แคสเตอร์ เซเมนยา นักวิ่งสาว ผู้เอาชนะคำครหาในเรื่องความผิดปกติของร่างกาย
หากจะพูดถึงเรื่องการแข่งขันวิ่งแล้ว แน่นอนว่าหลายคนคงจะทราบดีอยู่แล้วว่า การลงแข่งวิ่งนั้น จะมีการแบ่งไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นการแข่งวิ่งหญิง และชาย แต่เรื่องความแตกต่างระหว่างเพศนั้น ใครจะคิดว่า กลับกลายเป็นการสร้างปัญหาให้กับ นักวิ่งหญิงชาวแอฟริกาใต้ที่ชื่อ แคสเตอร์ เซเมนยา คนนี้
ความเป็นมาของนักวิ่งสาวคนนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อเธออายุได้ 17 ปี เซเมนยาก็ได้เข้าร่วมแข่งในรายการ เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ ปี 2008 ซึ่งเธอลงแข่งในระยะ 800 เมตร แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเธอทำเวลาไม่ผ่านรอบคัดเลือกไปในที่สุด แต่ก็ทำให้เธอกลายเป็นที่จับตามองในฐานะ นักวิ่งที่มีหน่วยก้านดี และมีอนาคตที่น่าจะรุ่งโรจน์ไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ตามเซเมนยาก็ได้รับชัยชนะในรายการ เยาวชน คอมมอนเวลท์ เกมส์ ซึ่งในครั้งนั้นถือเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกของเธอได้ในระยะ 800 เมตร
จากนั้นในปี 2009 เซเมนยา ก็กลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ด้วยการกลับไปลงแข่งขันในรายการ เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ เซเมนยา ก็คว้าแชมป์ไปได้สองรายการคือ วิ่ง 800 เมตร และวิ่ง 1500 เมตร ทำให้ในงานวิ่งครั้งนั้น เธอกลายเป็นที่จับตามอง จากสื่อหลายสำนัก
ซึ่งในปีนี้เดียวกันนี้ เซเมนยา ก็ยังสร้างชื่อในฐานะนักวิ่งอีกครั้ง ด้วยลงแข่งในรายการ กรีฑาชิงแชมป์โลก 2009 โดยในรายการนี้เธอทำเวลาได้ดีในรายการวิ่ง 800 เมตร ด้วยเวลา 1 นาที 55.45 วินาที ซึ่งนี่เองที่ทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นที่โจษจันในเรื่องของร่างกาย โดยตั้งข้อสงสัยว่า เธอ “อาจไม่ใช่ผู้หญิง”
โดยสมาพันธ์กรีฑานานาชาติ หรือ IAAF นั้น ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เธอออาจไม่ใช่ผู้หญิงจริง ๆ ซึ่งเรื่องของเรื่องก็มาจาก การที่เธอมีรูปร่างใหญ่กว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ลงแข่งในรายการเดียวกัน อีกทั้งอายุในขณะของ เซเมนยาก็คือ 18 ปีเท่านั้น เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่เกิดการถกเถียงตั้งคำถามขึ้น และแน่นอนว่า แคสเตอร์ เซเมนยา ก็ถูกส่งตัวเข้าไปทำการทดสอบ เพื่อหาข้อสรุปว่า เธอเป็น ‘ผู้หญิง’ จริง ๆ ใช่หรือไม่
จากการที่ IAAF ตั้งข้อสงสัย และพาเธอไปตรวจร่างกาย ทำให้เกิดกระแสที่ต่อต้านความคิดของสมาพันธ์กรีฑานานาชาติ ว่าไม่มีความยุติธรรม และกำลังทำสิ่งที่ผิดต่อหลักมนุษยธรรม แต่ที่สุดแล้วผลการตรวจก็ออกมาพบว่า เซเมนยา นั้นเป็นผู้หญิงที่มีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนอยู่ในร่างกายสูงกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป หลังจากนั้นจึงมีการออกกฏว่า ผู้หญิงที่มีปริมาณฮอร์โมนชนิดนี้มากเกินไปต้องกินยาเพื่อลดระดับฮอร์โมนให้น้อยลง ซึ่งนั้นไม่ก่อให้เกิดผลดีกับเธอเลย เพราะมันทำให้ผลงานของเธอตกต่ำลงเรื่อย ๆ
ที่สุดแล้วเมื่อเกิดการถกเถียงกันมากขึ้นในเรื่องนี้ ภายหลังก็มีการยกเลิกกฎที่ต้องกินยาเพื่อลดฮอร์โมนออกไป โดยให้เหตุผลว่า คนที่ต้องกินยา ต้องเป็นผู้ที่ตั้งใจทำให้ ฮอร์โมนชนิดนี้เกิดขึ้นในร่างกายด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ เซเมนยา ที่มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาตินั่นเอง
หลังจากนั้นมา แคสเตอร์ เซเมนยา ก็กลับมาเป็นนักวิ่งที่ทำผลงานได้ดีอีกครั้ง และกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการวิ่งเพื่อเอาชนะคำครหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผู้หญิงและการแข่งกีฬา หรือจะเรียกว่าเป็นการทลายกำแพงความแตกต่างในเรื่องเพศออกไปก็ว่าได้
Source :
theguardian.com
nytimes.com
[AD]
บัตรเครดิต KTC ตัวจริงเรื่องกีฬา
แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15% ที่ Sports World ทุกสาขา
bit.ly/SPORTSWORLD