7 ประเทศน่าเที่ยว หนีไปปั่นจักรยาน
ฮัลโหลล เข้าสู่ช่วง High ของการท่องเที่ยวกันแล้ว #มีแพลนไปเที่ยวกันหรือยังเอ่ย?
7 ประเทศน่าเที่ยว หนีไปปั่นจักรยาน วันนี้ขอเอาใจนักปั่นกันหน่อย ใครยังไม่มีแพลนเที่ยวแอดมีเมืองและประเทศที่น่าสนใจมาแนะนำ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด ตามแอดไปดูกันเลย!
1. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ไฮ่! เมืองหลวงแห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนสักครั้ง ด้วยวัฒนธรรมและสังคมเมืองของคนญี่ปุ่นที่มีความเป็นระเบียบ และสามารถผสมผสานความเจริญทางเทคโนโลยีและธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน
หากใครเคยไปจะเห็นว่า แม้ความเจริญจะก้าวล้ำไปมาก แต่จักรยานก็ยังเป็นพาหนะฮอตฮิตที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กันแล้วเราสามารถเห็นได้ทั่วไป จะเห็นได้จากที่มีจุดจอดรถจักรยานสาธารณะเยอะมาก และที่โดดเด่นไปกว่านั้น ฟุตบาทจะแบ่งเป็น 2 ซีก ซีกหนึ่งสำหรับคนเดิน อีกซีกหนึ่งสำหรับจักรยาน! และที่สำคัญที่สุด หัวฟุตบาทจะทำเป็นทางลาดเพื่อสะดวกในการปั่นจักรยานอีกด้วย ถนนดี เมืองดี น่าปั่นขนาดนี้จะพลาดได้ไงล่ะจริงมั้ย? ^^
2. เมืองยูเทรกต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์
หรือที่หลายๆคนรู้จักในนามประเทศ ‘ฮอลแลนด์ (Holland)’ นั่นเอง
ยูเทรกต์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมหาวิทยาลัย อาคารบ้านเมืองเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นรูปแบบดั้งเดิมเนื่องจากเมืองไมได้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลก
นอกจากนี้ล่าสุด หลังจากที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้มีสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีพระองค์ใหม่ ทางเมืองยูเทรกต์จึงได้ตั้งชื่อสวนสาธารณะบริเวณ Leidsche Rijn และตั้งชื่อให้ว่า ‘Maximapark’ เป็นเซ็นเตอร์สำคัญ ที่เรียกว่าแหล่งรวมตัวของนักปั่นจักรยานในเมืองนั้น นักปั่นท่านใดที่ชอบดื่มด่ำความโบราณดั้งเดิมของสถาปัตยกรรม ที่นี่ก็เป็นอีกเมืองนึง ที่รับรองว่าจะทำให้ปั่นไปฟินไป
3. อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
หนึ่งเมืองของประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีสัญลักษณ์เป็นดอกทิวลิปที่เราคุ้นเคย ฮ่าๆ
วันนี้ขอนำเสนออีกมุมนึงที่มีมากกว่าดอกทิวลิป นั่นก็คือฉายาของเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า ‘เมืองหลวงของจักรยานโลก’ ชื่อนี้ได้มาเนื่องจากอัมสเตอร์ดัม เป็นทำเลทองที่แสนเอื้ออำนวยต่อนักปั่น เพราะมีทั้งจักรยานให้เช่า เลนจักรยาน และสัญญาณไฟจราจรสำหรับจักรยานอย่างครบครัน
ใครที่ชื่นชอบในมนต์เสน่ห์ของเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และเป็นแหล่งรวมงานศิลปะของนักจิตรกรชื่อดัง อย่างเช่น วินเซนต์ แวนโก๊ะ
แล้วจะรออะไรล่ะ ลองปั่นไป แวะชมพิพิธภันฑ์เพื่อเสพศิลปะไปด้วย อะไรจะกลมกล่อมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
4. บอร์กโดวซ์ ประเทศฝรั่งเศส
เป็นเมืองท่าตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส มีชื่อเสียงอย่างมากจากไร่องุ่นที่พบเห็นในตลอดเส้นทางเข้าสู่เมืองและไวน์ประจำแคว้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยสถานที่ทำไวน์สำคัญ ๆ ที่ผู้รักไวน์ชาวไทยน่าจะรู้จักก็คือ แซ็งเตมีลียง, โปยัก (Pauillac), แซ็งแต็สแต็ฟ (Saint-Estèphe) และโซแตร์น (Sauternes)
สำหรับปีที่ผ่านมาเมืองบอร์กโดวซ์ ก็ได้พัฒนาอย่างโดดเด่นในการพัฒนาโครงการปั่นจักรยาน แม้ว่ายังมีนักปั่นไม่มากนักในเมืองนี้ แต่ก็ได้มีการลงทุนมหาศาลสำหรับเส้นทางและเลนสำหรับรถจักรยานให้เข้าถึงกันไปทั่วทั้งเมือง ปัจจุบันมีเส้นทางจักรยานประมาณ 200 กิโลเมตร และยังมีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งมันจะกลายเป็นเมืองชั้นนำในการปั่นจักรยานในไม่ช้า
5. หลวงพระบาง ประเทศลาว
เมืองมรดกโลกอีกเมืองนึงที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเรานั่นเอง อย่างที่ทราบดีว่าไฮไลท์ของเมืองหลวงพระบางคือ วัด ที่เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาเก่าแก่ และอารยธรรมที่ปัจจุบันยังคงหลงเหลือกลิ่นอายความเป็นล้านนาดั้งเดิมไว้
โดยวิธีที่สะดวกที่สุดของการท่องเที่ยวชมตัวเมืองคือ จักรยาน เพราะนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะตั้งอยู่ในตัวเมืองและไม่ไกลจากกัน ถนนหนทางส่วนใหญ่ภายในตัวเมืองก็จะไม่มีรถใหญ่แล่นผ่านรบกวนใจเวลาขี่จักรยานอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกสวรรค์ของนักปั่นสายที่ชอบความเรียบง่าย สโลวไลฟ์ หรือชอบทำบุญ.
6. โคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์ก
รู้ไหมว่าเมืองโคเปนฮาเกน มีชื่อเรียกขานว่าเป็น ‘เมืองแห่งเทพนิยาย’ เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่จัดว่าเพอร์เฟค หากได้มาเยี่ยมเยือนจะมีความรู้สึกผ่อนคลายเสมือนถูกต้องมนต์
ทั้งยังเป็นสวรรค์ของนักปั่น เพราะสำหรับนักปั่นท่านใดที่ปั่นจักรยานในกรุงเทพบ้านเราแล้วโดนสายตามองแปลกๆ บอกเลยว่า ถ้ามีโอกาส อยากให้ไปเอนจอยที่เมืองโคเปนฮาเกน เพราะท่านจะกลมกลืนกับคนทั้งเมืองที่เค้าต่างปั่นจักรยาน ด้วยตัวเลขที่การันตีว่าเป็นหนึ่งในเมืองของเดนมาร์ก ทื่มีสถิติจำนวนจักรยานมากกว่ารถยนต์ถึง 265,700 คัน ถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทุกประเทศ
7. โบโกตา ประเทศโคลอมเบีย
เมืองหลวงที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี จะบอกว่าที่ผ่านมา โบโกตา ‘เปลี่ยนเมืองอาชญากรรม ให้เป็นเมืองจักรยาน’ ได้สำเร็จ
หลังจากมีการใช้งบประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อสานฝันให้โบโกตากลายเป็นเมืองหลวงแห่งจักรยาน
มีการสร้างเครือข่ายระบบเส้นทางจักรยานอย่างดี ถูกสร้างตรงจากสลัมหรือชุมชนแออัด และพื้นที่รอบนอกเข้าสู่ใจกลางเมือง โครงสร้างที่เชื่อมถึงกันทั้งหมดนี้ทำให้การเดินทางด้วยจักรยานเป็นไปได้แบบต่อเนื่อง ผู้ขี่จักรยานสามารถเข้าถึงสถานที่น้อยใหญ่ได้ทั้งหมดนอกจากนั้นยังมีการจัดโซนพื้นที่สีเขียวขนาบไปกับเส้นทางจักรยานด้วย
นับว่าเป็นเมืองต้นแบบที่ประเทศเราน่าเอาเป็นแบบอย่าง ซึ่งน่าไปเยือนสักครั้งสำหรับสาวกนักปั่นที่หาแรงบันดาลใจ
__________________________________________
ติดตามเทคนิคและทริคต่างๆ
สำหรับนักวิ่ง นักปั่นและไตรกีฬาได้ที่
Team Spyder Thailand Official page
แนะนำแว่นตากันแดดที่เหมาะกับคนเอเชียโดย #TeamSpyderThailand
อัพเดทตลอด กด #Seefirst และ #Following
bit.ly/TEAMSPYDERTHAILAND