รู้หรือไม่ สาเหตุของความเครียด ไม่ได้เกิดจากสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์บางอย่างเพียงเท่านั้น แต่ยังมีต้นเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเครียดได้ นั่นก็คืออาหารที่เราทานเข้าไป
หลายคนอาจเคยได้ยินว่า อาหารบางชนิดสามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวัล และช่วยให้เราหายเครียดได้ เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ผักใบเขียว บลูเบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต ถั่ววอลนัท เป็นต้น ซึ่งในทางตรงกันข้าม หากคุณกำลังรู้สึกเครียด ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารต่อไปนี้
6 อาหารที่ก่อให้เกิดความเครียด
1. น้ำตาล

เมื่อคุณเครียดร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยจัดการทั้งความเครียดและระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นหากคุณต้องการลดความเครียด “น้ำตาล” เป็นสิ่งแรกๆ ที่คุณควรจะงด
นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อคุณกินอาหารที่มีน้ำตาล ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้น และร่างกายต้องหลั่งคอร์ติซอลมากขึ้น เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดสมดุล ปัญหาคือคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาการนอนหลับ การตอบสนองของภูมิคุ้มกันลดลง ปวดหัว และรู้สึกอยากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความรู้สึกคล้ายกับความเครียด รวมทั้งความวิตกกังวลและความกลัว
การงดอาหารที่มีน้ำตาล เช่น ขนมอบ โยเกิร์ตปรุงแต่ง โซดา และการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ ให้มากขึ้น จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ซึ่งหมายความว่าอารมณ์ก็จะคงที่ แปรปรวนน้อยลง ความเครียดลดลง และร่างกายมีความสุขมากขึ้น
2. สารให้ความหวานเทียม

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ปวดศีรษะ โรคเมตาบอลิซึม และโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการเสพติดอาหารที่มีน้ำตาล โดยการฝึกต่อมรับรส ทำให้เรามองหาอาหารที่มีรสหวานมากขึ้น และส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพสะด้วย
นอกจากนี้ สารให้ความหวานเทียมก็มีผลข้างเคียงที่อาจนำไปสู่ความเครียดได้ ตัวอย่างเช่น แอสปาร์แตม ซึ่งพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 6,000 รายการ และพบในยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์และยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์กว่า 500 รายการ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการไมเกรน ความผิดปกติทางอารมณ์ และอาการคลั่งไคล้
หลีกเลี่ยงสารให้ความหวานเทียมเหล่านี้ แล้วเลือกทานสารให้ความหวานจากธรรมชาติจะดีกว่า
3. คาร์โบไฮเดรตแปรรูป

คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีและผ่านกระบวนการแล้ว อาจมีรสชาติอร่อยมากขึ้นก็จริง แต่อาหารเหล่านี้ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ แถมยังเป็นแคลอรี่ที่ไร้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
คาร์โบไฮเดรตแปรรูปหลายชนิด มีโซเดียมสูง นอกจากจะทำให้เรากระหายน้ำมากขึ้นแล้ว โซเดียมส่วนเกินนั้นยังทำให้ร่างกายกักเก็บของเหลวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เลือดสูบฉีด อีกทั้งยังเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งจะเพิ่มระดับความเครียดให้เรา และยังนำไปสู่ระดับน้ำตาลในเลือดที่ผันผวน ที่เป็นสาเหตุทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้
4. ของทอดและฟาสต์ฟู้ด

ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อย่อยอาหารที่มีไขมัน อย่างเช่น พิซซ่า อาหารพร้อมทาน มันฝรั่งทอด สแน็คบาร์ และขนมอบ
นอกจากนี้ อาหารทอดปรุงด้วยไขมันที่อุณหภูมิสูงมาก จึงมีแนวโน้มที่จะมีสิ่งที่เรียกว่าไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์มีส่วนทำให้อัตราส่วนของ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) กับ HDL (คอเลสเตอรอลที่ดี) ในเลือดเพิ่มขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหูน้ำหนวก เบาหวาน และมะเร็ง
อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง อาจทำให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดความเครียดในร่างกายได้
5. แอลกอฮอล์

ไวน์สักแก้วอาจช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากวันที่แสนเครียด แต่จงอย่าลืมว่าแอลกอฮอล์จะเพิ่มความเครียดให้กับชีวิตของคุณแทน
นั่นเป็นเพราะการดื่มแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มการผลิตฮอร์โมน ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลและเครียดมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ และกระตุ้นอาการคล้ายเครียดภายในร่างกาย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากยังเต็มไปด้วยน้ำตาล ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับส่วนผสมที่ก่อให้เกิดความเครียดเป็นสองเท่า อันดับแรกจากแอลกอฮอล์ และจากเครื่องผสมที่หวานเกินไปที่ใช้ในค็อกเทลแก้วโปรด
แต่หากคุณคิดว่าจะหลับพักผ่อนเพื่อคลายเครียดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์เสร็จแล้ว นั่นเป็นความคิดที่ผิดเลยล่ะ เพราะแอลกอฮอล์จะยิ่งรบกวนคุณภาพการนอนหลับ ดังนั้น แม้ว่าคุณจะหลับได้ง่ายกว่าปกติ แต่คุณก็จะไม่ได้นอนหลับสนิทจนรู้สึกสดชื่น
6. คาเฟอีนส่วนเกิน

การดื่มกาแฟสักแก้วในตอนเช้า จะช่วยกระตุ้นการตื่นตัวได้ แต่ถ้าคุณดื่มวันละหลายแก้วเป็นประจำ คุณอาจจะรู้สึกเครียดมากกว่าเดิม
คาเฟอีนที่มากเกินไปอาจสร้างปัญหาให้กับต่อมหมวกไต โดยการกระตุ้นร่างกายมากเกินไป และเนื่องจากมันช่วยกระตุ้นระบบประสาท คาเฟอีนอาจทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความรู้สึกวิตกกังวลในที่สุด หากคุณเป็นโรควิตกกังวล สิ่งแรกที่คุณควรทำคือตัดคาเฟอีนออก
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าคาเฟอีนไม่ได้พบในกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังพบคาเฟอีนอยู่ในน้ำอัดลม ชา เครื่องดื่มชูกำลังบางชนิด รวมไปถึงยาแก้ปวด หรือแม้แต่ช็อกโกแลตอีกด้วย
แหล่งที่มา : https://bit.ly/3Idc7oi
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming