รีวิวประสิทธิภาพของ Brooks Hyperion Elite 2
Brooks Hyperion Elite 2 เป็นรองเท้าแข่งที่ปรับปรุงเรื่องพื้นรองเท้าชั้นกลางจากรุ่นก่อนหน้า โดยใน HE2 นี้ใช้ DNA FLASH ประกบแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์แบบเต็มความยาว ทำให้รองเท้ามีน้ำหนักเบา และขณะเดียวกันก็คืนพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม Brooks คาดการณ์ว่ารองเท้ารุ่นนี้จะมีอายุการใช้งานได้ถึง 200-400 ไมล์ (ประมาณ 300-600 กม.) ส่วนอัปเปอร์ด้านบนยังคงเหมือนกันกับ Hyperion Elite 1
ไปดูกันว่าผู้เชี่ยวชาญจาก believeintherun.com ให้ความเห็นเรื่อง performance ของ Brooks Hyperion Elite 2 ว่าอย่างไรบ้าง
จุดที่ทำออกมาได้ดี
- Upper : อัปเปอร์เป็นผ้ายืดให้สัมผัสนุ่มสบาย น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี ลิ้นรองเท้าที่บาง แต่มีแผ่นรองเสริมตรงกลางข้อเท้าเล็กน้อย มีแพลตฟอร์มที่กว้างซึ่งทำให้รองเท้ามีความมั่นคงและรองรับรูปเท้าที่กว้าง
- Midsole : พื้นรองเท้าชั้นกลางแบบใหม่ DNA FLASH ที่เติมไนโตรเจน มีน้ำหนักเบา เด้ง ทนทาน ใช้เทคโนโลยี Rapid Roll ช่วยให้การหมุนเท้ารวดเร็วและเคลื่อนไหวได้ดี (เทียบได้กับ SpeedRoll ของ Saucony หรือ Meta-Rocker ของ HOKA) แถมประกบด้วยแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์แบบเต็มความยาว ช่วยรักษาระดับความสูงของรองเท้าและการหมุนที่รวดเร็ว
- Outsole : พื้นรองเท้าชั้นนอกเป็นยางที่กว้าง แต่ค่อนข้างบาง
จุดที่อยากให้ปรับปรุง
- พื้น DNA FLASH จะลื่นเมื่อเปียกน้ำ
- อาจจะเกิดแผลพุพองบริเวณ Achilles ได้
- ยางของพื้นรองเท้าชั้นนอกไม่ยึดเกาะพื้นเท่าที่ควร
- รองเท้าไม่ค่อยทนทาน โดยเริ่มมีการสึกหรอหลังจากการวิ่งได้ 80 ไมล์ (128 กม.)
บทสรุป
Hyperion Elite 2 เป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสำหรับการวิ่งมาราธอนและการวิ่งระยะไกล หากเพื่อนๆ กำลังมองหารองเท้าแข่งที่รองรับเท้าได้กว้าง มีความมั่นคง และใช้งานได้มากกว่า 300 ไมล์ Hyperion Elite 2 เป็นตัวเลือกที่ดี
คุณสมบัติอื่นๆ
- น้ำหนัก 212 กรัม สำหรับไซส์ US M9.0 / W11.0
- แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เต็มความยาวประกบด้วยพื้น midsole เป็น DNA FLASH น้ำหนักเบา รองรับแรงกระแทกและตอบสนองได้ดี
- อัปเปอร์เหมือนกับรุ่น Hyperion Elite 1
ที่มา :
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming