การฝึก Strength training สำหรับนักวิ่งมาราธอนมือใหม่
การฝึก Strength training ถือเป็นไอเดียที่ดีสำหรับนักวิ่งทุกคน และมันจะมีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกถ้าหากว่าเป็นนักวิ่งมาราธอน การฝึก Cross-training ถือว่าเป็นการฝึกที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราใช้แผนการวิ่งที่ต้องวิ่ง 3-4 วันต่อสัปดาห์ และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ วันที่เราต้องพักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
Strength training ด้วยการวิ่งขึ้น-ลงเนิน
การวิ่งขึ้นเนิน ถือเป็นรูปแบบการฝึก Strength training ที่สุดยอดมาก ดังนั้นควรมีการวิ่งขึ้นเนินอยู่ในแผนการซ้อมวิ่งด้วย ให้เราเริ่มจากการตรวจสอบเส้นทางในการแข่งวิ่งก่อน แล้วค่อยไปหาเนินที่มีลักษณะคล้ายกันมาใช้ในการซ้อมวิ่ง เราควรฝึกวิ่งขึ้นเนินอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุก 2 สัปดาห์ ถ้าหากว่าหาเนินไม่ได้จริงๆก็ให้ใช้ลู่วิ่ง Treadmill ปรับเอียงหรือใช้สะพานในการฝึกวิ่งขึ้นเนินแทน
และนี่คือ 2 รูปแบบการฝึกวิ่งขึ้นเนินที่เราควรใช้ในแผนการฝึกวิ่ง
1) Hill repeats (การวิ่งขึ้นลงเนินวนรอบซ้ำ)
- ให้วิ่งวอร์มอัพ 1-2 ไมล์ (1.6-3.2 กิโลเมตร) จากนั้นจึงเริ่มการฝึกวิ่งขึ้นเนินที่เราได้เลือกไว้ โฟกัสไปที่ฟอร์มการวิ่งที่ถูกต้อง
- เมื่อขึ้นไปถึงยอดแล้วให้เราผ่อนคลาย เขย่าแขนและหายใจลึกๆ
- จากนั้นให้ใช้การวิ่งลงเนินเป็นการวิ่งฟื้นตัว
- หลังจากลงมาก็วิ่งกลับขึ้นไปใหม่ ให้ทำแบบนี้ซ้ำๆและค่อยๆเพิ่มจำนวนรอบในการวิ่งขึ้นเนินไปเรื่อยๆ
2) Downhill training (การฝึกวิ่งลงเนิน)
การฝึกวิ่งลงเนินก็สำคัญเช่นกัน การวิ่งลงเนินจะมีความรู้สึกสบายมากกว่าโดยเฉพาะกับหัวใจและปอด แต่ว่าจะไปสร้างภาระให้กล้ามเนื้อขา การวิ่งลงเนินมันจะทำให้กล้ามเนื้อร่างกายส่วนล่างมีการหดตัวที่ผิดปกติ มีการยืดตัวของกล้ามเนื้อในระหว่างที่มีความตึงเครียดเกิดขึ้น ทำให้เกิดรอยฉีกเล็กๆที่ใยกล้ามเนื้อ
ซึ่งถ้าหากฝึกอย่างถูกวิธีก็จะทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็จะมีความปวดเมื่อยตามมาเช่นกัน จนกว่าร่างกายจะเริ่มปรับตัวได้
เทคนิคการวิ่งขึ้น-ลงเนิน
- ในตอนที่มองหาเนินสำหรับฝึกวิ่ง ให้เราหาเนินที่มีความชันไม่เกิน 8% เพราะถ้าหากว่าเนินมีความชันมากเกินไปจะทำให้เราบาดเจ็บได้
- ให้เริ่มต้นอย่างช้าๆ ใช้เพซแบบ Easy วิ่งขึ้นเนินไป
- จากนั้นก็วิ่งลงเนินลงมาและในการวิ่งลงเนินก็ต้องมีฟอร์มการวิ่งที่ถูกต้องด้วย
ฟอร์มการวิ่งขึ้น-ลงเนินที่ถูกต้อง
- ตั้งตัวตรง เอียงตัวไปด้านด้านเล็กน้อย ตำแหน่งร่างกายส่วนบนจะต้องอยู่เหนือสะโพกเสมอ
- ระวังอย่าโน้มตัวไปข้างหลัง และอย่าวิ่งช้าลง
- ควรมีระยะทางการก้าวขาที่สั้นลงเพื่อให้ลำตัวอยู่เหนือสะโพกตลอดเวลา และมีจังหวะการสับขาที่เร็วขึ้นกว่าเดิม
- เวลาวิ่งให้เอาเท้าส่วนกลางลงพื้นมากขึ้น และอย่าใช้ส้นเท้าในการเบรก
- เข่าของเราต้องงอเล็กน้อยในตอนที่เท้าลงพื้นเพื่อช่วยลดแรงกระแทก
- ตามองไปที่ถนนเสมอมองไปข้างหน้าเท้าของเรา
Strength training ในรูปแบบอื่นๆ
ยกน้ำหนัก
เราสามารถยกน้ำหนักในวันที่ฝึกวิ่งได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราวิ่งในวันอังคารและพฤหัส ก็ให้ยกน้ำหนักในวันนั้นด้วย แบบนี้เราก็จะมีวันว่างเหลือไว้สำหรับฟื้นร่างกาย และจะยิ่งดีถ้าหากเราซ้อมวิ่งให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปยกน้ำหนักทีหลัง เราจะยกน้ำหนักหลังการวิ่งทันทีหรือจะเป็นในช่วงเย็นหรือตอนค่ำก็ยังได้
ท่าฝึกกล้ามเนื้อส่วนล่าง
สำหรับการฝึกแบบเฉพาะเจาะจง ให้เน้นฝึกกล้ามเนื้อในร่างกายส่วนล่าง เช่น กล้ามเนื้อสะโพก หลังล่าง ต้นขา ขาหลัง น่องและกล้ามเนื้อส่วน hip flexors ให้เราใช้ท่าต่อไปนี้ในการฝึก เพราะเป็นท่าที่ดีต่อการฝึกร่างกายส่วนล่าง สามารถทำได้ที่บ้านและใช้ดัมเบลเพื่อเพิ่มความยากได้
- ท่า Squats
- ท่า Lunges
- ท่า Walking lunges
- ท่า Step ups
- ท่า Calf raises
ท่าฝึกกล้ามเนื้อส่วนบน
เราควรเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายส่วนบนด้วย เพราะจะทำให้เราตั้งตัวตรง มีท่ายืนท่าวิ่งที่ดี มีฟอร์มการวิ่งมาราธอนที่ดีขึ้น ทุกท่าที่ใช้ในการฝึกร่างกายส่วนบนจะสามารถทำที่บ้านได้ และใช้กับดัมเบลได้ มีดังนี้คือ
- ท่า Lateral raises
- ท่า Overhead press
- ท่า Chest press
- ท่า One-arm rows
- ท่า Biceps and triceps
ท่าฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง
การฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางจะช่วยให้เรามีฟอร์มการวิ่งที่ดีขึ้น ลดโอกาสได้รับบาดเจ็บ ทำให้วิ่งขึ้นเนินง่ายขึ้น ให้เราใช้ท่าต่อไปนี้ในการฝึก
- ท่า Planks
- ท่า Side planks
- ท่า Sit ups
- ท่า Reverse curls
- ท่า Abdominal curls
ฝึก Cross training
การฝึก Cross-training ก็มีประโยชน์กับนักวิ่งเช่นกัน ถ้าหากเราวิ่ง 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็ควรมีวันฝึก Cross-training จำนวน 2 วันต่อสัปดาห์ โดยให้มีระดับความเข้มข้นในการฝึกในระดับ Easy และอย่าลืมว่าในทุกสัปดาห์เราควรมีวันพักอย่างน้อย 1 วันเสมอ
ให้เริ่มจากการใส่การฝึกปั่นจักรยานเข้าไป 1 วันต่อสัปดาห์ และสังเกตว่าขาของเรามีความรู้สึกยังไงในวันถัดไป เราต้องให้เวลาร่างกายในการฟื้นตัวด้วย ก่อนที่จะเพิ่มการปั่นจักรยานเป็น 2 วันต่อสัปดาห์ ถ้าหากรู้สึกปวดเมื่อย หมดเรี่ยวแรง มีอาการขาหนัก และมีอาการเจ็บ ก็ให้ลดจำนวนการฝึก Cross-training ให้น้อยลงกว่าเดิม เพราะคุณภาพย่อมสำคัญกว่าปริมาณเสมอ
Note : เพื่อนๆสามารถค้นหาบทความเคล็ดลับการฝึก รวมถึงท่าการฝึก Strength training ต่างๆได้ในเว็บไซต์ https://www.vrunvride.com/?s=Strength+training มีทั้งภาพ ภาพเคลื่อนไหว และคลิปวิดีโอตัวอย่างเยอะมากๆค่ะ
ที่มา : https://bit.ly/2JB9VL2
ไม่พลาดทุกกิจกรรม วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา
กด #Seefirst และ #Following กันไว้ ที่
?facebook.com/wheretorunwhentoride
ค้นหางานแข่งวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ทั่วไทย
ง่าย สะดวก พร้อมบทความสาระดีๆ ที่
?www.vrunvride.com
อัพเดท Running, Cycling,
Triathlon, Gadget, Food ได้ที่
?instragram.com/vrunvride
มาซ้อม วิ่ง ?♂ปั่น ?♂ว่าย ?♂ให้สนุกกันที่
?strava.com/clubs/vrunvride
[AD]
?บัตรเครดิต KTC ตัวจริงเรื่องกีฬา
แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15% พร้อมแบ่งชำระ 0%
นานสูงสุด 10 เดือน ที่ Supersports ทุกสาขา
? bit.ly/CRCSPORTS
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming