วันอาทิตย์, มิถุนายน 15, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

แผนการซ้อมวิ่ง 10K เพื่อทำเวลาให้ได้ 60 , 50 และ 40 นาที

thip by thip
17/01/2020
in Running, Training
0
แผนการซ้อมวิ่ง 10K

Designed by Freepik

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

แผนการซ้อมวิ่ง 10k เพื่อทำเวลาให้ได้ 60 , 50 และ 40 นาที

ระยะทาง 10 กม. หรือ 6.2 ไมล์ เป็นระยะทางที่เพอร์เฟคสำหรับการทดสอบระดับความทรหด , ความเร็วและอื่นๆ สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่มันจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็จะเป็นการเลื่อนระดับขึ้นมาจากการวิ่ง 5k และมันยังเป็นระยะทางที่เหมาะกับการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความเร็วในการลงแข่งวิ่งที่มีระยะทางไกลกว่านี้

ไม่ใช่แค่ความทรหดเท่านั้นที่เราจำเป็นต้องมี เราจะเป็นต้องมีทั้งความทรหดและความเร็ว , ความสามารถในการรักษาความเร็วเอาไว้ในชั่วระยะเวลาหนึ่งกล่าวโดย จูเลียน โกทเตอร์ โค้ชนักวิ่งอาชีพและผู้แต่งหนังสือ “The Art of Running Faster”  เมื่อพูดถึงเรื่องทางทางสรีรวิทยาแล้วนี่หมายความว่าการมี VO2 max และความทนทานต่อกรดแลคติกที่สูงนั้นมีความสำคัญมากพอกัน ดังนั้นความสมดุลของการฝึกเพื่อเพิ่มระดับ VO2 max เช่นกันฝึก Intervals และการวิ่งเทมโปเพื่อเพิ่มความทนทานต่อกรดแลคติกนั้นจะต้องมีอยู่ในโปรแกรมการฝึกด้วย

การวิ่งให้เร็วกว่า Racepace หรือเพซในวันลงแข่งจะช่วยให้เรารู้สึกว่าง่ายขึ้น กล่าวโดยโค้ช จูเลียน “แต่การซอยการซ้อมออกเป็นส่วนๆจะทำให้มันยิ่งง่ายขึ้นไปอีก” ผลการวิจัยในวารสาร Journal of Applied Physiology ระบุว่านักวิ่งที่ใช้ระยะทางการวิ่งบางส่วน (ซึ่งในเพซปานกลาง) เอาไปเปลี่ยนเป็นการซ้อมวิ่งด้วยความเร็ว 95% สัก 3-4 รอบ จะสามารถทำเวลาในการวิ่ง 10k ได้เร็วขึ้นประมาณ 1 นาที

การฝึกโดยใช้เพซเดียวกับวันลงแข่งก็มีความสำคัญเช่นกัน ยิ่งมีการออกแรงใกล้เคียงกับวันลงแข่งจริงมากเท่าไหร่เราก็สามารถวิ่งในระยะทางที่เท่ากันได้ดีมากขึ้นได้เท่านั้น ข้อดีอีกอย่างของการวิ่ง 10k คือมันมีความเสี่ยงน้อย แม้ว่าการวิ่งเร็วเกินไปจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายในการวิ่งแต่จะไม่ทำให้การวิ่งต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน และถ้าหากทำได้ไม่ดีในการลองวิ่งครั้งแรกเราก็ยังสามารถกลับมาซ้อมวิ่งใหม่ได้ในสัปดาห์ถัดไป และเมื่อเราไปลงแข่งการวิ่งที่มีระยะทางมากกว่าเราจะเริ่มรู้สึกว่าการซ้อมวิ่ง 10k มันเริ่มจ่ายปันผลให้เรา

จากนี้ไปคือ แผนการซ้อมวิ่ง 10k สำหรับการทำเวลาให้ได้ 60 , 50 และ 40 นาที

แผนการซ้อมวิ่ง 10K เพื่อทำเวลาให้ได้ 60 นาที

สัปดาห์ที่ 1

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 1.6 กม 4 รอบ รอบแรกให้ใช้เพซที่ช้ากว่าในวันลงแข่ง 10k ประมาณ 5 วินาที , แล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วในรอบต่อไปตามลำดับ (เร็วกว่าเดิมประมาณ 1-2 วินาที) , หลังการวิ่งแต่ละรอบให้พัก 2 นาทีครึ่ง
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy หรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่งขึ้นเนิน 20 วินาที จำนวน 8-10 รอบ ให้ใช้เนินที่มีความชัน 4-6%
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งแบบ Easy 40 นาที
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้าๆ 12.8 กม.

สัปดาห์ที่ 2

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  ฝึกวิ่งเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ 30 วินาที ทั้งหมด 8 รอบ , ในแต่ละรอบให้พักฟื้นตัว 90 วินาที
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 30 นาทีหรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy โดยให้ 10 นาที 2 รอบ โดยใช้เพซเทมโป , ในแต่ละรอบให้ตามด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อฟื้นตัว 2 นาที , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Fartlek 6.4 กม. โดยช่วงที่เร่งความเร็วให้มีระยะเวลา 20 วินาทีถึง 2 นาที
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง Easy  12.8 กม.

สัปดาห์ที่ 3

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 1,200 เมตร 5-6 รอบ โดยใช้เพซ 10k โดยแต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 3 นาที
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 30 นาทีหรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่งขึ้นเนิน 20 วินาที จำนวน 8-10 รอบ ให้ใช้เนินที่มีความชัน 6%
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 45 นาที
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้าๆ 16 กม.

สัปดาห์ที่ 4

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง Easy 1.6 กม. , วิ่งเทมโป 12 นาที 2 รอบ แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 2 นาที
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 30 นาทีหรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่งเร็ว 30 วินาที 10 รอบ
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ไปวิ่ง parkrun
  • วันอาทิตย์ : พัก

สัปดาห์ที่ 5

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 1.6 กม. 4 รอบ โดยใช้เพซ 10k , แต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 3 นาทีเพื่อฟื้นตัว , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม.
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 30 นาทีหรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Fartlek ขึ้นเนิน 8 กม. , ช่วงเวลาที่เร่งความเร็วจะเริ่มตั้งแต่ 20 วินาทีถึง 2 นาที
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 45 นาทีแบบ Easy
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง 11.26 กม แบบ Easy

สัปดาห์ที่ 6

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 2 นาที จำนวน 6-8 รอบ โดยใน 1 นาทีแรกใช้เพซ 10k , อีกหนึ่งนาทีใช้เพซ 5k , แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 2 นาที
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 30 นาทีหรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy , วิ่งเทมโป 20 นาที , วิ่ง 1.6 กม.
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 50 นาทีแบบ Easy
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง Easy เป็นระยะทาง 16 กม. แต่ในช่วง 3.2 กม.สุดท้ายให้วิ่งเร็วกว่าเดิม

สัปดาห์ที่ 7

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 3.2 กม. 2 รอบ โดยใช้เพซ 10k , แต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้งฟื้นตัว 5 นาที , จากนั้นให้วิ่ง 2 นาทีอีก 2 รอบ โดยใช้เพซ 5k , แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 90 วินาที , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 45 นาทีหรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่งเร็ว 30 วินาที 6 รอบ , แต่ละรอบให้พักฟื้นตัว 90 วินาที
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 8 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง 11.26 กม แบบ Easy

สัปดาห์ที่ 8

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy , วิ่ง 1 นาที 5 รอบโดยใช้เพซ 5k , วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy หรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่งไปกลับ 6.4 กม. ในช่วง 3.2 กม.แรกให้ใช้ความเร็วคงที่ และในช่วงที่วิ่งกลับให้วิ่งเร็วกว่าเดิม
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง Easy 20 นาที
  • วันอาทิตย์ : วันลงแข่ง 10k ขอให้ทุกคนโชคดี
แผนการซ้อมวิ่ง 10K
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่

ใครบ้างที่เหมาะกับแผนการซ้อมข้างบนนี้

เหมาะสำหรับคนที่ลงแข่งวิ่งครั้งแรกที่มีระดับความฟิตของร่างกายอยู่ในระดับที่ดี รวมไปถึงคนที่มีประสบการณ์ในการวิ่ง 5k โดยสามารถทำเวลาได้ภายใน 30 นาที

เพซที่ต้องใช้ในการวิ่ง : 9.35 นาทีต่อ 1.6 กม.

แผนการซ้อมวิ่ง 8 สัปดาห์นี้ จะมีวันฝึกยากๆสัปดาห์ละ 3 วัน มีการฝึกโดยใช้ Racepace กับการฝึกวิ่ง Fartlek , การวิ่งขึ้นเนินและวิ่งเทมโป การวิ่ง Fartlek จะทำให้เราชินกับความเร็วและการฟื้นตัว , ส่วนการวิ่งที่เน้นระยะทางให้วิ่งช้าๆเพื่อเพิ่มความทรหดให้ร่างกาย , การไปลงแข่ง 5k หรือ Parkrun จะทำให้เราได้ทดสอบร่างกายของเราและปรับ Racepace ของเราได้ดีขึ้น หากเพื่อนๆไม่เคยลงแข่งวิ่งมาก่อนเลยก็ขอแนะนำให้เริ่มจากการวิ่ง 5k ก่อน แล้วค่อยเพิ่มระยะทางเป็น 10k

เลือกงานแข่งวิ่งที่เหมาะกับเรา

มีนักวิ่งมือใหม่จำนวนมากที่เลือกงานแข่งใหญ่ๆสำหรับการลงแข่งครั้งแรกของตัวเอง แต่การที่เราต้องวิ่งอยู่ข้างหลังคนนับร้อยมันไม่ดีต่อการทำสถิติส่วนตัวเลย เราควรเลือกงานแข่งที่เหมาะกับการทำสถิติส่วนตัวและมีระดับการแข่งขันที่น้อยกว่า , ไม่จำเป็นต้องวิ่งในเส้นทางที่ราบเรียบอย่างเดียวก็ได้ เพราะหลังจากที่วิ่งขึ้นเนินในจังหวะลงเนินเราก็จะกลับมาวิ่งได้เร็วเหมือนเดิม

รักษาฟอร์มการวิ่งให้ถูกต้องเสมอ

การมีฟอร์มการวิ่งที่ดีขึ้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการวิ่ง จะทำให้เราใช้พลังในการวิ่งน้อยลงและมีโอกาสได้รับบาดเจ็บน้อยลง เราควรจะเอาเท้าลงพื้นแบบเงียบๆเคลื่อนไหวตัวเองให้เร็วและเบา เราควรวิ่งพุ่งตัวไปในช่วงสั้นๆ , ก้าวขาสั้นๆเพื่อเพิ่มจังหวะการสับขา และเอาเท้าลงพื้นเสมอ เราควรรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกดึงตัวให้ล้มไปด้านหน้าแต่เป็นเพราะว่าเราสับขาบ่อยก็เลยไม่ล้มและสามารถวิ่งต่อไปได้

ควรได้รับน้ำอย่างเพียงพอ

เราต้องนำน้ำติดตัวไปด้วย , แต่ไม่จำเป็นสำหรับการวิ่ง 10k ในกรณีที่ต้องการวิ่งถึงเส้นชัยภายในชั่วโมงเดียว มันจะยังไม่มีความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำและไม่ทำให้เราวิ่งช้าลง

วิ่งช้าแต่ใช้ความเร็วคงที่

โฟกัสไปกับการวิ่งอย่างใจเย็นในช่วสงเริ่มต้นการวิ่งและค่อยไปเร่งความเร็วในช่วงระยะทางสุดท้าย และถึงแม้เราจะวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิมตลอดในช่วงระยะทางสุดท้ายเราก็จะเริ่มรู้สึกว่ามันอยากขึ้นอยู่ดี

แกว่งแขน

รู้สึกว่าตัวเองไม่พุ่งตัวไปด้านหน้าใช่หรือไม่ ถ้างั้นให้โฟกัสไปที่การแกว่งแขน ถ้าเราขยับแขนไวขึ้นเราก็จะขยับขาไว้ขึ้นด้วย

วิธีคำนวนเวลาว่าเราจะสามารถวิ่ง 10k ได้เร็วแค่ไหน

ให้เราเวลาในการวิ่ง 5k ของเรา คูณด้วย 2.1 (ใช้เครื่องคิดเลขก็ได้)

ต่อไปจะเป็นโปรแกรมการซ้อมวิ่ง 10K สำหรับผู้ที่ต้องการทำเวลาให้ได้ 50 นาที

สัปดาห์ที่ 1

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 1.6 กม. 4 รอบ , ในรอบแรกวิ่งให้ช้ากว่าเพซ 10k ของเราและในรอบถัดไปก็ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ โดยใช้เพซที่เร็วขึ้นกว่าเดิม 1-2 วินาที , หลังการวิ่งแต่ละรอบให้พัก 2 นาทีครึ่ง
  • วันพุธ :  พัก
  • วันพฤหัส : ฝึกวิ่งขึ้นเนิน 20 วินาที จำนวน 8-10 รอบ , ใช้เนินที่มีความชัน 4-6%
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งแบบ Easy 8 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้า 14.4 กม.

สัปดาห์ที่ 2

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy โดยให้รวมการวิ่ง Stride เข้าไปด้วย , จากนั้นวิ่ง 3 นาที 5 รอบ โดยใช้เพซ 5k , หลังการวิ่งแต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 2 นาทีครึ่ง , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันพุธ :  วิ่ง 30 นาทีแบบ Easy หรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง 3.2 กม.แบบ Easy , วิ่งเทมโป 20 นาที , วิ่ง Easy อีก 1.6 กม.
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 8 กม. โดยใช้ความเร็วคงที่
  • วันอาทิตย์ : วิ่งแบบ Easy 11.26 กม.

สัปดาห์ที่ 3

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 1200 เมตร จำนวน 5-6 รอบโดยใช้เพซ 10k , แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 3 นาที
  • วันพุธ :  พัก
  • วันพฤหัส : วอร์มอัพด้วยการวิ่ง 3.2 กม. , จากนั้นฝึกวิ่งเร็ว 30 วินาที จำนวน 8-10 รอบ , แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 1 นาทีครึ่ง
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ลงแข่ง Parkrun
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้า 16 กม.

สัปดาห์ที่ 4

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง Easy 3.2 กม. , วิ่งเทมโป 25 นาที , วิ่งแบบ Easy 1.6 กม.
  • วันพุธ :  พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 3.2 กม. รวมการฝึกวิ่ง Stride เข้าไปด้วยสักเล็กน้อย , จากนั้นฝึกวิ่ง 4นาที จำนวน 5 รอบ โดยใช้เพซ 5k , แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 2 นาทีครึ่ง , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง Easy 1.6 กม.
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 9.65 กม.
  • วันอาทิตย์ : พัก

สัปดาห์ที่ 5

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง Easy 1.6 กม. , วิ่ง Stride 50 เมตร อีก 3 รอบ , วิ่ง 1.6 กม. อีก 8 รอบ โดยใช้เพซ 10k , แต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการจ๊อกกิ้ง 2 นาทีครึ่ง , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง Easy 1.6 กม.
  • วันพุธ :  พัก
  • วันพฤหัส : วิ่งขึ้นเนิน 20 วินาที จำนวน 8-10 รอบ ใช้เนินที่มีระดับความชัน 4-6%
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 8 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่งแบบ Easy 14.48 กม. , โดยในช่วง 3.2 กม. สุดท้ายให้วิ่งเร็วขึ้น

สัปดาห์ที่ 6

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง Easy 3.2 กม. , วิ่งเทมโป 30 นาที , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง Easy 1.6 กม.
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy 35 นาที
  • วันพฤหัส : วิ่งเร็ว 30 วินาที 10 รอบ
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งทั้งหมด 9.65 กม. โดยระยะทางครึ่งแรกให้วิ่งช้ากว่าการตอนที่วิ่งเทมโป 10-15 วินาที จากนั้นให้เร่งความเร็วมากกว่าเดิม 5 วินาทีในทุก 1.6 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้า 16 กม.

สัปดาห์ที่ 7

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 3.2 กม. 2 รอบ โดยใช้เพซ 10k , ในแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 5 นาทีเพื่อฟื้นตัว , จากนั้นวิ่ง 800 เมตร อีก 2 รอบโดยใช้เพซ 5k  , ในแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 3 นาทีเพื่อฟื้นตัว
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy หรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่งขึ้นเนินแบบต่อเนื่อง 3 นาที 5 รอบ แต่ละรอบให้พักฟื้นตัว 1 นาที เนินควรมีความชัน 3-4%
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งโดยใช้ความเร็วคงที่ 9.65 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง 9.65 กม. แบบ Easy , ฝึกวิ่ง Stride 50 เมตรอีก 3 รอบ

สัปดาห์ที่ 8

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :  วิ่ง 400 เมตร 4-6 รอบ โดยใช้เพซ 10k
  • วันพุธ :  วิ่งแบบ Easy หรือพัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง Easy 6.4 d , ฝึกวิ่ง Stride 50 เมตรอีก 3 รอบ
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 20 นาที , ฝึกวิ่ง Stride 50 เมตรอีก 3 รอบ
  • วันอาทิตย์ : วันลงแข่ง ขอให้ทุกคนโชคดี
แผนการซ้อมวิ่ง 10K
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่

ใครที่เหมาะกับแผนการฝึกนี้

นักวิ่งที่เคยลงแข่ง 5k , 10k  มาแล้ว และสามารถทำเวลาในการวิ่ง 5k ได้ภายใน 25 นาที

ความเร็วเพซที่ต้องใช้ : 8 นาทีต่อ 1.6 กม.

สำหรับโปรแกรมนี้จะมีวันที่ต้องซ้อมยากๆ 2 วันต่อสัปดาห์ แต่จะมีการซ้อมวิ่งแบบ Speedwork , เทมโป , วิ่งขึ้นเนิน และวิ่งแบบใช้ Racepace โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มความเร็วให้กับเพซ 10k ของเรา การวิ่งเทมโปจะทำให้ร่างกายทนต่อกรดแลคติกมากขึ้น , การวิ่ง Interval และการวิ่งขึ้นเนินจะช่วยเสริมสร้างพลังและความเร็ว ควรมีการเลือกเส้นทางหลายรูปแบบเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ การซ้อมแบบ Speedwprd สามารถซ้อมได้ในเส้นทางขึ้นเนิน , สวนสาธารณะ , สนามเด็กเล่นหรือเส้นทางในป่า

แบ่งระยะทางออกเป็นส่วนๆ

แจ็ค แดเนียล โค้ชในตำนวนเคยบอกไว้ว่า การวิ่ง 10k มันจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆต่อเมื่อผ่านไปแล้ว 6.5 กม. ดังนั้นเราจึงควรรู้สึกสบายๆในขณะที่รักษาความเร็วในการวิ่งไปด้วย

Jo Pavey นักวิ่งหญิงผู้ชนะการแข่งวิ่ง 1 หมื่นเมตรเห็นด้วยกับความคิดนี้ และเห็นว่าควรแบ่งระยะทางการวิ่งเป็นสามส่วนโดยมีวิธีวิ่งที่แตกต่างกันไป ในช่วง 3.2 กม.แรกให้ใช้เพซง่ายๆ , เพิ่มความเร็วนิดหน่อยใน 3.2 กม. ถัดมา , จากนั้นในช่วงสุดท้ายก็ให้เริ่มวิ่งเร็ว

ตัวช่วย

ให้ดื่มกาแฟก่อนวิ่งเพราะคาเฟอีนจะช่วยให้เรารู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามน้อยลงในขณะวิ่ง นักโภชนาการการกีฬากล่าวว่าต้องใช้เวลา 45-60 นาทีมันถึงจะเริ่มออกฤทธิ์

ผลการวิจัยที่พิมพ์ลงในวารสาร Journal of Sport Sciences ระบะว่า การได้รับคาเฟอีน 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ก่อนลงแข่งวิ่ง 8k เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ช่วยให้สามารถทำเวลาได้ดีขึ้น 23 วินาที

อมเครื่องดื่มไว้ในปาก แล้วบ้วนมันออกมา

เราไม่มีวันใช้ไกลโคเจนได้หมดในการวิ่ง 10k และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดื่มกีฬา แต่การวิจัยพบว่าการอมเครื่องดื่มกีฬาไว้ในปาก 10-20 วินาทีแล้วบ้วนมันทิ้ง ช่วยให้ทำเวลาในการวิ่งได้ดีขึ้นและรู้สึกเมื่อยล้าในการวิ่งน้อยลง โดยเขามีทฤษฎี ว่าสมองนี่แหละเป็นตัวทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า ไม่ใช่ระบบกล้ามเนื้อที่สั่งให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า การอมเครื่องดื่มไว้ในปากจะช่วยหลอกสมองว่ายังมีพลังงานสำรองอยู่

จากนี้ไปจะเป็นโปรแกรมการซ้อมวิ่ง 10K สำหรับผู้ที่ต้องการทำเวลาให้ได้ใน 40 นาที

สัปดาห์ที่ 1

  • วันจันทร์ :  พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันอังคาร :  วิ่ง 8 กม. , วิ่งขึ้นเนิน 30 วินาที จำนวน 8-10 รอบ ให้ใช้เนินที่มีความชัน 4-6%
  • วันพุธ :  วิ่ง 9.65 กม. แบบ Easy
  • วันพฤหัส : วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม.  และวิ่ง Stride ด้วย , จากนั้นวิ่ง 1.6 กม. 5 รอบ โดยใช้เพซ 10k โดยในแต่ละรอบให้ฟื้นตัวด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 3 นาที , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม.
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 8 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้า 16 กม.

สัปดาห์ที่ 2

  • วันจันทร์ :  พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันอังคาร : วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. และวิ่ง Stride ด้วย , จากนั้นวิ่ง 300 เมตร 8-10 รอบ , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม. เป็นการคูลดาวน์
  • วันพุธ :  วิ่ง 8 กม. แบบ Easy
  • วันพฤหัส : วิ่ง 2.4 กม. แบบ Easy , วิ่งเทมโป 4.8 กม. และวิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 8 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง 12.87 กม. แบบ Easy

สัปดาห์ที่ 3

  • วันจันทร์ :  พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันอังคาร : วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. และวิ่ง Stride ด้วย , จากนั้นวิ่ง 3.2 กม. โดยใช้ Racepace  , วิ่ง 5 นาทีแบบ Easy , วิ่ง 1.6 กม.อีก 3 รอบ , วิ่ง Easy อีก 3 นาที
  • วันพุธ :  วิ่ง 8 กม. แบบ Very Easy
  • วันพฤหัส : วิ่ง 8 กม. , วิ่งขึ้นเนิน 45 วินาที จำนวน 8-10 รอบ เนินต้องมีความชัน 4-6% และวิ่ง 200 เมตร จำนวน 4-5 รอบ โดยแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 2 นาทีเป็นการฟื้นตัว
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 9.6 กม.
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้า 19.31 กม.

สัปดาห์ที่ 4

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร : วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. และวิ่ง Stride ด้วย , จากนั้นวิ่ง 600 เมตร 5-6 รอบโดยใช้เพซ 5k , คูลดาวน์ด้วยการวิ่งแบบ Easy  1.6 กม.
  • วันพุธ :  วิ่ง 9.65 กม. แบบ Easy
  • วันพฤหัส : วิ่ง  9.65 กม. ไปกลับ , ระยะทางครึ่งแรกวิ่งให้ช้ากว่าการวิ่งเทมโปประมาณ 0-20 วินาที หรือหลังให้เพิ่มความเร็ว 5-10 วินาทีต่อ 1.6 กม. โดยให้เพิ่มความเร็วทุก 1.6 กม.
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ไปลงแข่งวิ่ง Parkrun
  • วันอาทิตย์ : วิ่งแบบ Easy 16 กม.

สัปดาห์ที่ 5

  • วันจันทร์ :  พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันอังคาร :  วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. และวิ่ง Stride ด้วย , จากนั้นวิ่ง 3.2 กม. อีก 2  รอบ , วิ่ง Easy 5 นาที , วิ่ง 1.6 กม. อีก 2 รอบ , วิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันพุธ :  พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง  11.26 กม. แบบ Easy , วิ่ง Strude 50 เมตรอีก 4 รอบ
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy – ความเร็วคงที่ , วิ่ง 4.8 กม. โดยใช้เพซฮาล์ฟมาราธอน , วิ่ง 1.6 กม.แบบ Easy
  • วันอาทิตย์ : วิ่งช้า 19.31 กม.

สัปดาห์ที่ 6

  • วันจันทร์ : พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันอังคาร : วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. แบบ Easy และวิ่ง Stride ด้วย , วิ่ง 800 เมตร 5-6 รอบ โดยใช้เพซ 5k , คูลดาวน์ด้วยการวิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันพุธ :  วิ่ง 11.26 กม. แบบ Easy
  • วันพฤหัส : วิ่งขึ้นเนินอย่างต่อเนื่อง 3 นาที 6 รอบ แต่ละรอบให้ฟื้นตัว 1 นาที , เนินควรมีความชัน 3-4%
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 8 กม. ใช้ความเร็วคงที่
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง Easy 16 กม. , ในช่วง 4.8 กม. สุดท้าย ให้ใช้ความเร็วมากขึ้น

สัปดาห์ที่ 7

  • วันจันทร์ :  พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันอังคาร :   วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. แบบ Easy , วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy โดยใช้เพซ 10k , แต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 5 นาทีเป็นการฟื้นตัว
  • วันพุธ :  พักหรือวิ่ง 30 นาทีแบบ Very Easy
  • วันพฤหัส : วิ่งด้วยความเร็วคงที่ 9.6 กม.
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy-ใช้ความเร็วคงที่ , วิ่งโดยใช้เพซเทมโปอีก 3.2 กม.  , วิ่ง 1.6 กม. โดยใช้เพซ 10k , วิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันอาทิตย์ : วิ่ง Easy 9.65 กม. แบบ Easy , วิ่ง Stride 50 เมตรอีก 4 รอบ

สัปดาห์ที่ 8

  • วันจันทร์ :  พัก
  • วันอังคาร :   วิ่งวอร์มอัพ 3.2 กม. แบบ Easy , วิ่ง 400 เมตร จำนวน 4-6 รอบ โดยใช้เพซ 10k , คูลดาวน์ด้วยการวิ่ง 1.6 กม.แบบ Easy
  • วันพุธ :  วิ่ง 4.8 กม. แบบ Easy
  • วันพฤหัส : วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy , วิ่งด้วยความเร็วคงที่อีก 3.2 กม. , ปิดท้ายด้วยการวิ่ง 1.6 กม. แบบ Easy
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : วิ่ง 3.2 กม. แบบ Easy และวิ่ง Stride 50 เมตร อีก 5 รอบ
  • วันอาทิตย์ : วันลงแข่งขอให้เพื่อนๆทุกคนโชคดี
แผนการซ้อมวิ่ง 10K
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่

ใครบ้างที่เหมาะการโปรแกรมการซ้อมนี้

นักวิ่งที่มีประสบการณ์ที่สามารถทำเวลาในการวิ่ง 5k ได้ 20 นาทีหรือน้อยกว่านั้น

เพซที่ต้องใช้ในการวิ่งคือ 6:25 นาที ต่อ 1.6 กม.

สำหรับโปรแกรมการซ้อมวิ่งนี้จะมีวันซ้อมวิ่งยากๆ 2 วันต่อสัปดาห์ การวิ่งเทมโปจะช่วยให้ร่างกายทนทานต่อกรดแลคติก , การวิ่ง interval ที่เร็วกว่า Racepace และการวิ่งขึ้นเนินจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรบิคและการฟื้นตัว , การลงแข่งวิ่ง Parkrun 5 k จะช่วยให้เราได้ประเมินผลว่าเราเก่งขึ้นขนาดไหนแล้ว

แบ่งระยะทางการวิ่งออกเป็นส่วนๆ

ระยะทางครึ่งแรกควรช้ากว่าครึ่งหลัง การทำสถิติโลกของการวิ่งตั้งแต่ 1500 เมตรไปจนถึงมาราธอนล้วนเกิดขึ้นได้จากการแบ่งระยะทางออกเป็นส่วนๆ หมายความว่าในช่วงแรกไม่ควรวิ่งเร็วเกินไป เพราะมันยากและต้องโฟกัสมากเกินไป

No pain no gain – ถ้าไม่เจ็บก็ไม่มีวันเติบโต

ให้รักษาความเร็วไม่ให้เกิน เพซ 5k อยู่ตลอดจนกว่าจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยไปเลย ให้โฟกัสไปที่เป้าหมายในการวิ่ง โอกาสที่จะทำเวลาได้ 40 นาทีมันจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้กำลังเจอกับความยากลำบาก และพยายามอย่าล้มเลิกความตั้งใจกลางคัน การวิจัยพบว่าการโฟกัสจากภายในจิตใจจะเป็นตัวช่วยเมื่อเราต้องเจอกับความยากลำบาก

จงพร้อมกับการลงแข่ง

อย่าเอาแค่วิ่งจ๊อกกิ้งตอนที่วอร์มอัพ เพราะมันต้องใช้เวลาในการที่ระบบลำเลียงออกซิเจนในร่างกายจะทำงานเต็มที่ หลังจากที่วิ่งจ๊อกกิ้งเสร็จแล้วให้เราวิ่งต่ออีก 2 นาที โดยใช้ Racepace ไปเลย รวมระยะเวลาการวอร์มอัพทั้งหมดได้ 5 นาทีก่อนที่จะไปรอที่จุดเริ่มต้นการแข่งขัน

ใส่เครื่องแต่งกายที่มีน้ำหนักน้อย

มันจะช่วยให้วิ่งได้เร็วขึ้นการวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดพบว่า น้ำหนักทุก 100 กรัมของรองเท้า จะส่งผลต่อการใช้ออกซิเจนตอนวิ่งมากขึ้น 1%

ให้วิ่งหลบอยู่ด้านหลังคนอื่น

ยิ่งเราวิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งต้องใช้พลังงานต่อสู้กับการต้านลมมากขึ้นเท่านั้น มันจะเป็นการฉลาดถ้าเราวิ่งตามหลังคนอื่นแล้วปล่อยให้คนที่อยู่ด้านหน้าต้านลมแทนเราโดยเฉพาะช่วงที่มีลมแรงมันจะเปลืองพลังงานในการวิ่งมาก โดยต้องใช้พลังงานมากขึ้น 3-9% เลยทีเดียว

ที่มา : https://bit.ly/36dD7zY


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: 10krunrunningRunning PlanRunning ProgramRunning Training Planโปรแกรมซ้อมวิ่งโปรแกรมฝึกวิ่ง
Previous Post

Nike ZoomX Vaporfly NEXT% “Blue Ribbon Sports” มาแล้ววว ขาวๆใสๆ เข้าไทยไหมนะ!

Next Post

ไบเทค ฮาล์ฟ มาราธอน 2020 งานวิ่งการกุศลสุดยิ่งใหญ่

thip

thip

Related Posts

เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

5 เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

14/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง ป้องกันการบาดเจ็บ

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง เพื่อลดโอกาสบาดเจ็บ

11/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง นักวิ่ง

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง สำหรับนักวิ่ง

04/06/2025
5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

22/05/2025
โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

19/05/2025
ท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อขาสำหรับนักวิ่ง

5 ท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อขาสำหรับนักวิ่ง

16/05/2025
Next Post
ไบเทค ฮาล์ฟ มาราธอน 2020

ไบเทค ฮาล์ฟ มาราธอน 2020 งานวิ่งการกุศลสุดยิ่งใหญ่

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 33.7k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

CRRU Chiang Rai Half Marathon งานวิ่ง CRRU เชียงราย ฮาล์ฟ มาราธอน

CRRU Chiang Rai Half Marathon งานวิ่ง CRRU เชียงราย ฮาล์ฟ มาราธอน

by Por the Irondad
11/04/2018

แผนการซ้อมวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์สำหรับมือใหม่

แผนการซ้อมวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์สำหรับมือใหม่

by thip
05/03/2020

โรครองช้ำคืออะไร และ 7 ท่าบริหารเพื่อใช้ในการบำบัดรองช้ำ

โรครองช้ำคืออะไร และ 7 ท่าบริหารเพื่อใช้ในการบำบัดรองช้ำ

by thip
20/07/2024

วิธีออกกำลังกายให้ห่างไกลโควิด-19

วิธีออกกำลังกายให้ห่างไกลโควิด-19

by thip
25/03/2020

Nike Zoom Pegasus Turbo XX

Nike Zoom Pegasus Turbo XX

by OUTRUN
20/09/2018

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (172)
  • Fitness & Health (370)
  • News (874)
  • Review (126)
  • Running (941)
  • Stories (201)
  • Training (462)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี