วันอาทิตย์, มิถุนายน 15, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

thip by thip
14/05/2024
in Running, Training
0
โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

Image by pikisuperstar on Freepik

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

หากเพื่อนๆ เคยวิ่งระยะทาง 5k , 10k และฮาล์ฟมาราธอนมาแล้ว และมีความต้องการจะฝึกวิ่งมาราธอนก็สามารถใช้โปรแกรมการฝึกนี้ได้เลย โปรแกรมนี้สามารถใช้ได้กับคนที่กำลังจะวิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรก ไม่ได้เน้นการวิ่งทำเวลาแต่สามารถทำให้ทุกคนวิ่งไปถึงเส้นชัยได้อย่างแน่นอน ขอให้เพื่อนๆ ทำตามโปรแกรมการฝึกอย่างเคร่งครัดก็แล้วกัน

โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

สัปดาห์ที่ 1

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 20 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งจ๊อกกิ้งวอร์มอัพ 5 นาที ตามด้วยการวิ่งเทมโป 20 นาที ปิดท้ายด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อคูลดาวน์ 5 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1 (รายละเอียดจะเขียนไว้ในส่วนหลังของบทความ)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 15 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 8-11.26 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 2

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 25 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งขึ้นเนิน 20 วินาที 8 รอบ โดยหลังแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้งพัก 1 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 20 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่ง 45 นาที

สัปดาห์ที่ 3

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 30 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่ง Interval 200 เมตร 10 รอบ หลังการวิ่งแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้งพัก 1 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1 
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 25 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 12.87-14.48 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 4

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 35 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งจ๊อกกิ้งวอร์มอัพ 5 นาที ตามด้วยการวิ่งเทมโป 30 นาที ปิดท้ายด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อคูลดาวน์ 5 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 30 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่ง 60 นาที

สัปดาห์ที่ 5

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 40 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งขึ้นเนิน 30 วินาที 8 รอบ โดยหลังแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้งพัก 2 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 35 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 16-19.31 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 6

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 45 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่ง 400 เมตร 16 รอบ หลังการวิ่งแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้งพัก 2 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 25 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่ง 75 นาที

สัปดาห์ที่ 7

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 50 นาที
  • วันพุธ : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันพฤหัส : พัก
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 20 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  ลงแข่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอนขอให้ทุกคนโชคดี

สัปดาห์ที่ 8

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่ง Easy 20 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 15 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 9.65-12.87 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 9

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 60 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งจ๊อกกิ้งวอร์มอัพ 10 นาที ตามด้วยการวิ่งเทมโป 40 นาที ปิดท้ายด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อคูลดาวน์ 10 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training (เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Muscular endurance)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 20 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 22.53-25.74  กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 10

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 65 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งขึ้นเนิน 20 วินาที 18 รอบ โดยหลังแต่ละรอบให้วิ่งจ๊อกกิ้งพัก 1 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training (เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Muscular endurance)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 25 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่ง 90 นาที

สัปดาห์ที่ 11

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 70 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่ง 400 เมตร 20 รอบ หลังการวิ่งให้พักด้วยการจ๊อกกิ้ง 1 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training (เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Muscular endurance)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 30 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 25.74-28.96  กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 12

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 75 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งจ๊อกกิ้งวอร์มอัพ 5 นาที ตามด้วยการวิ่งเทมโป 50 นาที ปิดท้ายด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อคูลดาวน์ 5 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training (เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Muscular endurance)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 30 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่ง 120 นาที

สัปดาห์ที่ 13

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 25 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : ฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1
  • วันพฤหัส : วิ่งฟื้นตัว 25 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 32-35.40  กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 14

  • วันจันทร์ : พัก
  • วันอังคาร : วิ่ง Easy 60 นาที
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training (เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Muscular endurance)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 25 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่ง 22.53-25.74 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 15

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 45 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่ง 200 เมตร 16 รอบ หลังการวิ่งให้พักด้วยการจ๊อกกิ้ง 1 นาที
  • วันพฤหัส : ฝึก Strength Training (เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Muscular endurance)
  • วันศุกร์ : วิ่งฟื้นตัว 30 นาที หรือฝึก Cross Training เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วิ่งระยะไกล 12.87-16  กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 16

  • วันจันทร์ : วิ่ง Easy 25 นาที
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : พัก
  • วันพฤหัส : วิ่ง 20 นาที
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ :  วันลงแข่งจริงขอให้ทุกคนโชคดี
โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

ประเภทของการฝึกวิ่ง

การวิ่งฟื้นตัว : ให้ใช้ความเร็วเท่ากับการวิ่ง Easy ไปเลย เราจะวิ่งสบายๆ แบบที่สามารถวิ่งไปคุยไปได้โดยไม่มีอาการหอบ และจะมีการรักษาความเร็วคงที่

การวิ่งเทมโป : เป็นการวิ่งโดยใช้ความเข้มข้นปานกลาง-สูง ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยฝึกเพิ่มความเร็วให้กับนักวิ่ง และทำให้สามารถวิ่งได้ไกลมากขึ้น แต่ว่าการวิ่งนี้จะต่างกับการวิ่งระยะไกลโดยที่มีการแบ่งส่วนการฝึก เป็นการวอร์มอัพ , การฝึกวิ่ง , และการคูลดาวน์

การวิ่งขึ้นเนิน : สามารถฝึกได้ทั้งนอกบ้านหรือฝึกกับลู่วิ่งที่สามารถปรับความเอียงได้ เป็นการฝึกเพื่อเพิ่มระดับความทรหด เพิ่มความเร็วให้กับขาของเรา ในการฝึกนี้เราจะวิ่งโดยใช้ระดับความเข้มข้นปานกลาง จัดว่าเป็นรูปแบบการฝึกที่ดีเยี่ยมกับทุกโปรแกรมการฝึกเลย เพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับตัวให้เข้ากับการลงแข่งได้

การวิ่ง Interval : เป็นสิ่งสำคัญในการฝึกวิ่ง และเป็นการฝึกที่เยี่ยมยอดสำหรับนักวิ่งมือใหม่ด้วย เพราะจะมีช่วงที่ฝึกวิ่งสลับกับช่วงที่วิ่งเหยาะๆ เป็นการพักหรืออาจจะเป็นช่วงหยุดวิ่งก็ได้ การฝึกนี้จะช่วยฝึกพื้นฐานให้กับระบบหลอดเลือดและหัวใจ การฝึกนี้จะมีช่วงเวลาที่เราวิ่งในระดับความเข้มข้นสูง โดยจะมีการกำหนดระยะทางในการวิ่งแต่ละรอบมาให้แล้ว หลังการวิ่งแต่ละรอบให้หยุดพักหรือวิ่งจ็อกกิ้งเป็นการพักก็ได้

การวิ่งระยะไกล : การวิ่งมาราธอนจำเป็นต้องใช้ความทรหด เราจึงควรมีการฝึกวิ่งระยะไกลเพื่อเสริมสร้างความทรหดให้กับร่างกาย ซึ่งถ้าหากเพื่อนๆเคยวิ่ง 10k หรือฮาล์ฟมาราธอนมาก่อน ก็คงจะมีพื้นฐานกันมาเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าเราจะต้องฝึกวิ่งไกลกว่าเดิมเท่านั้นเอง สำหรับการฝึกก็เหมือนเดิมคือให้วิ่งแบบ Easy ไปเรื่อยๆ จนครบระยะทาง และในช่วงที่ใกล้วันลงแข่งเราจะลดระยะทางในการฝึกลง เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ทัน

โปรแกรมฝึก Strength Training โปรแกรมที่ 1

ท่าสำหรับวอร์มอัพ

  • Jogging, Skipping or Rowing 2-10 นาที
  • Bodyweight Squat 10-20 ครั้ง
  • Forward Lunge ตามด้วยท่า  Side Lunge ตามด้วยท่า  Reverse Lunge อย่างละ 10-20 ครั้ง
  • Glute Bridge ตามด้วย Single Leg bridge อย่างละ 10-20 ครั้ง
  • Inchworm with press up 10-20 ครั้ง
  • Standing Psoas March 10-20 ครั้ง ท่านี้ต้องใช้ Resistance band ด้วยนะ
  • Box Jump หรือ Squat Jump ฝึกทั้งหมด 3 เซ็ต เซ็ตละ 5 ครั้ง หลังการฝึกแต่ละเซ็ตให้พัก 30 วินาที
  • Medicine Ball Slam ฝึกทั้งหมด 3 เซ็ต เซ็ตละ 5 ครั้ง หลังการฝึกแต่ละเซ็ตให้พัก 30 วินาที และให้ใช้ลูกบอลหนัก 10-15 กิโลกรัมในการฝึก

ต่อไปจะเป็นท่าหลักที่เราต้องฝึก 

  • Back Squat หรือ Goblet Squat : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนัก 60-80% 1 RM
  • Deadlift : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนัก 60-80% 1 RM
  • Bulgarian Split Squat : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนัก 60-80% 1 RM
  • Calf Raise : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 15-20 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนัก 60-80% 1 RM
  • Assisted Pull Up : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้ Bodyweight ในการฝึก + อุปกรณ์เพิ่มน้ำหนัก
  • Bench Press หรือ Press Up : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนัก 60-80% 1 RM
  • Plank ตามด้วย side plank : ฝึก 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 30 วินาที ใช้ Bodyweight ในการฝึก

** หมายเหตุ : 1 RM นี่ใช้วัดระดับความยากในการยกน้ำหนักแต่ละครั้ง

ต่อไปเป็นท่ายืดกล้ามเนื้อสำหรับคูลดาวน์ปิดท้ายการฝึก (ครั้งละ 30 วินาทีพอ)

  • ท่า Hip Flexor Stretch  1 ครั้ง
  • ตามด้วยท่าโยคะ ท่านกพิราบอีก 4 ครั้ง
  • Supine Hamstring Stretch 1 ครั้ง
  • Cobra Spinal flexion 1 ครั้ง
  • Downward Dog ตามด้วย Foot Pedals อย่างละ 1 ครั้ง

โปรแกรมการฝึก Strength Training (Muscular Endurance เพิ่มความทรหดให้กล้ามเนื้อ)

ท่าสำหรับวอร์มอัพ

  • Jogging, Skipping or Rowing 2-10 นาที
  • Bodyweight Squat 10-20 ครั้ง
  • Forward Lunge ตามด้วยท่า  Side Lunge ตามด้วยท่า  Reverse Lunge อย่างละ 10-20 ครั้ง
  • Glute Bridge ตามด้วย Single Leg bridge อย่างละ 10-20 ครั้ง
  • Inchworm with press up 10-20 ครั้ง
  • Standing Psoas March 10-20 ครั้ง ท่านี้ต้องใช้ Resistance band ด้วยนะ
  • Single leg deadlift 10-20 ครั้ง ท่านี้ฝึกโดยใช้ Bodyweight
  • Sled Push ฝึกทั้งหมดสามเซ็ต เซ็ตละ 20 นาที หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 30 วินาที ใช้น้ำหนัก 20-60 กิโลกรัมในการฝึก

ต่อไปจะเป็นท่าหลักในการฝึก

  • Back Squat หรือ Goblet Squat : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 15-20 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 30-45 วินาที ใช้น้ำหนัก 60% 1 RM
  • Box หรือ Squat Jump : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนักตัว (Bodyweight)ในการฝึก
  • Box Step Up with Knee Drive : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนักตัวในการฝึก
  • Hurdle Hops : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 5-8 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 60-120 วินาที ใช้น้ำหนักตัวในการฝึก
  • Assisted Pull Up : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 15-20 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 30-45 วินาที ใช้น้ำหนักตัวในการฝึกแต่หากต้องการใช้อุปกรณ์เพิ่มน้ำหนักก็จัดไปเลย สำหรับท่านี้เท่านั้น
  • Push Press : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 15-20 ครั้ง หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 30-45 วินาที ใช้น้ำหนัก 60% 1 RM
  • DeadBug  ตามด้วย Copenhagen plank : ฝึกทั้งหมด 3-4 เซ็ต เซ็ตละ 30-60 วินาที หลังจบแต่ละเซ็ตให้พัก 30-45 วินาที ใช้น้ำหนักตัวในการฝึก

ต่อไปเป็นท่ายืดกล้ามเนื้อสำหรับคูลดาวน์ปิดท้ายการฝึก (ครั้งละ 30 วินาทีพอ)

  • ท่า Hip Flexor Stretch  1 ครั้ง
  • ตามด้วยท่าโยคะ ท่านกพิราบอีก 4 ครั้ง
  • Supine Hamstring Stretch 1 ครั้ง
  • Cobra Spinal flexion 1 ครั้ง
  • Downward Dog ตามด้วย Foot Pedals อย่างละ 1 ครั้ง
Image by freepik

ทำไมการควบคุมเพซถึงมีความสำคัญ

หากเราวิ่งเร็วเกินไปจะทำให้หมดแรงอย่างแน่นอน จึงควรโฟกัสไปที่การใช้สบายๆ เพราะเป้าหมายของเราคือการไปให้ถึงเส้นชัย พวกนักวิ่งมืออาชีพจะมองหาเพซที่ใช้ได้ผลกับตัวเองและใช้เพซนั้นไปตลอด และถ้าหากเพื่อนๆ ฝึกตามโปรแกรมนี้ได้สำเร็จ ก็จะสามารถค้นพบเพซที่เหมาะสมกับตัวเองได้แน่นอน

ความสำคัญของการพักผ่อนและการฟื้นร่างกาย

การพักผ่อนให้เพียงพอมีความสำคัญพอๆ กับการฝึก เพราะมันช่วยให้ร่างกายมีเวลาในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ได้รับความเสียหายตอนออกกำลังกาย หากว่าเราใช้งานร่างกายหนักเกินไป ก็อาจจะทำให้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเกินกว่าที่จะฝึกต่อไปได้

เพื่อนๆ ควรที่จะมีการใช้โฟมโรลเลอร์ในการช่วยคลายกล้ามเนื้อควอท , กล้ามเนื้อสะโพกและน่อง นอกจากนี้ยังควรฝึกยืดกล้ามเนื้อหลังการวิ่งด้วย

เคล็ดลับสำหรับใช้ในวันลงแข่ง

  1. ควรมีการยืดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังการลงแข่ง
  2. เวลาวิ่งระยะไกลควรวิ่งให้ช้าลงและรักษาความเร็วให้คงที่ สงวนพลังงานไว้เพื่อไปให้ถึงเส้นชัย
  3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  4. ถึงแม้ว่าจะรู้สึกลังเลหรือท้อใจ ก็ให้ทำตามโปรแกรมต่อไป เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ทุกคนสามารถไปถึงเส้นชัยได้อยู่แล้ว

แหล่งที่มา : https://bit.ly/3VCdsgT


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: MarathonMarathon PlanMarathon Training PlanrunningRunning PlanRunning ProgramRunning Training Planตารางซ้อมวิ่งตารางซ้อมวิ่งมาราธอนตารางฝึกวิ่งมาราธอนวิ่งแผนซ้อมวิ่งแผนซ้อมวิ่งมาราธอนแผนฝึกวิ่งโปรแกรมซ้อมวิ่งโปรแกรมซ้อมวิ่งมาราธอนโปรแกรมฝึกวิ่ง
Previous Post

โปรแกรมการฝึกวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 12 สัปดาห์

Next Post

อาดิดาส ส่งไลน์อัพรองเท้าใหม่ตระกูล CLOUDFOAM เอาใจคนชอบเดิน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,900 บาท

thip

thip

Related Posts

เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

5 เคล็ดลับการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกวิ่ง

14/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง ป้องกันการบาดเจ็บ

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง เพื่อลดโอกาสบาดเจ็บ

11/06/2025
ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง นักวิ่ง

6 ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง สำหรับนักวิ่ง

04/06/2025
5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

5 ท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหัวเข่า

22/05/2025
โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

โปรแกรมฝึกวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์

19/05/2025
ท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อขาสำหรับนักวิ่ง

5 ท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อขาสำหรับนักวิ่ง

16/05/2025
Next Post
อาดิดาสยกระดับความสบายในทุกย่างก้าว ส่งไลน์อัพรองเท้าใหม่ตระกูล CLOUDFOAM เอาใจคนชอบเดิน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,900 บาท

อาดิดาส ส่งไลน์อัพรองเท้าใหม่ตระกูล CLOUDFOAM เอาใจคนชอบเดิน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,900 บาท

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 33.7k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

7 รุ่นจักรยานที่เจ๋งที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน Tour de France

7 รุ่นจักรยานที่เจ๋งที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน Tour de France

by thip
10/08/2019

10 ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการวิ่งเทรล

10 ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการวิ่งเทรล

by FatxRun
07/03/2019

adidas Adizero Prime X

adidas Adizero Prime X เปิดตัวและเตรียมวางขาย 1 มิถุนายนนี้

by thip
25/05/2021

นักวิ่ง U.S. Olympic Marathon Trials 2020 ใส่รองเท้าอะไรกันบ้าง

ผู้เข้าแข่งขัน U.S. Olympic Marathon Trials 2020 สวมใส่รองเท้าอะไรกันบ้าง

by thip
30/03/2020

5 ท่า Burpee ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการวิ่ง!

5 ท่า Burpee ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการวิ่ง!

by thip
18/08/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (172)
  • Fitness & Health (370)
  • News (874)
  • Review (126)
  • Running (941)
  • Stories (201)
  • Training (462)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี