4 การวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่า การออกกำลังกายสามารถลดความเครียดได้
เพื่อนๆ เคยรู้สึกเครียดกันบ้างไหม ไม่ใช่เราเพียงคนเดียวหรอกที่เครียด เพราะผลการวิจัยพบว่ามีจำนวนคนที่มีความเครียดเพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก โดยโพลสำรวจในเดือนเมษายน ปี 2020 พบว่าจำนวนคนอเมริกันที่มีความสุขนั้นลดลงถึง 48% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา จำนวนคนที่ต้องเจอกับความเครียดและความกังวลในชีวิตสูงขึ้นถึง 60% อย่างเห็นได้ชัด
ปัจจุบันมีหลายเทคนิคที่จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ตั้งแต่การหายใจลึกๆไปจนถึงการบำบัดแต่วิธีหลักที่สามารถลดความเครียดได้คือ “การออกกำลังกาย” และจากนี้ไปคือหลักฐานจากการวิจัย ว่าทำไมการวิ่ง , การฝึกโยคะ และยกเวท จึงสามารถลดความเครียดได้
1. ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายมีความเชื่อมโยงกับคุณภาพของการนอนหลับอย่างมาก อ้างอิงจากการวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร “Mental Health and Physical Activity” พบว่าคนที่ออกกำลังกายจะสามารถหลับได้เร็วกว่า และรู้สึกง่วงตอนกลางวันน้อยกว่า เพราะว่าได้รับการนอนหลับตอนกลางคืนอย่างเพียงพอนั่นเอง
ในตอนที่เราหลับลึกจะมีการลดลงของ ฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียด เมื่อคอร์ติซอลลดลงในช่วงพลบค่ำ จะช่วยเพิ่มเมลาโทนิน ฮฮร์โมนที่ทำให้เราง่วงนอนและช่วยดูแลวงจรการนอนหลับ ซึ่งการออกกำลังกายมันจะช่วยตรงนี้ล่ะ การออกกำลังกายและการได้หลับลึกอย่างต่อเนื่องจะยิ่งช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้มากขึ้นและมากขึ้นไปอีก ซึ่งจะส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ของเราตลอดทั้งวัน การนอนหลับยังช่วยให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆอย่างมีเหตุผลและด้วยสภาวะอารมณ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้เรามีความเข้าใจสถานการณ์ชัดเจนมากขึ้นและมีการตอบสนองทางอารมณ์ดีขึ้น
2. ช่วยในการควบคุมฮอร์โมน
ความสมดุลของคอร์ติซอลและเมลาโทนินไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับเท่านั้น การที่เรามีระดับคอร์ติซอลสูงตลอดเวลา จะส่งผลต่อระดับความเครียด ความกังวล การตอบสนองต่อการถูกคุกคาม และยังทำให้เกิดปัญหาอีกหลายอย่างตามมา
การมีระดับคอร์ติซอลที่สูงจะสร้างหายนะในระยะยาว มันจะลดเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ทำลายคุณภาพการนอนหลับ และทำให้เราสะสมไขมันมากขึ้น (โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง) การมีระดับคอร์ติซอลสูงมีความเชื่อมโยงกับอาการซึมเศร้า เสพติดอาหาร อยากทานน้ำตาลและการควบคุมอารมณ์
การออกกำลังกายจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของคอร์ติซอลแบบถาวร เพราะร่างกายจะเห็นการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงเป็นตัวสร้างความเครียด แต่ให้เราสร้างสมดุลโดยการมีเวลาพักฟื้นตัวระหว่างออกกำลังกายเพื่อให้มีการหมุนเวียนของคอร์ติซอลดีขึ้น
3. ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
มีการวิจัยจำนวนมากที่พบว่าระบบการย่อยอาหารจะส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ พลังงานและระบบภูมิคุ้มกัน แม้แต่สุขภาพผิวและโรคเรื้อรังก็มีผลด้วย แบคทีเรียในระบบย่อยอาหารทั้งแบบที่ดีและไม่ดีจะส่งผลต่อสุขภาพของเรา
การมีลำไส้ที่สุขภาพดีจะทำให้เรามีสุขภาพดี ทำให้มีการตอบสนองต่อความเครียดดีขึ้น เพราะไมโครไบโอมในลำไส้จะช่วยควบคุมระบบประสาทและทำหน้าที่กักเก็บเซโรโทนินเกือบทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งมันเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข
และการออกกำลังกายนี่ล่ะที่จะทำให้ลำไส้มีสุขภาพดี ในวารสาร “Oxidative Medicine and Cellular Longevity” ได้เน้นว่าการออกกำลังกายจะส่งผลต่อการป้องกันและระบบการเผาผลาญของไมโครไบโอมในลำไส้ รวมไปถึงการควบคุมพลังงาน
และยังมีอีกงานวิจัย ซึ่งทำการทดสอบกับพวกนักกีฬารักบี้ พบว่าการออกกำลังกายทำให้แบคทีเรียในลำไส้มีจำนวนมากขึ้น จึงทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
4. ช่วยลดอาการอักเสบ
การอักเสบเรื้อรังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพมากมาย ตั้งแต่ภาวะสมองเสื่อมไปจนถึงอาการภูมิแพ้ ผลการวิจัยซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร “Frontiers in Human Neuroscience” ระบุว่า หากมีอาการอักเสบมากเกินไปจะส่งผลต่อการตอบสนองต่อความเครียดอย่างมาก และระดับความเครียดที่สูงจะยิ่งเพิ่มอาการอัพเสบมากขึ้นไปอีก
การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยได้ และจะทำให้เกิดการต้านอาการอักเสบขึ้นมาแถมยังไม่ต้องออกกำลังกายมากก็ได้ อ้างอิงจากการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร “Brain, Behavior, and Immunity” พบว่าแค่เราเดินบน treadmill เพียง 20 นาทีก็เพียงพอแล้วในการลดระดับความเครียด
นอกจากนี้การวิจัยยังพบว่าการออกกำลังกายยังทำให้เราเลือกทานอาหารสุขภาพมากขึ้นแถมช่วยในการเข้าสังคมอีกด้วย ดังนั้นหากเรามีความเครียดไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม ควรพิจารณาในการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือการฝึก Cross Training ก็ตาม
ที่มา : https://bit.ly/3fVfrEX
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming