วงการวิ่ง ฟัง 2 พี่ใหญ่แห่ง แชร์เรื่องราว”บอสตัน มาราธอน”
Final destination ของ ชาวมาราธอนเนอร์ วงการวิ่ง ถ้าเรากำลังพูดถึงความฝันอันสูงสุดของสนามแข่งขันที่ “นักวิ่ง” อยากจะไปสัมผัสสักครั้งในชีวิตแล้วละก็ คงไม่พ้น การแข่งขันมาราธอนระดับโลก หรือ 6 major marathons อันได้แก่…
?โตเกียว มาธาธอน
?เบอร์ลิน มาราธอน
?ลอนดอน มาราธอน
?ชิคาโกมาราธอน
?นิวยอร์คมาราธอน
รวมถึงงานวิ่งมาราธอนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง คือ “บอสตัน มาราธอน” กับชื่อเสียงความโหดที่เส้นทาง วงการวิ่ง ที่ต้องวิ่งขึ้นเนิน “นิวตัน ฮิลล์” (Newton Hill) ในระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรของระยะทางทั้งหมด และจุดที่สูงที่สุดของนิวตัน ฮิลล์ คือ “ฮาร์ทเบรก ฮิลล์” (Heartbreak Hill) ซึ่งมีความสูงถึง 242 ฟุตจากระดับน้ำทะเล สนามนี้จึงไม่ค่อยมี นักกีฬาวิ่งอาชีพมาทำเวลากันเท่าไหร่
อีก 1 สิ่งที่ทำให้ บอสตัน มาราธอน คือ เป้าหมายของนักวิ่งทั่วโลก คือ ถ้าคุณจะมาร่วมวิ่งบนสนามเก่าแก่ คุณต้องผ่านการคัดเลือกทำเวลาตามเกณฑ์เวลาที่กำหนดไว้ตามช่วงอายุ เช่น
ถ้าคุณเป็นผู้ชาย อายุ 35 ปี คุณต้องจบมาราธอนภายในเวลา 3 ชั่วโมง 10 นาที
หรือ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง อายุ 25 ปี คุณต้องจบมาราธอน 3 ชั่วโมง 35 นาที
จึงจะมีสิทธิ์สมัคร Boston Marathon ได้
แต่…ไม่ใช่ทุกคนที่สมัครแล้วจะได้ไปเนื่องจาก Slot มีจำกัดมาก การคัดเลือก คือ ทางผู้สมัครจะเปิดรับสมัครเป็นรอบๆ โดยในแต่ละรอบจะคัดเลือกคนที่วิ่งผ่านเกณฑ์ และเวลาดีที่สุด จากการคาดการณ์ของนักวิ่งทั่วโลก โอกาสที่เราจะได้ไปแบบชัวร์ๆ คือ ต้องเร็วกว่าเกณฑ์ประมาณ 20 นาที ลองคำนวนกันดูนะคะ
ในประเทศไทย สนามวิ่งที่สามารถนำผลการแข่งไปลุ้นได้ ก็จะมี กรุงเทพมาราธอน, ขอนแก่นมาราธอน และภูเก็ตลากูน่ามาราธอน ปีนี้นับเป็นปีที่น่าตื่นเต้น เพราะมีเพื่อนๆ นักวิ่งชาวไทย เข้าร่วมงานนี้มากถึง 13 คน และมี 2 ตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน ในนามแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด”
ที่ทางแอดมินได้รับเกียรติจาก “ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี” และ “พี่ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง” 2 พี่ใหญ่แห่งวงการมาบอกเล่าความประทับใจใน “บอสตัน มาราธอน” ครั้งนี้ค่ะ
อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย “ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี” บอกกับเราว่า “ปีนี้ผมได้รับโอกาสจากเครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” ที่สนับสนุนส่งครูเข้าเป็นส่วนหนึ่งในงานวิ่งมาราธอนสุดยิ่งใหญ่ ครูทำเวลาวิ่งได้ที่ 3.43 ชั่วโมง ตามเกณฑ์อายุของครู คือ 3.40 ชั่วโมง ขาดไปนิดหน่อย ซึ่งอุปสรรคหนึ่งที่ครูได้พบในการวิ่งครั้งนี้ คือ การเป็นตะคริวตั้งแต่ น่องจนถึงเท้า ตั้งแต่การวิ่งกิโลเมตรที่ 32 เนื่องจากขาดการวอร์มร่างกายก่อนออกตัว เพราะการวิ่งระยะไกลในภาวะอากาศเย็น และจะต้องมีการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดก่อน และไม่ควรออกตัวเร็ว
เมื่อครูได้รู้ถึงความบกพร่อง เรียนรู้ความผิดพลาดแล้วจึงค่อยๆ หาวิธีแก้ไข ปรับปรุง โดย ครูเลือกที่จะหยุดวิ่ง และค่อยๆ ยืดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้มีผลสำเร็จที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตัวเอง จากความมุ่งมั่น ตั้งใจในการลงมือทำอย่างเต็มที่ เป็นคนเก่งที่ดีที่สุดของตัวเราเองเท่านั้นก็พอครับ”
“พี่ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง” ไอดอลแห่งวงการมาราธอน ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวในสนามเพิ่มเติมอีกว่า “การวิ่งมาราธอนในครั้งนี้นอกจากความโหดของเส้นทางการวิ่งที่เลื่องชื่อแล้ว ในปีนี้เรายังต้องเผชิญกับอากาศที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 23 ปี มีอากาศเย็น 0 ถึง -2 องศา และฝนตกหนักตั้งแต่ 8 โมงเช้า สลับกับลมพัดแรง ทำให้เจ็บและแสบตา ต้องก้มหน้าวิ่งในบางช่วง นอกจากนี้พื้นสนามยังเปียก และลื่น ทำให้ต้องวิ่งอย่างระมัดระวัง แต่ในปีนี้ก็ยังพอมีสีสันที่น่าประทับใจ คือ ช่วงที่วิ่งผ่านไร่องุ่น จะมีจุดให้ไวน์ แทนจุดให้น้ำ พร้อมอาหารหลากหลาย ทั้งหอยนางรมสด และชีสนานาชนิด ซึ่งมีความเข้ากันเป็นอย่างดีเลยครับ
สำหรับเวลาในการวิ่งของผม 4.33 ชั่วโมง ถือเป็นเวลาที่พี่พอใจ เพราะถึงพี่จะไม่ได้ชัยชนะ แต่พี่ชนะใจตัวเอง ในการวิ่งผ่านอุปสรรคต่างๆ ครับ”
ก่อนจากกัน แอดมินไม่ลืมคำถามคลาสสิคที่เราอยากให้เหล่านักวิ่งหน้าใหม่ หรือคนที่กำลังจะเริ่มต้นออกกำลังกายได้รับพลังบวกจากนักวิ่งทั้งสองท่าน
“ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี” กล่าวว่า
“ทุกอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าเราไม่เริ่ม แล้วใครจะเริ่มได้ ใครเริ่มก่อนสิ่งดีๆ ก็จะเข้ามาก่อน เริ่มจากตัวเองแล้วคนอื่นก็จะได้สิ่งดีๆ จากเรา”
ทางด้าน “พี่ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง” กล่าวว่า
“พี่เป็นคนธรรมดาคนนึงที่อยากออกกำลังกาย การที่เราวิ่งไม่ได้หมายความว่าเราวิ่งคนเดียว เราสามารถนำเรื่องราวในการวิ่งแต่ละครั้ง เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ได้ออกกำลัง และวิ่งไปด้วยกัน” ก่อนจากกันทั้งสองท่าน ยังชักชวนให้เรา บอกต่อเพื่อนๆ ให้ออกมาวิ่งกันเยอะๆ แล้วเพื่อนล่ะคะ พร้อมที่จะวิ่งไปด้วยกันรึยังค่ะ ช่วยบอกเราหน่อยสิ