วิ่งรอบโลก : งานแข่งวิ่ง Boston Marathon – ประเทศสหรัฐอเมริกา
บอสตันมาราธอนเป็นงานแข่งวิ่งมาราธอนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีการจัดการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ.1897 ซึ่งเป็นปีถัดมาหลังจากที่มีการจัดงานโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1896 และนั่นแหละคือช่วงต้นกำเนิดของการวิ่งมาราธอนสมัยใหม่ ย้อนไปในตอนนั้นมีนักวิ่งมาร่วมงานเพียง 18 คนเท่านั้น แต่พอมาถึงปี ค.ศ.1996 ก็มีคนเข้าร่วมงานมากกว่า 35,000 คนแล้ว ซึ่งปี ค.ศ.1996 นี่ถือเป็นปีแรกที่มีคนมาแข่งมาราธอนกันมากขนาดนี้ ในปีนั้นผู้เข้าร่วมงานแข่งไม่จำเป็นต้องสามารถวิ่งทำเวลาให้ได้ตามที่กำหนดก็เข้าร่วมแข่งขันได้ แต่ในปัจจุบันทุกคนจะต้องทำเวลาให้ได้ตามมาตราฐานที่เขาตั้งไว้ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามอายุของผู้เข้าแข่งขันถึงจะมีสิทธิในการร่วมลงแข่ง โดยจะมีการเรียกการมีคุณสมบัติในการร่วมลงแข่งว่า “to BQ ย่อมาจาก Qualifying for Boston”

มีอยู่หลายครั้งที่งานแข่งบอสตันมาราธอนจะมีระยะทางวิ่งที่สั้นกว่าปกติ เช่นในปี ค.ศ.1907 ตอนที่ย้ายจุดเริ่มวิ่งจาก Ashland ไปยัง Hopkinton แต่ก็ยังมีระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 39 กิโลเมตร จนถึงปี ค.ศ.1924 และในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1951 – 1956 ก็มีระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 40.5 กิโลเมตรเท่านั้น เส้นทางจะวิ่งไปทางทิศตะวันออกและมีการลงเนินอย่างนุ่มนวลในช่วงครึ่งแรก แต่หลังจากนั้นก็จะลงเนินที่มีความชันมากขึ้นซึ่งจะเรียกเนินนี้กันว่า “hearthbreak hill” โดยไม่ได้เป็นชื่อที่นักวิ่งตั้งขึ้นแต่อย่างใด เรื่องมันมีอยู่ว่าในงานแข่งเมื่อปี ค.ศ.1936 นักกีฬาชื่อ จอห์น เอ เคลลี่ ซึ่งมาลงแข่งเพื่อป้องกันแชมป์ได้วิ่งมาเจอกับ อิริสัน “ทาร์ซาน บาวน์” ซึ่งเป็นคนที่วิ่งนำหน้าสุดในตอนนั้น ทำให้ทั้งคู่ต้องวิ่งแข่งขันกัน จอห์นสามารถนำไปได้แต่ในที่สุดอิริสันก็กลับมานำและได้ชัยชนะไป นักข่าวท้องถิ่นก็เลยเขียนข่าวว่า “มันทำให้จอห์นหัวใจแตกสลาย”

จากนั้นการแข่งขันก็ค่อยๆย้ายไปมีจุดสิ้นสุดอยู่ในใจกลางเมืองบอสตัน เมื่อดูจากภาพรวมแล้วมันเป็นการวิ่งลงเนินตลอดทั้งงานนะ เส้นทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นมันจะสูงกว่าจุดสิ้นสุด 135 เมตร เฉลี่ยแล้วจะมีระดับความสูงลดลง 3.3 เมตรในทุกระยะทาง 1 กิโลเมตร นักวิ่งจะได้ประโยชน์จากแรงโน้มถ่วงแถมยังมีแรงลมคอยช่วยอีกด้วย เช่นในปี ค.ศ.1994 เมื่อนักกีฬาชื่อ Cosmas Ndeti เป็นผู้ชนะเพราะมีแรงลมช่วย (คนนี้ชนะ 3 ปีซ้อน) และในปี ค.ศ.2011 ก็เช่นกันโดยผู้ชนะคือ Geoffrey Mutai ก็ได้รับแรงลมช่วยจนสามารถทำเวลาในการวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุดได้สำเร็จคือ 2 ชั่วโมง 3 นาที กับอีก 2 วินาที และเพราะเหตุนี้เองการทำเวลาในการแข่งบอสตันมาราธอนจึงไม่สามารถเอามาใช้เป็นการทำสถิติได้เพราะมันมีปัจจัยอื่นคอยช่วยแถมยังมีเรื่องของทิศทางลมอีกด้วย

แต่โดยส่วนใหญ่แล้วในปีอื่นๆก็มักจะไม่ค่อยมีการทำเวลาในการวิ่งเร็วสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาวิ่งลงเนินในระยะทาง 25 กิโลเมตรแรกถูกรบกวนโดยเส้นทางวิ่งขึ้นเนินในช่วงระยะทางถัดไป ในการแข่งบางครั้งก็มีฝนที่เย็นจัดหรือมีอากาศร้อนมากซึ่งมันส่งผลเสียในการทำเวลาได้อย่างชัดเจน
งานแข่งนี้ยังทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดเผ็ดมันขึ้นหลายครั้ง เช่นการประชันความเร็วระหว่าง บิล ลอดเจอร์ กับ เจฟ เวลส์ ในปี ค.ศ.1978 และระหว่าง อัลเบอร์โต้ ซาลาซ่าร์ กับ ดิก เบลียดลีย์ ในปี ค.ศ.1982 และในไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีนักวิ่งหญิงชั้นแนวหน้าได้เข้ามาสร้างเรื่องราวอันน่าสนใจให้กับแฟนๆที่ติดตามงานแข่งบอสตันมาราธอน
Boston Marathon Map

Boston Marathon Medal

Boston Marathon VDO
รายละเอียดการแข่งขัน
- เดือนที่จัดการแข่งขัน : เมษายน
- เดือนที่เปิดการรับสมัคร : จะมีช่วงเวลาเปิดรับสมัครจำกันในช่วงเดือนกันยายนของปีที่แล้ว
- จำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขัน : 35,000 คน
- ระดับความยาก : 6/10
- เรื่องที่ควรพิจารณา : มีเส้นทางขึ้นเนิน , แต่มีบรรยากาศอบอุ่น , เราจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการสมัครเข้าแข่งขัน , ผู้ชมและนักวิ่งคนอื่นๆคอยให้การสนับสนุนดีมาก
ช่องทางการติดต่อ
Boston Athletic Association
40 Trinity Place
4th Floor Boston
MA02116 , USA
☎ เบอร์โทรศัพท์ : +1 617 236 1652
✉ อีเมล์ : info@baa.org
★ เว็บไซต์ : www.baa.org/races/boston-marathon
Ⓕ เฟซบุ๊ก : Boston Marathon
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming