วันจันทร์, มิถุนายน 16, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

9 กฎทองในการวิ่งที่เราไม่ควรฝ่าฝืน

thip by thip
17/03/2019
in Running
0
9 กฎทองในการวิ่งที่เราไม่ควรฝ่าฝืน
  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

9 กฎทองในการวิ่งที่เราไม่ควรฝ่าฝืน

การวิ่งคือกีฬาที่มีความสะดวกสบายที่สุดในตอนนี้ เราแค่ต้องมีรองเท้าดีๆสักคู่หนึ่ง
ก็พร้อมที่จะออกไปวิ่งแล้ว แต่เพื่อให้การวิ่งมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงมีกฎทองสำหรับการวิ่ง
อยู่หลายข้อที่เราควรจะยึดถือกันอย่างเคร่งครัด  ไม่ว่าเราจะพึ่งเริ่มหัดวิ่งหรือว่าวิ่งมานานเป็นปีแล้ว
เราก็ควรที่จะทำตามกฎทั้ง 9 ข้อนี้ ซึ่งจะช่วยให้เห็นความคืบหน้าในการฝึกอย่างแน่นอน

กฎข้อที่ 1 – กฎ 10%

นี่คือกฎที่มีความสำคัญมากที่สุด แต่จะเห็นผลลัพธ์ต้องใช้เวลาสักระยะ
ถ้าหากเราไปขอคำแนะนำจากนักวิ่งมืออาชีพ พวกเขาจะต้องพูดถึงกฎข้อนี้อย่างแน่นอน

กฎนี้เขาเตือนเราว่า.. อย่าเพิ่มระยะทางการวิ่งในแต่ละสัปดาห์เกินกว่า 10%
นี่คือสิ่งที่เราจะต้องหลีกเลี่ยง ไม่อย่างนั้นเรามีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บเพราะการเพิ่มระยะทางที่เร็วเกินไป
แม้ว่าการวิ่งไกล 8-9 กม. มันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา แต่การวิ่งระยะทางนี้ 5 วันต่อสัปดาห์
ก็อาจจะถือว่ามากเกินไปหากเราไม่ได้เตรียมร่างกายมาอย่างดี

ข้อยกเว้น
ถ้าเพื่อนๆเป็นนักวิ่งมือใหม่ก็อยากให้ลืมเรื่องกฎ 10% นี้ไปก่อน
เพราะในช่วงแรกของการฝึกเราจะไม่เพิ่มระยะทางในการวิ่งเลย
แต่จะไปเตรียมร่างกายให้ทนต่อแรงกระแทกด้วยการฝึกวิ่งเป็นประจำแทน
โดยให้เราวิ่งไกล 4.8 กม. เป็นจำนวน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระดับความฟิตและความชอบส่วนตัว

ฝึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องเพิ่มระยะทาง ถึงแม้จะรู้สึกว่าทำได้มากกว่านี้ก็ตาม
พอเราสามารถวิ่งได้นาน 30 นาที โดยไม่เหนื่อยหอบจึงค่อยเพิ่มระยะทาง
แต่อย่าให้เกินสัปดาห์ละ 10%

กฎข้อที่ 2 – กฎแห่งการวอร์มอัพและวอร์มดาวน์

การวอร์มอัพและคูลดาวน์เป็นเหมือนเสาหลักในการฝึกที่มีประสิทธิภาพและรู้สึกสบาย
การวอร์มอัพจะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มอุณหภูมิของร่างกายและอัตราการเต้นของหัวใจ
ซึ่งเป็นการเตรียมร่างกายก่อนการออกกำลังกาย นอกนั้นยังช่วยป้องกันอาการเมื่อยล้า อาการบาดเจ็บ
และอาการเหนื่อยหน่าย ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งอีกด้วย

หลังจากวิ่งเสร็จแล้ว ก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ระบบร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ
และการคูลดาวน์ก็จะเริ่มมีประโยชน์ในตอนนี้เอง การคูลดาวน์ที่ถูกต้องจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการวิ่ง
เช่นเดียวกันกับการวอร์มอัพ ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจให้กลับมาสู่ระดับปกติ
การวิ่งจ๊อกกิ้งและการเดินจะช่วยป้องกันไม่ให้เลือดไปรวมตัวกันที่ขาของเรา และลดการสะสมของกรดแลคติก
ซึ่งเป็นของเสียที่ขับออกมาจากกล้ามเนื้อ

การยืดตัวแบบ Static stretching ให้เรายืดตัวโดยใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน จะช่วยปรับความยืดหยุ่น
และความคล่องตัวในตอนที่กำลังออกกำลังกาย และช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นหลังการออกกำลังกาย

ข้อยกเว้น
ไม่มีการซ้อมวิ่งครั้งไหนเลยที่เราจะไม่ต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ ระยะเวลาในการวอร์มอัพและคูลดาวน์ของเรานั้น
ขึ้นอยู่กับระดับความฟิตของเราและเป้าหมายในการซ้อม ยิ่งการซ้อมมีความเข้มข้นมากเท่าไหร่
ระยะเวลาในการวอร์มอัพคูลดาวน์ของเราก็ควรที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และในฤดูร้อนเราจะใช้เวลาวอร์มอัพ
อยกว่า 10 นาที

กฎข้อที่ 3 – วิ่งในระดับที่ยังพูดคุยกับผู้อื่นได้

เพซที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งมือใหม่ คือเพซที่เรายังสามารถพูดคุยกับคนอื่นได้แบบสบายๆในขณะกำลังวิ่ง
ในตอนที่เริ่มต้นฝึกวิ่งใหม่ๆเราควรจะใช้เพซระดับนี้ล่ะ การใช้เพซนี้จะช่วยลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บ
ถ้าหากว่าเราหายใจไม่ทันในทุกก้าวที่เราวิ่งก็แสดงว่าเรากำลังวิ่งเร็วเกินไป และถ้าไม่สามารถพูดคุยกับใครได้
ในขณะวิ่ง ก็ให้เราเปลี่ยนเป็นวิ่งสลับกับเดินทันที

ข้อยกเว้น
ในตอนที่เราต้องฝึกในระดับที่มีความเข้มข้นสูงก็ไม่ต้องยึดถือกฎนี้ และถ้าในขณะที่กำลังฝึกแบบ speedwork
แล้วยังพูดคุยกับคนอื่นได้อยู่ก็แสดงว่ายังออกกำลังกายเข้มข้นไม่พอ

กฎข้อที่ 4 – ให้ทานอาหารก่อนการวิ่ง 3 ชั่วโมง

การได้ทานอะไรก่อนวิ่ง จะช่วยให้เรามีพลังงานโดยไม่มีปัญหาปวดท้องระหว่างการวิ่ง
แต่หลังจากที่ทานอาหารเข้าไปแล้ว จะต้องรอนานแค่ไหนถึงจะไปวิ่งได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล
แต่ตามกฎแล้วเราควรต้องรอ 3 ชั่วโมงก่อนที่จะออกวิ่ง แต่ถ้าเราทานอาหารมื้อใหญ่ก็ควรรอนานมากขึ้น
ตามปริมาณการทานอาหารในมื้อนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่ช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมงนั้นมากพอที่จะให้อาหารย่อยหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ย่อยง่ายอย่างอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรท และเพื่อที่จะไม่ให้เราต้องพบกับปัญหา
เรื่องท้องไส้แปรปรวนในขณะกำลังวิ่ง ให้เน้นทานอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรทซึ่งย่อยง่าย และอาหารที่มีไขมัน
และไฟเบอร์ต่ำ

ข้อยกเว้น
ถ้าหากเป็นแค่การทานอาหารเบาๆ เช่น กล้วยและน้ำผลไม้ ให้รอ 30-45 นาทีก็พอ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทานเข้าไปด้วย และอย่าลืมว่า.. คนแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่ออาหารที่ทานเข้าไป
ในแบบที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะย่อยเร็วก็ไม่ต้องรอนาน ใครย่อยช้าก้ต้องรอนานหน่อย

กฎข้อที่ 5 – เปลี่ยนรองเท้าหลังใช้วิ่งไปแล้ว 400-500 ไมล์ (643-804 กม)

รองเท้าถูกสร้างด้วยวัสดุที่จะสึกหรอไปเรื่อยๆ และจะเริ่มสูญเสียประสิทธิภาพหลังจากใช้วิ่ง
ไปได้ 643-804 กม. นั่นคือเหตุผลที่เราจะต้องเปลี่ยนรองเท้าใหม่ ไม่งั้นจะได้เจอกับอาการบาดเจ็บแน่ๆ
ดังนั้นเราจึงควรที่จะบันทึกระยะทางการวิ่งไว้ตลอด เพื่อจะได้รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนรองเท้า
ซึ่ง App เกือบทั้งหมดในปัจจุบันจะช่วยวัดระยะทางในการวิ่งของเราได้

ข้อยกเว้น
ยังมีปัจจัยเรื่องอื่นๆด้วย เช่น น้ำหนักตัวของผู้สวมใส่รองเท้า พื้นผิวของถนนที่ใช้วิ่ง
รูปแบบการวิ่ง และประเภทของรองเท้า

กฎข้อที่ 6 – การฝึก Strength Training

นักวิ่งจำนวนมากไม่ยอมเข้าโรงยิมเพราะกลัวว่าจะกล้ามขึ้น ถือเป็นความคิดที่ผิดนะ
เพราะว่ารูปแบบการฝึกแบบที่มีแรงต้านทานจะช่วยเพิ่มพลังให้กับกล้ามเนื้อในการวิ่ง
ช่วยแก้ไขอาการกล้ามเนื้อไม่สมดุลและการมีกล้ามเนื้อน้อยเกินไป แถมยังทำให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้นด้วย

ข้อยกเว้น
นักวิ่งควรเลือกเวลาการฝึก Strength Training ให้ถูกต้อง ถ้าหากเราเหนื่อยมาจากการวิ่งแล้ว
ประสิทธิภาพในการฝึก Strength Training ก็จะลดลง ดังนั้นควรทดลองโดยการจัดตารางฝึกขึ้นมา
แล้วทดสอบไปเรื่อยๆว่าช่วงเวลาไหนที่ดีที่สุด

เราอาจจะฝึกวิ่งแบบ interval ในช่วงเช้า แล้วไปฝึก Strength Training สัก 20-30 นาทีในช่วงเย็น
หรือจะใช้วิธีแยกวันซ้อมวิ่งกับวันฝึก Strength Training เป็นคนละวันไปเลยก็ได้
และเราไม่จำเป็นต้องเข้ายิมไปยกน้ำหนักทุกวันเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ แค่เพียงลงทุนใช้เวลาฝึกในระดับที่น้อยที่สุด
เราก็สามารถกระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นได้มากแล้วล่ะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์จากการฝึก Strength Training
ให้เห็นผลมากที่สุด เราแค่ต้องฝึกประมาณ 60-90 นาทีต่อสัปดาห์

กฎข้อที่ 7 – ให้ทานอะไรบ้างภายในทุก 60 นาทีของช่วงการซ้อม

เราจำเป็นต้องเติมไกลโคเจนเข้าร่างกาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงานและช่วยในการฟื้นตัว
ถ้าหากเราไม่ทานอะไรเลย ก็อาจจะมีอาการหิวหรืออาการง่วงตามมา หรืออาจไม่สบายกลางทางได้
แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิด เรายังคงไม่ควรรับแคลอรี่มากเกินไปอยู่ดี ควรจะทานได้แค่ขนมขบเคี้ยวนิดหน่อย
ภายในช่วงระยะเวลา 60 นาที เราอาจจะทานอาหารที่มีทั้งคาร์โบไฮเดรทและโปรตีนในช่วง 30 นาที
ก่อนที่จะหยุดการฝึกซ้อม และอย่าลืมดื่มน้ำด้วย อาหารที่ทานได้ก็อาจจะเป็นโยเกิร์ตที่มีผลไม้ นมสักแก้ว
กล้วย โปรตีนเชคใส่ผลไม้ แอปเปิ้ลสักลูกพร้อมเนยถั่วหนึ่งช้อน เป็นต้น

ข้อยกเว้น
กฎข้อนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคนและไม่ใช่กฎสากล เราจะทานอาหารระหว่างซ้อมหรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ความเข้มข้นในการฝึก ความฟิต และเป้าหมายในการฝึกของเรา
ยกตัวอย่างเช่น นักวิ่งมาราธอนอาจจะต้องเตรียมอาหารในปริมาณกำลังดีไปทานระหว่างซ้อม
เพื่อเติมไกลโคเจนเข้าร่างกาย ในขณะที่นักวิ่งมือใหม่เตรียมอาหารไปนิดเดียวเท่านั้น
ให้ลองเลือกอาหารที่เหมาะสำหรับเรา ทดลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอว่าอะไรที่ใช่
หรืออาจจะไปปรึกษานักโภชนาการก็ได้

กฎข้อที่ 8 – การผักผ่อน

นักวิ่งมือใหม่จำนวนมากซ้อมหนักทุกวัน เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย เราควรที่จะหลีกเลี่ยงการฝึกที่มากเกินไป
เพราะจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ และอาจส่งผลเสียที่รุนแรงในระยะยาว
ดังนั้นจึงควรมีวันที่พัก และในวันที่พักนี่แหละที่ร่างกายจะปรับตัวให้เข้ากับการฝึกที่ผ่านมา
ซึ่งจะช่วยให้เรามีความฟิตที่มากขึ้น และสามารถเผชิญกับการฝึกที่ท้าทายกว่าเดิมได้
ดังนั้นจึงควรมีวันพัก 2 วันต่อสัปดาห์ และควรมีการวิ่งระยะไกลในระดับที่ไม่เข้มข้น 2-3 วันในแต่ละสัปดาห์
ควรมีวันวิ่งแบบ Easy และวันฝึก Cross Training อย่างละ 1 วัน
และควรจัดวันพักไว้ถัดจากวันที่มีการออกกำลังกายแบบเข้มข้น

สำหรับกฎนี้จะไม่มีข้อยกเว้น

กฎข้อที่ 9 – ตรวจสอบสภาพร่างกาย

นี่คือหนึ่งในกฎข้อที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเรารู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงในตอนที่กำลังวิ่ง ก็ควรวิ่งให้ช้าลง
หรือเลิกวิ่งไปเลย และอย่าทำเป็นไม่สนใจอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้น
ของอาการบาดเจ็บที่รุนแรง ควรที่จะหยุดวิ่งไปเลย 2-3 วัน เมื่อพบว่ามีอาการเจ็บ
ต่อเนื่องติดต่อกัน 2 วัน โดยปกติแล้วอาการกล้ามเนื้อตึง อาการเจ็บและอาการฝืด
จะหายไปหลังการวอร์มอัพ แต่ถ้ามีอาการเจ็บที่อยู่แบบถาวรไม่ยอมหายไปในระหว่างหรือหลังการวิ่งละก็
เราก็ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ เราควรที่จะต้องหยุดต่อเนื่องหลายวันไปเลย
เมื่ออาการทุเลาลงแล้วค่อยกลับไปซ้อมตามตารางฝึก และคอยสังเกตร่างกายในตอนที่วอร์มอัพ
และในระหว่างออกกำลังกาย ถ้าหากว่าอาการบาดเจ็บเริ่มกลับมาก็ให้เลิกวิ่งทันที
รูปแบบการฝึกบางอย่างนั้นอาจจะไม่เหมาะกับคนทุกคน ดังนั้นจึงควรหารูปแบบการฝึกที่เหมาะกับตัวเรา
และจงอย่าหักโหมมากเกินไป

กฎข้อนี้ไม่มีการยกเว้น

กฎไม่ได้มีไว้แหกนะคะ ยิ่งเป็นกฎเรื่องการวิ่งนี่ยิ่งต้องเคร่งครัดเลยค่ะ
หากพลาดพลั้งไปล่ะก็.. เจ็บนี้อีกนานนนนนน
ด้วยความปรารถนาดีจาก VRUNVRIDE  😀


แหล่งที่มา :
https://bit.ly/2Uxvn6a



ไม่พลาดทุกกิจกรรม วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา

กด #Seefirst และ #Following กันไว้ ที่
?facebook.com/wheretorunwhentoride

ค้นหางานแข่งวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ทั่วไทย
ง่าย สะดวก พร้อมบทความสาระดีๆ ที่
?www.vrunvride.com

อัพเดท Running, Cycling,
Triathlon, Gadget, Food ได้ที่
?instragram.com/vrunvride

มาซ้อม วิ่ง ?‍♂ปั่น ?‍♂ว่าย ?‍♂ให้สนุกกันที่
?strava.com/clubs/vrunvride

[AD]
?บัตรเครดิต KTC ตัวจริงเรื่องกีฬา
แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15% พร้อมแบ่งชำระ 0%
นานสูงสุด 10 เดือน ที่ Supersports ทุกสาขา
? bit.ly/CRCSPORTS

#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: runnerrunningRunning GuideRunning Rulesกฎการวิ่งการวิ่งนักวิ่งวิ่ง
Previous Post

เคล็ดลับการเลือกซื้อ Sport Bra สำหรับสาวๆ

Next Post

ซาเมียร์ ซิงค์ นักวิ่งผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งหมู่บ้านด้วยระยะทาง 10,000 กิโลเมตร

thip

thip

Related Posts

เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

5 เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

14/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง นักวิ่ง

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง สำหรับนักวิ่ง

04/06/2025
5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

22/05/2025
โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

19/05/2025
ท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อขาสำหรับนักวิ่ง

5 ท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อขาสำหรับนักวิ่ง

16/05/2025
โปรแกรมฝึกวิ่งฮาล์ฟมาราธอน

โปรแกรมฝึกวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ในระยะเวลา 10 สัปดาห์

13/05/2025
Next Post
ซาเมียร์ ซิงค์ นักวิ่งผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งหมู่บ้านด้วยระยะทาง 10,000 กิโลเมตร

ซาเมียร์ ซิงค์ นักวิ่งผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งหมู่บ้านด้วยระยะทาง 10,000 กิโลเมตร

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 33.7k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

อาดิดาสจัดงานวิ่ง City Run กลางสยาม ฉลองการเปิดตัว adidas Ultraboost 20

อาดิดาสจัดงานวิ่ง City Run กลางสยาม ฉลองการเปิดตัว adidas Ultraboost 20

by thip
17/12/2019

10 อันดับรองเท้าวิ่งยอดนิยมในปี 2020 (อัปเดตล่าสุด เดือนกรกฎาคม)

10 อันดับรองเท้าวิ่งยอดนิยมในปี 2020 (อัปเดตล่าสุด เดือนกรกฎาคม)

by thip
26/07/2020

วิธีลดน้ำหนักด้วยการปั่นจักรยาน

วิธีลดน้ำหนักด้วยการปั่นจักรยาน

by thip
29/05/2019

ท่า Squat ที่นักวิ่งควรลอง

20 เวอร์ชั่นของท่า Squat ที่นักวิ่งควรลอง

by thip
14/05/2024

เคล็ดลับปลุกพลังเปลี่ยนคุณจาก Fun Run สู่ Marathon เต็มตัว

เคล็ดลับปลุกพลังเปลี่ยนคุณจาก Fun Run สู่ Marathon เต็มตัว

by VRUN VRIDE
20/01/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (172)
  • Fitness & Health (370)
  • News (874)
  • Review (126)
  • Running (941)
  • Stories (201)
  • Training (462)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี