รู้จักกับนักวิ่ง Suguru Osako ให้มากยิ่งขึ้น
ถ้าเอ่ยชื่อ Suguru Osako เชื่อได้ว่าบรรดานักวิ่งหรือผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง ต่างก็คงจะรู้จักกับนักวิ่งหนุ่มหน้าหวาน เจ้าของสถิติการวิ่งมาราธอนของประเทศญี่ปุ่นคนนี้กันอยู่แล้ว วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักประวัติและการแข่งขันที่ผ่านมาของ Osako ให้มากยิ่งขึ้นครับ
Suguru Osako เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2534 ที่ มาชิดะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น Osako เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียน Saku Chosei ซึ่งที่แห่งนี้ทำให้ Osako ที่ชื่นชอบการวิ่งมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฉายแววความโดดเด่นในการวิ่งระยะไกลมากขรียนมัธยมปลายของญี่ปุ่น และเป็นอันดับ 2 ในการแข่งขันระดับเยาวชน รายการ Chiba Cross Country โอซาโกะ จึงถูกดึงตัวเข้าร่วมทีมเยาวชนประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ IAAF World Cross Country Championships
เมื่อเรียนจบระดับมัธยมศึกษา Osako ได้เข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University) ในฐานะนักวิ่งของมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นไม่นาน โอซาโกะ ก็แสดงศักยภายในตัวของเขาออกมาให้ทุกคนได้เห็น
Osako ลงแข่งขัน Half Marathon ครั้งแรกของตัวเขาเองในรายการ Ageo City Half Marathon และสามารถสร้างสถิติการวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอนในระดับเยาวชนของประเทศญี่ปุ่นและของทวีปเอเชีย ได้สำเร็จ โดยทำเวลา 1:01:47 ชั่วโมง
การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก
ปี 2011 Suguru Osako ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ที่ประเทศจีน และเขาสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยคว้าเหรียญทอง การแข่งขันวิ่งระยะ 10,000 เมตร ทำเวลา 28:42.83 นาที
หลังจากนั้น Osako ก็ยังฝึกซ้อมและลงแข่งขันในหลายๆระยะ ทั้งระยะ 5,000 เมตร , 10,000 เมตร ได้แชมป์ Fukuoka International Cross Country รวมไปถึงการเป็นตัวหลักให้กับมหาวิทยาลัยวาเซดะ ในการแข่งขัน Ekiden การแข่งขันวิ่งผลัดในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งได้รับความนิยมมากที่ประเทศญี่ปุ่น (นักวิ่งดาวดังในปัจจุบันอย่าง โอซาโกะ , ยูตะ ชิทาร่า , ยูกิ ซาโตะ ฯลฯ ต่างผ่านการแข่งขันการวิ่งผลัดในระดับมหาวิทยาลัยมาแล้วทั้งสิ้น)
ด้วยสไตล์การวิ่งที่ใส่สุดแบบไม่ต้องมีการออมแรงไว้ เมื่อสิ้นสุดสัญญานปล่อยตัว โอซาโกะ ก็จะวิ่งในความเร็วของตนเอง วิ่งนำห่างคู่แข่งคนอื่นๆออกมาทันที ไม่รอเกาะกลุ่มนักวิ่งคนอื่นๆให้เสียเวลา แถมยังเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกบ่อยๆ ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองในวงการวิ่งประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
Nike Oregon Project
และในช่วงปลายปี 2012 ก่อนการแข่งขัน Hakone Ekiden เพียงไม่กี่วัน ข่าวใหญ่ในวงการวิ่งของประเทศญี่ปุ่นก็เกิดขึ้น เมื่อทีมวิ่งระดับโลกอย่าง Nike Oregon Project โดยการควบคุมของสุดยอดโค้ช Alberto Salazar ประกาศดึงตัว Suguru Osako นักวิ่งดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นคนนี้เข้าร่วมทีม ซึ่งถือเป็นนักวิ่งชาวเอเชียคนแรกและคนเดียว ที่ถูกเลือกให้เข้าร่วมทีมนี้
โอซาโกะ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงได้ย้ายไปที่ ปอร์ทแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเก็บตัวซ้อมในโครงการ Nike Oregon Project โดย Salazar มอบหมายให้ Pete Julian ผู้ช่วยโค้ชซึ่งเป็นมือขวาของเขาคอยดูแล Osako อย่างใกล้ชิด (โอซาโกะ ฝึกซ้อมกับ พีท จูเลี่ยนส์ ตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน)
โดยสถิติการวิ่งของ Suguru Osako ก่อนเข้าร่วมทีม Nike Oregon Project มีดังนี้
- 1500 เมตร : 3:42.68 นาที
- 5000 เมตร : 13:31.27 นาที
- 10000 เมตร : 27:56.94 นาที
- Half marathon : 1:01:47 ชั่วโมง
บรรดากูรูและผู้ที่ชื่นชอบการวิ่งต่างถกเถียงกันในเรื่องนี้ เพราะอะไร Salazar ถึงเลือกนักวิ่งดาวรุ่งคนนี้เข้าร่วมทีม ทั้งๆที่มีนักวิ่งต่างชาติในรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีสถิติดีกว่าเขาอีกมากมาย หรือแม้กระทั่งดาวรุ่งจากญี่ปุ่นที่มีสถิติสูสีกันกับโอซาโกะ ก็มีอยู่หลายคนเช่นกัน ทำไมถึงต้องเลือก Osako ล่ะ ?
นอกจากชาวต่างชาติที่มีข้อสงสัยในตัว Osako แล้ว แฟนๆชาวญี่ปุ่นบางส่วน ก็ไม่ค่อยชอบที่ Osako เลือกเข้าทีม Nike Oregon Project เหตุผลเพราะว่าที่ผ่านมานักวิ่งในประเทศญี่ปุ่นต่างให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อพัฒนาร่างกาย แทนที่จะเอาวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยในการฝึกซ้อมเหมือนกับ Nike Oregon Project ที่ Osako เลือกเข้าร่วมทีม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีหลายๆคนแอนตี้ Osako
แต่เขาก็ต้องยอมรับมัน แบกรับความคิดและความกดดันตรงนี้เอาไว้ มีหน้าที่ตั้งใจทุ่มเทฝึกซ้อม แล้วค่อยแสดงออกมาให้เห็นจากผลการแข่งขันในแต่ละแมตช์ให้ได้ และไม่นานนัก นักวิ่งดาวรุ่งคนนี้ก็เริ่มแสดงศักยภาพในตัวเขาและผลของการฝึกซ้อมแบบฉบับของ Nike Oregon Project ออกมาให้เห็น
Asian Games 2014 อินชอน เกมส์ ประเทศเกาหลีใต้
Osako คว้าเหรียญเงิน 🥈 ให้กับประเทศญี่ปุ่น ในการแข่งขันวิ่ง 10,000 เมตร ชาย โดยทำเวลา 28:11.94 นาที แพ้ให้กับ El-Hassan El-Abbassi (BRN) นักวิ่งที่โอนสัญชาติมาไปเพียงนิดเดียว โดย อับบาสซี่ ทำเวลาได้ 28:11.20 นาที ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทั้งคู่ขยับขึ้นมาเป็นคู่ปรับกันในระยะมาราธอนแทน โดย El-Abbassi ยังเป็นเจ้าของสถิติการวิ่งมาราธอนของทวีปเอเชีย 2:04:43 ชั่วโมง
หลังจากนั้น โอซาโกะ ได้กลับไปฝึกซ้อมกับ Nike Oregon Project โดยเน้นแข่งขันในระยะไม่เกิน 10,000 เมตร เป็นหลัก ซึ่งในช่วงนี้ Osako ก็ยังสวมชุดหัวกะโหลก Nike Oregon Project มาลงทำการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นบ่อยๆ และชนะการแข่งขันอยู่เรื่อยๆ
Olympic Games , Rio 2016
Osako ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก กีฬาโอลิมปิค เกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล โอซาโกะ เป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่น ลงทำการแข่งขัน 2 รายการ โดยได้อันดับ 16 ในระยะ 5,000 เมตร และได้อันดับ 17 ในระยะ 10,000 เมตร (Mo Farah เพื่อนร่วมทีม Nike Oregon Project คว้าเหรียญทอง ทั้ง 2 รายการไปครอง)
หลังจากจบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค Osako ก็กลับไปตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อที่จะลงแข่งขันระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร โดยเขาเลือกสนามที่จะเปิดตัว ลงทำการแข่งขันมาราธอนแรกในสนาม Boston Marathon สนามระดับ World Major ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อนที่จะลงแข่งที่ Boston โอซาโกะ ได้เทสต์ร่างกายของเขา โดยกลับมาวิ่ง Half Marathonในรายการ Marugame Half Marathon ที่ประเทศญี่ปุ่น และทำ PB ส่วนตัวของเขาได้ที่เวลา 1:01:13 ชั่วโมง
Boston Marathon 2017
ท่ามกลางนักวิ่ง Elite ที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้อย่างคับคั่ง Osako สามารถสร้างเซอไพรซ์ คว้าอันดับ 3 มาครองได้อย่างยอดเยี่ยม โดยหลังจากที่วิ่งเกาะกลุ่มนำขบวนกลุ่มใหญ่ไปเรื่อยๆ เมื่อคู่แข่งค่อยๆหมดแรงไปทีละคนสองคน หนุ่มน้อยคนนี้ก็ถือโอกาสวิ่งอัดฉีกหนีเต็มแรงที่มี จนเข้าเส้นชัย เป็นอันดับ 3 ของการแข่งขัน ตามหลังเพียงแค่ แชมป์ Geoffrey Kirui นักวิ่งชาว Kenya (2:09:37) และรองแชมป์ Galen Rupp นักวิ่งชาวสหรัฐอเมริกา (2:09:58) เพื่อนร่วมทีม Nike Oregon Project ของโอซาโกะเอง
โดยเวลาที่ Osako ทำได้ในมาราธอนแรก คือ 2:10:28 ชั่วโมง ในสนามระดับเมเจอร์ที่วิ่งยากพอสมควร ถือเป็นการทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับการประเดิมมาราธอนแรกของตัวเขา
Fukuoka Marathon 2017
หลังจากนั้นในช่วงปลายปี Osako เลือกลงแข่งขันมาราธอนที่ 2 ของเขา โดยเลือกสนาม Fukuoka Marathon ซึ่งนักวิ่งที่จะลงแข่งในสนามนี้ได้ ต้องทำเวลาในระยะมาราธอน ต่ำกว่า 2.35 ชั่วโมง ถึงจะได้สิทธิ์ลงแข่งขัน สนามนี้จึงมีนักวิ่งที่ลงแข่งขันเพียงหลักร้อยคนเท่านั้น แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรดานักวิ่งอีลิทและนักวิ่งขาแรงทั้งหลาย
ผลปรากฏว่า อันดับ 1 ได้แก่ Sondre Nordstad Moen จาก Norway 2:05:48 ชั่วโมง เวลาที่ Sondre ทำได้ ถือเป็นสถิติการวิ่งมาราธอนของทวีปยุโรปในขณะนั้น
อันดับ 2 Stephen Kiprotich จาก Uganda 2:07:10 ชั่วโมง คนนี้เป็นเจ้าของเหรียญทองวิ่งมาราธอน โอลิมปิค 2012 และ อันดับ 3 Suguru Osako 2:07:19 ชั่วโมง ทำเวลาดีกว่ามาราธอนแรกถึง 3 นาที ได้อันดับ 3 ได้ขึ้นยืนบนโพเดียมรับรางวัลอีกครั้ง
IAAF World Half Marathon Championship 2018
Osako กลับมาลงทำการแข่งขันอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2018 โดยเป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นลงทำการแข่งขัน Half Marathon ชิงแชมป์โลก ที่ประเทศสเปน แต่บางครั้งคนเราก็มีวันที่ท้อปฟอร์มวิ่งได้ดี บางวันก็กลับวิ่งได้ไม่ดีเท่าไหร่
กราฟผลงานการแข่งขันที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นของเขา หักเหลงไปในรายการนี้ Osako ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ ได้อันดับ 24 ทำเวลา 1:01:56 ชั่วโมง Osako นำความผิดหวังในครั้งนี้ กลับมาเป็นแรงผลักดัน กลับไปตั้งใจซ้อมเพื่อเป้าหมายในรายการต่อไปของเขา
Chicago Marathon 2018
รายการที่ทำให้ชื่อของ Suguru Osako โด่งดังสุดขีด ในรายการนี้ Mo Farah สามารถคว้าแชมป์ พร้อมกับทำลายสถิติการวิ่งของทวีปยุโรป ด้วยเวลา 2:05:11 ชั่วโมง ส่วนรองแชมป์ คือ Mosinet Geremew อีกหนึ่งดาวเด่นจาก Ethiopia ทำเวลา 2:05:24 ชั่วโมง ส่วน Osako ทำเวลา 2:05:50 ชั่วโมง ได้อันดับ 3 ของการแข่งขันในครั้งนี้
แต่ที่ทำให้เขาโด่งดังสุดขีด เพราะเวลาดังกล่าว คือการทำลายสถิติการวิ่งมาราธอนของประเทศญี่ปุ่นที่ Yuta Shitara เพิ่งทำไว้เมื่อต้นปี ในรายการ Tokyo Marathon 2018 ได้สำเร็จ ทำให้ Osako รับโบนัสการทำลายสถิติในครั้งนี้จากรัฐบาลญี่ปุ่นถึง 100 ล้านเยน !
จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีหลายๆคนแอนตี้ Osako ที่เลือกเข้าทีมที่เน้นใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาในการซ้อม ตอนนี้เขาได้รับการยอมรับและกลายเป็นขวัญใจของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศไปเรียบร้อย
Tokyo Marathon 2019
Osako ที่พกความมั่นใจก่อนลงสนามมาเต็มเปี่ยม ยืนรอลงแข่งขันในฐานะเจ้าของสถิติวิ่งมาราธอนของญี่ปุ่น เป็นตัวเต็งและเป็นความหวังของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ ที่อยากจะเห็นนักวิ่งในประเทศของตนเองได้แชมป์รายการนี้อีกครั้ง แต่เมื่อถึงช่วงเวลาในการแข่งขัน Osako ที่เกาะกลุ่มผู้นำมาได้ครึ่งทาง ไม่ว่าจะด้วยอากาศที่เหน็บหนาวหรือเพราะเหตุผลอื่นใด
Osako ค่อยๆลดความเร็วของเขาลงเรื่อยๆ และหลุดออกจากกลุ่มนำไปค่อนข้างไกล ก่อนที่จะตัดสินใจ DNF ออกจากการแข่งขัน ในกิโลเมตรที่ 29 ถือเป็นเรื่องช็อกความรู้สึกของแฟนๆชาวญี่ปุ่นและทั่วโลก ซึ่งก่อนการแข่งขันไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าผลการแข่งขันของ Osako จะออกมาในรูปแบบนี้ ตัวเขาก็คงเสียใจไม่แพ้กัน
Suguru Osako = DNF Tokyo Marathon 2019
Marathon Grand Championships
วันที่ 15 กันยายน 2019 โอซาโกะ กลับมาลงแข่งขันรายการ MGC ซึ่งเป็นการคัดเลือกนักวิ่งมาราธอนตัวแทนประเทศญี่ปุ่น เพื่อสู้ศึก โอลิมปิค 2020 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเอง (เลื่อนไปแข่งปีหน้านะครับ) โดยมีโควต้าให้กับผู้ชนะอันดับ 1 และ 2 ของการแข่งขัน จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนโดยอัตโนมัติ
รายการนี้บรรดานักวิ่งที่ได้สิทธิ์ลงแข่งขันทุกคนต่างตั้งใจมาก ทุกคนอยากที่จะเป็นตัวแทนประเทศลงแข่งวิ่งมาราธอนในกีฬาโอลิมปิค โดยเฉพาะการได้ลงแข่งขันในบ้านตัวเอง Osako ก็เช่นกัน เขาถูกคาดหมายให้เป็นตัวเต็งร่วมกับ Yuta Shitara ในการแข่งขันครั้งนี้
เริ่มเกมการแข่งขัน Yuta อัดเร่งหนีนักวิ่งทุกคนไปไกล ก่อนที่จะหมดแรง โดน Osako และนักวิ่งกลุ่มนำวิ่งแซงไป จนถึงช่วงโค้งสุดท้าย เหลือผู้ท้าชิง 3 คน คือ Shogo Nakamura , Yuma Hattori และ Suguru Osako การแข่งขันเป็นไปอย่างสูสี กองเชียร์ต่างลุ้นระทึกมาก Shogo พยายามเร่งความเร็วฉีกหนีทุกคนขึ้นนำเดี่ยว โอซาโกะ ไม่รอช้า เร่งอัดทำความเร็วตามขึ้นมาจนนำคู่กัน โดยมี Hattori ที่พยายามวิ่งตามหลังมาไม่ห่าง
จนถึงช่วงสุดท้าย Shogo Nakamura (Fujitsu) สามารถเร่งหนีคนอื่นๆเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก (2:11:28) ส่วน Osako ที่ความเร็วตกลง เนื่องจากใช้แรงวิ่งตาม Shogo ไปมาก ถูก Yuma Hattori (2:11:36) วิ่งแซงและเฉือนเอาชนะไปได้
Shogo Nakamura และ Yuma Hattori ได้สิทธิเป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นร่วมกันทันที ส่วน Suguru Osako (2:11:41) ที่วิ่งเข้าเส้นชัยตามหลัง Hattori เพียง 5 วินาที ต้องผิดหวังอีกครั้ง เขาได้อันดับ 3 เป็นได้เพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น (อันดับ 3 ต้องไปลุ้นกับนักวิ่งคนอื่นๆในรายการที่กำหนด หากมีนักวิ่งคนไหนทำลายสถิติประเทศได้ จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นแทนที่ Osako ทันที)
ปิดตำนาน Nike Oregon Project
ตุลาคม 2019 ข่าวช็อกวงการวิ่งของโลก ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อ Osako คือ Nike Oregon Project ที่เขาสังกัดอยู่ ประกาศยุบทีม
เนื่องจากเฮดโค้ช Alberto Salazar ที่เป็นคนดึง Suguru Osako ตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่งมาปลุกปั้น ถูกแบน 4 ปี จากข้อกล่าวหาว่าเขามีการใช้ยาให้กับนักกีฬาในปริมาณมากเกินกว่าที่กำหนด
ถือเป็นข่าวร้ายและมีผลกระทบต่อนักกีฬาในทีมและตัวของ Osako เอง แต่เขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป
Honolulu Marathon 2019
หลังจากผิดหวังกับการแข่งขัน Tokyo Marathon , MGC และยังอยู่ในอาการช็อกกับการยุบทีม Nike Oregon Project เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
Osako กลับมาลงสนามอีกครั้ง ในรายการที่ไม่ใช่รายการใหญ่มาก Honolulu Marathon 2019 โดยเขาตั้งใจใช้สนามแข่งขันเป็นสนามสำหรับซ้อม (ตั้งใจมาวิ่ง Tempo ระยะมาราธอน) Osako ทำเวลาในสนามนี้ 2:17:30 ชั่วโมง แต่ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม ว่าตั้งใจใช้เป็นการซ้อมจริงๆใช่ไหม หลังจากที่เขาทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในหลายรายการที่ผ่านมา
หลังจากนั้น Osako ที่ยังซ้อมในโปรแกรมต่อเนื่องกับ Pete Julian โค้ชคู่ใจของเขา ได้ย้ายไปฝึกที่ประเทศเคนย่า เพื่อสร้างความทนทานของระบบหายใจและร่างกายของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
Tokyo Marathon 2020
Osako กลับมาลงทำการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง รายการนี้เป็นการชี้ชะตาว่าตัวเขาจะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศ ลงสู้ศึกกีฬาโอลิมปิค เกมส์ หรือไม่
ในครั้งนี้เขามาด้วยมาดนิ่งๆ ไม่วอกแวก สมาธิจดจ่อไปกับการแข่งขัน Osako เลือกวิ่งรั้งท้ายในกลุ่มผู้นำ ไม่ได้วิ่งกระชากอยู่ด้านหน้า บางครั้งมีการลดความเร็วลง ปล่อยให้ตามห่างเหมือนจะหลุดออกจากกลุ่ม จนแฟนๆเสียวว่าแมตช์นี้ Osako จะร่วงอีกครั้งหรือไม่? จนผ่านครึ่งทาง Osako หลุดออกจากกลุ่มผู้นำ ภาพการ DNF ในรายการนี้เมื่อปีที่แล้วผุดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่พอผ่านกิโลเมตรที่ 32 ไป Osako ที่วางแผนการวิ่งในครั้งนี้มาเป็นอย่างดีเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ค่อยๆเร่งความเร็ว วิ่งไล่แซงคู่แข่งเป็นว่าเล่น และเมื่อเทียบดูเวลาแล้วเขามีสิทธิ์ลุ้นทำลายสถิติประเทศญี่ปุ่นที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ได้อีกครั้ง แต่ก็มีจังหวะที่ทำให้ผู้ชมทางบ้านใจหายใจคว่ำอยู่หลายครั้ง เมื่อ Osako ออกอาการไม่ดี วิ่งไปด้วยเอามือกุมซี่โครงไปด้วยบ่อยครั้ง แต่ Osako ก็พยายามกัดฟันสู้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อมาถึงโค้งสุดท้าย เขาเช็คเวลาและมั่นใจแล้วว่าทำลายสถิติได้แน่นอน
Osako ยิ้ม กำมือสะใจ จุมพิตสายข้อมือนำโชค ชูมือขึ้นและทุบลงอย่างสะใจตอนเข้าเส้นชัย แม้จะได้อันดับ 4 พลาดการขึ้นโพเดี้ยมอย่างน่าเสียดาย แต่เวลา 2:05:29 ชั่วโมง ที่เขาทำได้ เป็นการทำลายสถิติการวิ่งมาราธอนประเทศญี่ปุ่นของตัวเขาเองได้อีกครั้ง รับโบนัสจากรัฐบาลไปอีก 100 ล้านเยน ถือเป็นชัยชนะของตัวเขาเองและของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศอีกครั้ง
Tokyo Marathon 2020 ถือเป็นรายการวิ่งระดับเมเจอร์รายการสุดท้ายที่จัดแข่งขันได้ ก่อนที่โรคระบาด Covid-19 จะทำให้รายการวิ่งรายการอื่นๆต้องเลื่อนหรือถูกยกเลิกการแข่งขันไปในที่สุด
ล่าสุด Suguru Osako ออกมาปรากฏตัว ลงแข่งขันที่จัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ภายใต้ชื่อว่า “The Big Friendly” ที่ Portland Track ร่วมกับเพื่อนๆทีมเก่าของเขา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะได้เห็นการกลับมาลงแข่งขันนสนามแข่งขันรายการใหญ่ของเขา ในเร็วๆนี้ครับ
ข้อมูลปัจจุบันและสถิติการวิ่งที่ดีที่สุดของ Suguru Osako มีดังนี้ครับ
- ส่วนสูง 170 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 52 กิโลกรัม
- สถิติการวิ่งที่ดีที่สุด
- 3000 เมตร : 7:40.09 นาที (สถิติประเทศญี่ปุ่น)
- 5000 เมตร : 13:08.40 นาที (สถิติประเทศญี่ปุ่น)
- 10000 เมตร : 27:38.31นาที
- Half marathon : 1:01:13 ชั่วโมง
- Marathon : 2:05:29 ชั่วโมง (สถิติประเทศญี่ปุ่น)
นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาจนทำให้เขาเป็นขวัญใจของสาวๆหลายๆคนแล้ว พรสวรรค์บวกกับพรแสวงของเขาก็ทำให้ Osako สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักวิ่งมาราธอนระดับแนวหน้า เป็นนักวิ่งขวัญใจชาวญี่ปุ่นและทั่วทั้งโลกได้ในปัจจุบัน
และเรายังเชื่อว่า Suguru Osako ยังมีโอกาสพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะทำลายสถิติการวิ่งมาราธอนประเทศญี่ปุ่นที่เขาเป็นเจ้าของสถิติอยู่ให้ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างเราก็ต้องเอาใจช่วยให้ Osako พัฒนาฝีเท้าขึ้นไป เพื่อที่จะได้ลงแข่งขันกับสุดยอดนักวิ่งคนอื่นๆของโลกได้อย่างสูสีมากขึ้น หรือถึงขั้นสามารถคว้าแชมป์ในรายการใหญ่ให้ได้ในอนาคตครับ
สุดท้ายขออนุญาตแปะคลิปรวบรวมการวิ่งของ Suguru Osako ตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย จนถึงรายการ Tokyo Marathon 2020 รับชมกันแบบเพลินๆในลิ้งค์นี้เลยครับ
ติดตาม โอซาโกะ ได้ที่ Instagram : suguru_osako
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
https://www.worldathletics.org/
http://japanrunningnews.blogspot.com/
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming