อนจะก้าวไปสู่การแข่งขันระยะทางที่ไกลขึ้น คุณต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนไปเลยว่า อีก 1 เดือนคุณจะวิ่ง มินิมาราธอน ให้ได้ แบบนี้จะทำให้คุณมีเป้าหมาย และพยามพัฒนาศักยภาพตัวเองให้สูงกว่าเก่า อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายๆคนที่ไม่สามารถก้าวข้ามจาก Fun Run ไปสู่มาราธอนได้ นั้นเพราะว่าเป้าหมายไม่ชัดเจน พลอยทำให้จิตใจนั้นไม่สู้
จัดตารางฝึกซ้อม
สำหรับมือใหม่นั้นการวิ่งระยะทางเกินกว่า 3 กิโลเมตรถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากยังควบคุมจังหวะ อัตราการเต้นหัวใจและความเร็วในการวิ่งไม่ได้ ดังนั้นแล้ววิธีแก้คือค่อย ๆ วิ่งช้า ๆ (หากใครวิ่งไม่ไหวก็อาศัยการเดินเร็วไปก่อน) แรกๆอาจฝึกวิ่ง เพียงแค่ 1-2 กิโลเมตร พอชินแล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการขยายปอด และขีดความสามารถของกล้ามเนื้อให้สูงขึ้น
ฝึกซ่อมอย่างสม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งเดียวที่จะกระตุ้นร่างกายของคุณให้พัฒนา เพราะฉะนั้นแล้วการจัดตารางโปรแกรมการฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักวิ่งทุก ๆ คน ตัวอย่างเช่น ตั้งเป้าหมายที่จะวิ่ง เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ ก็ที่จะต้องรักษาวินัย ทำตามเป้าหมายให้ได้ทุกครั้ง เพื่อที่ร่างกายและกล้ามเนื้อจะได้คุ้นชินและพร้อมกับการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
Step by step
ถ้าเป้ามหมายของคุณตือ ก้าวจาก Fun Run สู่มาราธอนให้ได้ คุณจะต้องค่อยๆก้าวไปทีละสเต๊ป ผ่านการฝึกซ้อมในระยะสั้นๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่องๆ โดยแรกเริ่มคุณอาจจะฝึกการวิ่งแบบฟันรันระยะทาง 3-5 KM ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่…ต่อมาเมื่อเริ่มควบคุมการหายใจ และร่างกายเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น ก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางขึ้นมาเป็นมินิมาราธอน ที่ระยะทาง 10 KM…. ด้วยการฝึกด้วยระยะทาง 5 KM สม่ำเสมอ แล้วขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 10 KM แล้วปรับระบบการหายใจให้นิ่ง พร้อมทั้งควบคุมจังหวะการลงเท้าให้สม่ำเสมอ เพื่อลดความเหนื่อยล้า จนร่างกายปรับสภาพได้ ซึ่งในระยะทางที่ไกลขึ้นให้ใช้วิธีการเดียวแบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนก้าวข้ามไปสู่ฮาล์ฟมาราธอนด้วยระยะทาง 21 KM และก้าวไปสู่ การวิ่งแบบมาราธอน ระยะทาง 42 KM ซึ่งเป็นมาตรฐานจัดแข่งขันระดับนานาชาติทั่วโลก ซึ่งนักวิ่งระยะนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักวิ่งระดับมืออาชีพที่มีความพร้อมและฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และผ่านการตรวจสุขภาพมาอย่างครบครัน
อาหารเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับนักวิ่งทุกคนจำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงแต่ไฟเบอร์ต่ำ เพื่อป้องกันการทำงานผิดปกติของระบบย่อยในระหว่างการวิ่ง และหลังจากการวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง ควรดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ หรือรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเคล็ดลับดีๆที่เรานำเอามาฝากกัน หวังว่าเพื่อนๆจะนำเอาไปใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพร่างกายของตัวเอง เพื่อก้าวไปให้ถึง สนามแข่งมาราธอน อย่างที่ตั้งใจไว้นะครับ
ไม่พลาดทุกกิจกรรม วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา
กด #Seefirst และ #Following กันไว้ ที่
?facebook.com/wheretorunwhentoride
ค้นหางานแข่งวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ทั่วไทย
ง่าย สะดวก พร้อมบทความสาระดีๆ ที่
?www.vrunvride.com
อัพเดท Running, Cycling,
Triathlon, Gadget, Food ได้ที่
?instragram.com/vrunvride
มาซ้อม วิ่ง ?♂ปั่น ?♂ว่าย ?♂ให้สนุกกันที่
?strava.com/clubs/vrunvride
[AD]
?♂วิ่ง?กิน?เที่ยว เรื่องเดียวกัน กับบัตรเครดิต KTC
ลุ้นแพ๊คเกจ ทัวร์ วิ่ง-กิน-เที่ยว ที่ ฮ่องกง
ไปพร้อม พี่ป๊อก อิทธิพล สมุทรทอง,
นาฬิกา SUUNTO 9 และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 8 แสนบาท
รายละเอียดเพิ่มเติม ? bit.ly/วิ่ง-กิน-เที่ยว-KTC
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming