วันพุธ, ตุลาคม 15, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

ฟิตร่างกายให้พร้อม! ด้วยแผนการซ้อมวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 12 สัปดาห์

thip by thip
23/08/2019
in Running, Training
0
ฟิตร่างกายให้พร้อม! ด้วยแผนการซ้อมวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 12 สัปดาห์
  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

ฟิตร่างกายให้พร้อม! ด้วยแผนการซ้อมวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 12 สัปดาห์

สำหรับนักวิ่งมือใหม่ การวิ่ง 21 กิโลเมตร ถือเป็นอะไรที่ยากและท้าทาย แต่ก็ยังสามารถวิ่งไปจนถึงเส้นชัยได้อยู่ สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์ การวิ่ง Half Marathon 21 กิโลเมตรถือเป็นระยะทางยอดนิยมของพวกเขา เพราะสามารถใช้ในการทดสอบความทรหดของร่างกาย และใช้เวลาฝึกซ้อมรวมถึงใช้เวลาฟื้นตัวน้อยกว่าการวิ่งมาราธอน

สำหรับนักวิ่งมือใหม่ ปริมาณเวลาที่ใช้ในการฝึกซ้อมจะถือว่าเป็นปัจจัยหลัก มีการวิจัยเกี่ยวกับระดับความเมื่อยล้าหลังการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน พบว่ากล้ามเนื้อจะมีระดับความเมื่อยล้ามากขึ้นอย่างชัดเจน และความเมื่อยล้าจะยังคงอยู่กับเราได้นานกว่า 24 ชั่วโมง การวิ่งสองชั่วโมงจะสร้างความตึงเครียดให้กล้ามเนื้อขาอย่างมาก เพื่อที่จะเตรียมตัวแข่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอนนักวิ่งมือใหม่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีจำนวนระยะทางการซ้อมวิ่งระยะไกลที่สูงมาก

ในขณะเดียวกันสำหรับพวกนักวิ่งที่เก่งแล้ว ในขณะที่พวกเขาวิ่งฮาล์ฟมาราธอนร่างกายจะมีการทำงานคล้ายกับตอนที่วิ่ง 10K การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค 98% และเป็นอนาโรบิค 2% หมายความว่า พวกนักวิ่งเก่งๆที่ต้องการวิ่งให้เร็วขึ้นจะต้องมีการฝึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลายกรดแลคติก และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังงานที่ใช้งานได้

ระดับของการใช้งานร่างกายในขณะวิ่งมาราธอน 21 กิโลเมตรนั้น เป็นส่วนผสมของความทรหดและการรักษาความเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการฝึกร่างกายให้มีความอดทนต่อการออกกำลังกายหนัก และการวิ่งระยะไกลเสียก่อนที่จะไปเริ่มฝึกพิเศษในช่วงท้ายๆของโปรแกรมการฝึก

โปรแกรมการซ้อมที่จะแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 3 ช่วง ซึ่งมีจุดประสงค์ของการฝึกที่แตกต่างกันไปสำหรับทั้งนักวิ่งมือใหม่และมืออาชีพ ถือเป็นแผนการฝึกที่มีการฝึกแบบรอบด้าน ไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่า

ช่วงการฝึกที่ 1

5 สัปดาห์แรกจะเป็นการเพิ่มระยะทางการวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมไปถึงการเพิ่มปริมาณการฝึกที่สำคัญอีกด้วย เพื่อให้เราสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น มีความท้าทายมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเพื่อให้สามารถรับมือกับความตึงเครียดอีกด้วย

ระยะทางการวิ่ง , ปริมาณการออกกำลังกายจะค่อยๆเพิ่มขึ้น , มีการฝึกเพิ่ม VO2max , ฝึกแอโรบิคและอนาโรบิค threshold ซึ่งออกแบบมาให้ส่งผลดีต่อระบบพลังงานโดยเฉพาะ เราจะกลายเป็นนักวิ่งที่ไม่มีจุดอ่อนใดๆ , จำไว้ว่าช่วง 5 สัปดาห์นี้เป็นช่วงของการสร้างรากฐานเพื่อที่จะต้องไปเจอกับการฝึกที่ยากขึ้นกว่าเดิม

การฝึกหลักๆในช่วง 5 สัปดาห์แรก

1.Strides : วิ่งเร็ว 20-35 วินาที โดยใช้ความเร็วประมาณ 85-95% ปกติแล้วจะใช้ซ้อมหลังการวิ่งแบบ Easy และก่อนการออกกำลังกายหลัก เป็นการฝึกฝนกลไกการวิ่งที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ

2.Easy and Long Run pace : เราจะวิ่งโดยใช้ความเร็วช้ากว่าตอนลงแข่งจริงประมาณ 2 นาที จุดประสงค์หลักก็เพื่อการฟื้นตัวหลังจากการซ้อมหนัก และเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรบิค

3.Tempo run: การวิ่งเทมโปจะใช้เพซที่ใกล้เคียงหรือน้อยกว่าการวิ่ง Threshold มันจะเป็นการฝึกร่างกายให้เพิ่มประสิทธิภาพในการสลายกรดแลคติก

4.Threshold Intervals: จะใช้ความเร็วในการวิ่งมากกว่าการวิ่งเทมโป 6-7% แต่เพราะว่ามีระยะเวลาการพักฟื้นตัวน้อยกว่า ทำให้ช่วยฝึกเราให้มีความสามารถในการรักษาระดับความเร็วเอาไว้ได้นานขึ้น

5.Hill repeats: เป็นการฝึกวิ่งขึ้นเนินในช่วงเวลาสั้นๆ (30-45 วินาที) จะช่วยเราในการเพิ่มพละกำลังและพัฒนาชีวกลศาสตร์ (Biomechanics) ให้ดีขึ้น , ในขณะที่ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มมากขึ้น ระหว่างการฝึกต้องฟื้นตัวด้วยการเดินหรือวิ่งจ๊อกกิ้งกลับลงมาจากเนิน

6.Combo workouts: การออกกำลังกายแบบคอมโบจะช่วยฝึกขา ,ร่างกาย , และจิตใจสำหรับการวิ่งเร็วในเวลาที่รู้สึกเหนื่อยๆ จะเริ่มต้นการวิ่งโดยใช้เพซเทมโปเพื่อให้ขาเหนื่อยและสิ้นสุดการฝึกด้วยเพซที่เร็วกว่า เป็นการจำลองเหตุการณ์ในช่วงสิ้นสุดการแข่งขัน

7.Steady runs: เป็นการวิ่งโดยใช้ระดับความเข้มข้นปานกลางซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรบิค ด้วยการฝึกวิ่งแบบ aerobic threshold เป็นการฝึกที่จะไม่ทำให้เหนื่อยจนเกินไป ทำให้เราสามารถฝึกวิ่งระยะไกลในวันถัดไปได้ ซึ่งเป็นการจำลองการวิ่งในระยะทางที่ไกลกว่าเดิม โดยไม่ต้องวิ่งเต็มระยะทางเหมือนในวันลงแข่งจริง

8.VO2max intervals : เป็นการฝึกโดยใช้ระดับ VO2 Max ของเรา มันคือระดับการวัดปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายสามารถเอาไปใช้ได้ในระหว่างการออกกำลังกาย การฝึกจะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายเอาไปใช้งานได้ ทำให้เราวิ่งเร็วขึ้นโดยไม่ต้องหยุดพักหายใจ มันเป็นการฝึกที่ยากและจะทำให้เราหอบ แต่จะสามารถสังเกตุเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนในไม่กี่สัปดาห์

ช่วงการฝึกที่สอง (การฝึกเฉพาะเจาะจง)

จะเป็นการฝึกเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ในขณะที่การฝึกวิ่งเพียงอย่างเดียวจะทำให้ร่างกายฟิตมากขึ้นเพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน จึงต้องมีรูปแบบการฝึกให้เข้ากับการแข่งขันด้วย

ระดับความเข้มข้นในการฝึกจะเพิ่มขึ้นในทุกสัปดาห์ โดยโฟกัสไปที่การฝึกเพื่อให้ร่างกายฟิตมากพอกับการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน จะไม่มีการเพิ่มระยะทางการวิ่งมากเหมือนการฝึกในช่วงแรก จะเน้นการฝึกเฉพาะเจาะจง , การวิ่งระยะไกล และถูกออกแบบมาให้ร่างกายฟื้นตัวได้ทัน

รูปแบบการฝึก

Cutdown Runs: เป็นการฝึกเพิ่มระดับความพยายามในการวิ่งในขณะที่กล้ามเนื้อมีความเมื่อยล้า , ความรู้สึกจะคล้ายกับตอนในช่วงกลางการแข่งขัน เมื่อร่างกายเริ่มเหนื่อยจากการวิ่งในช่วงแรก การวิ่ง Cutdown runs จะมีการเพิ่มความเร็วในทุก 1 ไมล์ (1.6 กม.) โดยในช่ว 1 ไมล์สุดท้ายจะเป็นช่วงที่ใช้ความเร็วมากที่สุด

Alternating Tempo Run: เป้าหมายในการฝึกคือเพื่อให้ร่างกายสลายกรดแลคติกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในขณะที่กำลังวิ่งโดยใช้เพซที่ใกล้เคียงกับเพซในการลงแข่งจริง (race pace) ให้เราเริ่มด้วยการวิ่งโดยใช้ race pace สัก 1.6 กม. จะทำให้ขาของเรามีกรดแลคติกออกมามาก จากนั้นค่อยลดมาใช้เพซฮาล์ฟมาราธอนหรือเพซมาราธอนเพื่อฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสลายกรดแลคติกได้ดีมากขึ้น

Fast Finish Long Runs: เป็นการจำลองความเมื่อยล้าในช่วงท้ายการแข่งขันช่วยให้เราวิ่งต่อไปถึงแม้ว่าขาของเราจะอยากหยุดวิ่งไปแล้ว

Long Run Surges: การเพิ่มโปรแกรมฝึกเร็วเข้าไปในวันวิ่งระยะไกล จะช่วยให้เราสามารถวิ่งเร็วได้ทั้งที่มีอาการเมื่อยล้า , เพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มทักษะสำหรับการลงแข่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทุกด้านในการวิ่งระยะไกล

ช่วงสุดท้ายของการซ้อม (ช่วงอุดรูรั่ว)

ช่วง 10 วันสุดท้ายของโปรแกรมการซ้อมนี้มันจะต่างจากโปรแกรมการฝึกอื่นตรงที่ไม่มีการลดระยะทางในการฝึกวิ่ง Easy runs จนกว่าจะถึง 2 วันสุดท้ายก่อนการวิ่ง แต่ระยะทางจะอยู่ในระดับที่ร่างกายฟื้นตัวได้ทันและไม่ทำให้เหนื่อยเกินไป

ที่สำคัญคือการวิ่งแบบ Easy runs จะช่วยรักษาประสิทธิภาพทางด้านแอโรบิคของเราเอาไว้ (การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนต้องใช้ความสามารถด้านแอโรบิค 98%) เราจึงไม่ควรลดระยะทางในการซ้อมวิ่ง Easy และการวิ่งแบบ easy ก็ไม่ทำให้เหนื่อยด้วย

ในช่วงสองวันสุดท้ายก่อนการวิ่งจะมีการลดระยะทางการวิ่งแบบ Easy runs เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ และการลดระยะทางภายในช่วงสองวันนี้จะไม่ทำให้ประสิทธิภาพด้านแอโรบิคลดลงแน่นอน

รูปแบบการฝึก

Pre-race Workout: เราจะต้องเจอกับการฝึกที่ยากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะลงแข่งจริง มันสำคัญที่ต้องระวังอย่าซ้อมหนักมากเกินไป เป้าหมายของการซ้อมคือการระบบประสาทส่วนกลาง มีการใช้ความเร็วพอประมาณเพื่อให้ขารู้สึกสบายและเพิ่มระดับความมั่นใจโดยไม่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า

ตารางการฝึกซ้อม

โปรแกรมการฝึกนี้สามารถใช้ได้ทั้งกับนักวิ่งมือใหม่และมืออาชีพ มือใหม่ควรจะวิ่งได้ 32-40 กม. ต่อสัปดาห์ และใช้เวลาในการฝึกช่วงแรกเพื่อเพิ่มระยะทางในการวิ่ง อย่าลืมจัดตารางเวลาสำหรับมาซ้อมวิ่งเอาไว้ด้วย

ถ้าหากรู้ตัวว่าสามารถวิ่งแบบ Easy ได้ไกลกว่าที่โปรแกรมกำหนดไว้ เราก็สามารถเพิ่มระยะทางในการฝึกหรือจะเอาวันพักมาใช้เป็นวันวิ่ง Easy เพิ่มขึ้นไปอีกก็ได้ อย่าลืมจดจำองค์ประกอบที่สำคัญของการฝึกเอาไว้ และอย่าวิ่งไกลหรือเร็วมากเกินไปในวันซ้อมวิ่งแบบ Easy

สัปดาห์ที่ 1

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : EASY RUN  วิ่ง 6.43 กม. (4 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : TEMPO RUN  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ จากนั้นวิ่ง 3 กม. ด้วยความครึ่งนึงของเพซมาราธอน , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : EASY RUN  วิ่ง 6.43 กม. (4 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  12.87 กม. (8 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 2

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : THRESHOLD INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 1.6 กม. ด้วยความเร็ว 10k อีก 1 รอบ แต่ละรอบให้พัก 90 วินาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : HILL REPEATS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ จากนั้นวิ่งขึ้นเนินแบบ Hard 30 วินาที 5 รอบ แต่ละรอบให้เดินกลับลงมาเพื่อฟื้นตัว , จากนั้นให้วิ่งขึ้นเนิน 75 วินาที 5 รอบ โดยใช้เพซ 5k แต่ละรอบให้เดินกลับลงมาเพื่อฟื้นตัว, วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : EASY RUN  วิ่ง 6.43 กม. (4 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  14.49 กม. (9 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 3

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : COMBO WORKOUT  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ , แล้ววิ่ง 4.8 กม. (3 ไมล์) ด้วยความเร็วครึ่งนึงของเพซมาราธอน , พัก 3 นาที , วิ่ง 2 นาที 4 รอบ โดยใช้เพซ 5k แต่ละรอบให้พัก 90 วินาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 8 กม. (5 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : STEADY RUN  วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์) , วิ่งอีก  6.43 กม. (4 ไมล์) โดยใช้เพซคงที่ (ความเร็วที่ใช้จะอยู่ในช่วง เพซมาราธอนถึงมาราธอน +30วินาที/1 ไมล์) , วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์)
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  16 กม. (10 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 4

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : VO2 MAX WORKOUT  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ , แล้ววิ่ง 400 เมตร 14 รอบ ด้วยความเร็ว 3k แต่ละรอบให้พัก 2 นาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 8 กม. (5 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : THRESHOLD INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 3.2 กม.(2 ไมล์) 3 รอบ ด้วยความเร็วครึ่งนึงของเพซมาราธอน แต่ละรอบให้พัก 3 นาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันเสาร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  16 กม. (10 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 5

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : THRESHOLD INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์) อีก 2 รอบ โดยใช้ความเร็วครึ่งนึงของเพซมาราธอน แต่ละรอบให้พัก 3 นาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : STEADY RUN  วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์) , วิ่งอีก  8 กม. (5 ไมล์) โดยใช้เพซคงที่ (ความเร็วที่ใช้จะอยู่ในช่วง เพซมาราธอนถึงมาราธอน +30วินาที/1 ไมล์) , วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์)
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  19.31 กม. (12 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 6

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 400 เมตรอีก 16 รอบ โดยใช้ความเร็ว 10k ในระหว่างรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 200 เมตรเพื่อฟื้นตัว , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : ALTERNATING TEMPO RUN  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง อีก 3 รอบ (วิธีวิ่งในแต่ละรอบคือ วิ่ง 1.6 กม. โดยใช้เพซมาราธอน และวิ่งต่ออีก 1.6 กม. โดยใช้เพซ 10k) , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันเสาร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  16 กม. (10 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 7

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : TEMPO RUN  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 8 กม. (5 ไมล์) โดยใช้เพซสำหรับวิ่งฮาล์ฟมาราธอน , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : STEADY RUN  วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์) , วิ่งอีก  8 กม. (5 ไมล์) โดยใช้เพซคงที่ (ความเร็วที่ใช้จะอยู่ในช่วง เพซมาราธอนถึงมาราธอน +30วินาที/1 ไมล์) , วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์)
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่งทั้งหมด 21 กม. (13 ไมล์) ตามด้วยการวิ่ง surges รอบละ 1 นาที ทั้งหมด 7 รอบ ใช้ความเร็ว 5k , เมื่อวิ่งได้ประมาณ 12.8 กม (8 ไมล์) ให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง แล้วค่อยวิ่งต่อให้ครบ 21 กม.

สัปดาห์ที่ 8

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 800 เมตรอีก 8 รอบ โดยใช้ความเร็ว 10k ในระหว่างรอบให้ วิ่ง 200 เมตรโดยใช้เพซมาราธอน  , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : CUTDOWN  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ ตามด้วยการวิ่ง  cutdown อีก 9.6 กม.  (6 ไมล์) ให้เริ่มวิ่งโดยใช้เพซมาราธอน +20 วินาที/1.6 กม. (1 ไมล์) ส่วนอีก 5 ไมล์ที่เหลือ ในแต่ละรอบให้เพิ่มความเร็ว -10 วินาที/1.6 กม. , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันเสาร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  16 กม. (10 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 9

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : ALTERNATING TEMPO RUN  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่งอีก 3 รอบ แต่ละรอบให้ใช้วิธีวิ่งดังนี้คือ 1.6 กม.แรกให้ใช้ความเร็วครึ่งนึงของเพซมาราธอนและใน 1.6 กม. ต่อมาให้ใช้เพซ 10k , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : STEADY RUN  วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์) , วิ่งอีก  9.6 กม. (6 ไมล์) โดยใช้เพซคงที่ (ความเร็วที่ใช้จะอยู่ในช่วง เพซมาราธอนถึงมาราธอน +30วินาที/1 ไมล์) , วิ่ง Easy 1.6 กม. (1 ไมล์)
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่งทั้งหมด 21 กม. (13 ไมล์) แต่ในช่วง 14-19 กม. ให้ใช้ความเร็วที่ช้ากว่าเพซอาล์ฟมาราธอน 10 วินาที/1.6 กม. (1 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 10

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 1000 เมตรอีก 8 รอบ โดยใช้ความเร็ว 10k ในระหว่างรอบให้วิ่งโดยใช้เพซมาราธอน 200 เมตร  , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : THRESHOLD INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 4 กม. (2.5 ไมล์) อีก 2 รอบ โดยใช้เพซสำหรับลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน แต่ละรอบให้พัก 3 นาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันเสาร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  16 กม. (10 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 11

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : THRESHOLD INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 2.4 กม. (1.5 ไมล์) อีก 4 รอบ โดยใช้เพซสำหรับลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน แต่ละรอบให้พัก 2 นาที , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : TEMPO RUN  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ จากนั้นวิ่ง 6.4 กม. (4 ไมล์) โดยใช้เพซมาราธอน , วิ่ง 1.6 กม. (1 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันศุกร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันเสาร์ : EASY RUN  วิ่ง 9.6 กม. (6 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันอาทิตย์ : LONG RUN  วิ่ง Easy  12.87 กม. (8 ไมล์)

สัปดาห์ที่ 12

  • วันจันทร์ : วันพัก  ฝึก Cross training หรือจะฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางก็ได้
  • วันอังคาร : INTERVALS  วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อวอร์มอัพ แล้ววิ่ง 1.6 กม. อีก 2 รอบ ในแต่ละรอบให้พัก 4 นาที , วิ่ง 400 เมตร 2 รอบ โดยใช้ความเร็ว 3k ในระหว่างรอบให้พัก 2 นาที , วิ่ง 3.2 กม. (2 ไมล์) เพื่อคูลดาวน์
  • วันพุธ : OPTION  เลือกเอาระหว่างการพักหรือวิ่ง 4.82 กม. (3 ไมล์)
  • วันพฤหัส : EASY RUN  วิ่ง 8 กม. (5 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : EASY RUN  วิ่ง 6.4 กม. (4 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันเสาร์ : EASY RUN  วิ่ง 4.8 กม. (3 ไมล์) + วิ่ง strides 20 วินาที อีก 4 รอบ
  • วันอาทิตย์ : วันลงแข่ง  ขอให้ทุกคนโชคดี!

ที่มา :


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
? ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
[AD]
แจกจริง แจกหนัก GARMIN, SUUNTO, FITBIT 122 วัน 122 เรือน
เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC คลิก bit.ly/ฺBNC122

.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: 21KHalf MarathonrunrunnerRunning PlanRunning Programนักวิ่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแผนซ้อมวิ่ง
Previous Post

10 อันดับสุดยอดรองเท้าวิ่งในปี 2019 (อัปเดตล่าสุด เดือนสิงหาคม)

Next Post

8 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง ที่นักวิ่งทุกคนควรใช้

thip

thip

Related Posts

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10k สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10k สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

13/10/2025
กลศาสตร์ของความเร็ว วิธีพัฒนาฟอร์มการวิ่ง

กลศาสตร์ของความเร็ว : ทำไมฟอร์มการวิ่งถึงส่งผลต่อเพซของเรา

12/10/2025
ตัวอย่างการฝึกวิ่ง Interval รวมข้อมูลทุกเรื่องที่ผู้ฝึกจำเป็นต้องรู้

ตัวอย่างการฝึกวิ่ง Interval รวมข้อมูลทุกเรื่องที่ผู้ฝึกจำเป็นต้องรู้

11/10/2025
ท่า Plyometric Exercises สำหรับนักวิ่ง เพื่อเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

7 ท่า Plyometric Exercises เพื่อเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

10/10/2025
โปรแกรมฝึกวิ่ง Marathon 16 สัปดาห์

โปรแกรมฝึกวิ่ง Marathon 16 สัปดาห์

05/08/2025
โปรแกรมฝึกวิ่ง Half Marathon สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

โปรแกรมฝึกวิ่ง Half Marathon สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

04/08/2025
Next Post
8 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง ที่นักวิ่งทุกคนควรใช้

8 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง ที่นักวิ่งทุกคนควรใช้

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 42k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

NIKE Rallying Cry JDI_RACHWIN001

ไนกี้ส่งต่อแรงบันดาลใจด้านการกีฬาให้สาวๆ ในแคมเปญล่าสุด ‘Rallying Cry’

by VRUN VRIDE
18/09/2018

6 ท่าฝึก Strength Training ที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่ง

6 ท่าฝึก Strength Training ที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่ง

by thip
13/04/2020

วิธีการเตรียมตัวก่อนจะเป็นนักไตรกีฬา

วิธีการเตรียมตัวก่อนจะเป็นนักไตรกีฬา

by VRUN VRIDE
01/09/2018

To Make Riders Faster หนังสือเจาะลึกประวัติ Cervélo

To Make Riders Faster หนังสือเจาะลึกประวัติ Cervélo ที่นักปั่นและนักไตรกีฬาไม่ควรพลาด

by thip
16/05/2020

โปรแกรมการฝึกวิ่ง 10k เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์

โปรแกรมการฝึกวิ่ง 10k เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์

by thip
30/08/2023

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (173)
  • Fitness & Health (377)
  • News (895)
  • Review (126)
  • Running (957)
  • Stories (201)
  • Training (478)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี