ว่ายน้ำแต่ละที เผาผลาญแคลอรี่ไปได้เท่าไหร่
การว่ายน้ำไม่ได้เป็นแค่เพียงการออกกำลังกายที่สนุกเท่านั้น แต่มันยังดีต่อสุขภาพหัวใจและช่วยโทนกล้ามเนื้ออีกด้วย นอกนั้นยังช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าเราจะออกกำลังกายด้วยวิธีใด ก็ควรรักษาสมดุลด้วยการคุมอาหารด้วยนะ เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากในการลดน้ำหนัก
แคลอรี่ถูกเผาผลาญได้อย่างไร ?
อัตราการเผาผลาญแคลอรี่เพื่อใช้เป็นพลังงานนั้น รู้จักกันดีในขื่อของ “กระบวนการเมตาบอลิสม (Metabolism)” เมื่อเราออกกำลังกายก็จะทำให้เกิดกระบวนการนี้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะได้ผลลัพธ์หรือระยะเวลายาวนานเพียงใด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น เพศ , องค์ประกอบของร่างกาย , และประเภทของการออกกำลังกาย
Tom Holland นักสรีรวิทยาการออกกำลังกายและนักไตรกีฬาบอกว่า คนที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัม (150 ปอนด์) จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400 แคลอรี่ จากการว่ายน้ำเป็นชั่วโมง โดยใช้ระดับความเข้มข้นปานกลาง แต่ถ้าใช้ระดับความเข้มข้นสูงก็จะสามารถเผาผลาญได้ถึง 700 แคลอรี่ ตัวเลขนี้อาจใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะมันมีหลายปัจจัย เช่น
- ระยะเวลา
- ระดับความเข้มข้น
- ท่าที่ใช้ในการว่ายน้ำ
- น้ำหนัก
- ระดับประสิทธิภาพในการว่ายน้ำของเราเอง
มาเริ่มต้นฝึกว่ายน้ำกันเถอะ
– เริ่มต้นด้วยการว่ายน้ำ 10-30 นาที จำนวน 1-3 วันต่อสัปดาห์
– แต่ละสัปดาห์ให้ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาขึ้น 5 นาที
– มีการสับเปลี่ยนท่าในการว่ายน้ำเพื่อให้มีการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่ม
ว่ายน้ำท่าอะไรที่สามารถเผาผลาญพลังงานได้มากที่สุด
เราจะเผาผลาญพลังงานมากขึ้นเมื่อเราว่ายน้ำเร็วขึ้นและมีระยะทางเพิ่มขึ้น ท่าสโตรกที่เร็ว เช่น ท่าฟรีสไตล์ นั้นมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นท่าที่สามารถเผาผลาญพลังงานได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องใช้แต่ท่าฟรีสไตล์ทุกครั้งไป
ปริมาณแคลอรี่ที่เราสามารถเผาผลาญได้นั้น จะขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาในการฝึก และ ความถี่ ถ้าหากเราอยากจะใช้ท่ากบเราก็ต้องว่ายน้ำให้นานมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเผาผลาญพลังงานมากขึ้นนั่นเอง
Tom Holland ยังให้คำแนะนำอีกว่า ในการซ้อมควรจะใช้ท่าว่ายน้ำหลายท่าร่วมกัน เพื่อที่จะได้ฝึกกล้ามเนื้อหลายส่วนและทำให้การฝึกซ้อมน่าสนใจมากขึ้น
มาเริ่มกันเลยดีกว่า!
เมื่อเราเริ่มต้นโปรแกรมการฝึกซ้อมใดๆ จำใส่ใจไว้ว่า ความปลอดภัย และ ความคืบหน้าเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรเริ่มต้นจากการฝึกซ้อมแบบช้าๆไปก่อน
ความเร็ว , ระยะเวลา และความถี่
– การเผาผลาญแคลอรี่นั้นขึ้นอยู่กับ ความเร็ว/ระยะทาง , ระยะเวลา และความถี่
– ท่ากบ เป็นท่าที่ง่ายต่อการว่ายน้ำเป็นเวลานานๆ และสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า เพราะเราสามารถใช้ท่านี้ในการว่ายน้ำได้นานกว่านั่นเอง
เมื่อเราเริ่มว่ายน้ำใหม่ๆ อย่าพึ่งหักโหม! ให้เราค่อยเพิ่มระยะเวลาการซ้อมอย่างช้าๆ ถ้าเราหักโหมก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บได้ แม้ว่าจะเป็นกีฬาที่ไม่มีแรงกระแทกก็ตาม
ให้เริ่มจากการว่ายน้ำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ประมาณ 10-30 นาทีต่อครั้ง แล้วค่อยเพิ่มเวลาฝึกให้มากกว่าเดิมสัปดาห์ละ 5 นาที และรูปแบบการซ้อมควรมีการพักระหว่างรอบด้วย เช่น ว่าย 1 รอบ แล้วหยุดพัก แล้วจึงกลับไปว่ายต่ออีกรอบ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
รูปแบบการไดเอทสำหรับนักว่ายน้ำ (Diet for Swimmer)
หากเป้าหมายของเราคือการลดน้ำหนักล่ะก็ เราควรมีการขาดดุลแคลอรี่ แต่ในขณะเดียวกันก็ควรมีพลังงานมากพอสำหรับการฝึกว่ายน้ำด้วย
Tom Holland แนะนำว่า เราควรจะทานอาหารก่อนการซ้อมประมาณ 30 นาที ซึ่งมันเหมาะกับการซ้อมนานเป็นชั่วโมง คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายต้องการ เขายังแนะนำให้รีบทานอาหารหลังการว่ายน้ำอีกด้วย และในมื้ออาหารควรมีโปรตีนไร้ไขมัน และอาหารที่มาจากแหล่งคาร์โบไฮเดรตชั้นดีอีกเล็กน้อย
เราอาจจะรู้สึกหิวหลังการว่ายน้ำ อย่ารีบขับรถไปร้านฟาสต์ฟู้ดเด็ดขาด! ให้ทานขนมขบเคี้ยวเล็กน้อย แล้วกลับไปทำอาหารเองที่บ้าน
บทสรุปส่งท้าย
- ไม่ว่าเราจะว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกายหรือเพื่อลดความอ้วนก็ตาม มันจะดีที่สุดหากเราเริ่มต้นอย่างช้าๆ
- ถ้าหากเราค่อยๆเพิ่มระดับความเข้มข้น และถวามถี่ในการฝึกซ้อมทีละน้อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงที่เราจะได้รับบาดเจ็บ
- การค้นหาท่าว่ายน้ำที่เราชอบก็สำคัญ เพราะมันจะทำให้เราจดจ่อกับการซ้อมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราว่ายน้ำได้เก่งขึ้นและว่ายน้ำบ่อยขึ้น
- เราจะต้องแน่ใจว่าเลือกทานอาหารอย่างถูกต้อง และทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อที่จะทำให้เกิดการขาดดุลของแคลอรี่ขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีพลังงานมากพอสำหรับการว่ายน้ำ
ที่มา :
? ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
[AD]
แจกจริง แจกหนัก GARMIN, SUUNTO, FITBIT 122 วัน 122 เรือน
เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC คลิก bit.ly/ฺBNC122
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming