8 ประโยชน์ของการวิ่งที่นักวิ่งมือใหม่ควรรู้
การออกกำลังกายมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้คนวัย 18-65 ปีต้องออกกำลังกายในระดับปานกลาง 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ และ 75-150 นาทีต่อสัปดาห์สำหรับการออกกำลังกายหนัก การออกกำลังกายด้วยการวิ่งและการฝึก Strength training ควบคู่กันไปถือเป็นการออกกำลังกายในอุดมคติและจะช่วยสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพ
ไม่ว่าเพื่อนๆ จะรู้ตัวหรือไม่ แต่ธรรมชาตินั้นออกแบบร่างกายมนุษย์มาให้เหมาะสมกับการวิ่ง ตั้งแต่รูปทรงของฝ่าเท้า ความยาวของขา และความสามารถในการระบายความร้อนด้วยการขับเหงื่อออกมา พวกเราทุกคนล้วนวิวัฒนาการมาเพื่อการวิ่งไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบไหนก็ตาม
ไม่ว่าเพื่อนๆ จะวิ่งเพื่อความสนุก เพื่อการแข่งขันหรือเพื่อช่วงเวลาแห่งความสุขท่ามกลางธรรมชาติก็ตาม การวิ่งสามารถทำให้สุขภาพกายและใจดีขึ้นได้ในหลายทาง หากเพื่อนๆ กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการวิ่งอยู่ อยากให้ลองอ่านบทความนี้
1. ช่วยผ่อนคลายความเครียด
ด้วยเหตุนี้ล่ะที่ทำให้อาการ Runner’s high นั้นทรงพลังอย่างมาก เพราะจะทำให้ร่างกายหลังเซโรโทนินออกมาซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เรามีความสุข ทำให้อารมณ์ดีช่วยลดฮอร์โมนความเครียด อ้างอิงจากผลการวิจัยในปี 2016 พบว่าการออกกำลังกายอย่างการวิ่งจะช่วยเพิ่มระดับโดพามีนและเซโรโทนินในสมอง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมอารมณ์และความเครียดของร่างกาย
จากผลการรีวิวก็พบว่า นักวิ่งจะมีเซโรโทนินสูงกว่าคนที่ไม่ได้วิ่ง ซึ่งมันจะช่วยในการประมวลผลทางอารมณ์และช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมระดับความเครียด
การวิจัยในปี 2017 พบว่าผลลัพธ์จากการวิ่งจะยังคงอยู่แม้ว่าจะหยุดวิ่งไปแล้ว โดยพบว่าผลเสียจากความเครียดจะลดลงเมื่อมีการออกกำลังกายแอโรบิคทุกวัน เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย การวิ่งจะช่วยลดความเครียดและจะยังคงช่วยลดความเครียดต่อไปแม้ว่าจะเลิกวิ่งแล้ว แม้ว่าคนทุกคนจะมีการตอบสนองต่อความเครียดที่ต่างกันไปแต่การวิ่งก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะความเครียดและสร้างความสงบขึ้นในจิตใจ แถมยังได้ประโยชน์อื่นอีกมากมาย
2. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
เพื่อนๆ ไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างที่เหมาะสมเพื่อที่จะเริ่มเป็นนักวิ่งก็ได้ และเช่นเดียวกับการออกกำลังกายแอโรบิครูปแบบอื่นๆ การวิ่งนั้นเป็นเครื่องมือในการลดน้ำหนักหรือคุมน้ำหนักที่ดี
การวิจัยในปี ค.ศ.2020 จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเคนทักกี้พบว่า กลุ่มคนที่มีค่า BMI 25-35 ที่ออกกำลังกายแอโรบิค 6 วันต่อสัปดาห์ติดต่อกันนาน 12 สัปดาห์ สามารถลดไขมันได้อย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีอัตราส่วนระหว่างไขมันกับกล้ามเนื้อในระดับที่ดีต่อสุขภาพ และส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ ข้อต่อ และการควบคุมฮอร์โมนอีกด้วย
การวิ่งจะทำให้เรารู้สึกดีกับร่างกายและมีการรับรู้ถึงศักยภาพของร่างกาย ไม่ว่าตอนนี้รูปร่างจะเป็นอย่างไรก็ตาม
3. ดีต่อสุขภาพหัวใจ
เชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถดูแลสุขภาพหัวใจได้ด้วยการวิ่ง 5-10 นาทีต่อวัน อ้างอิงจากผลการวิจัยในปี ค.ศ.2014 นักวิจัยพบว่าคนที่มีค่า BMI 25-35 ที่วิ่งช้าๆ 5-10 นาทีต่อวัน จะมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจน้อยลง 45% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้วิ่งเลย
4. ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ในยุคที่มีแต่โรคระบาดนี้ เพื่อนๆ อาจมีความตระหนักในการดูแลภูมิคุ้มกันของตัวเองให้ดีตลอด ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่การออกกำลังกายทุกวันอย่างการวิ่ง สามารถไปกระตุ้นการต่อต้านอาการอักเสบในร่างกาย ซึ่งมันจะช่วยส่งเสริมระบบภูมิกันในการต้านแบคทีเรียและไวรัสในชีวิตประจำวัน มีการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายเพียงวันละ 20 นาที จะทำให้เรามีเซลล์เม็ดเลือดขาวและแอนตี้บอดี้มากขึ้นได้
และในปี ค.ศ.2011 ก็มีงานวิจัยที่พบว่าระยะเวลาในการเป็นหวัดในช่วง 12 สัปดาห์ของฤดูหนาวของคนที่ออกกำลังกายเกือบทุกวันจะสั้นลงได้ถึง 50% เลยทีเดียว
5. ช่วยในการเข้าสังคม
ในขณะที่การวิ่งเป็นการออกกำลังกายแบบส่วนตัว แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ได้รับประโยชน์ทางจิตใจจากการได้พบปะผู้คนในสังคมนักวิ่ง การวิ่งกับคนอื่นจะสามารถทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ทำให้เรามีแรงบันดาลใจและทำให้เราได้รับความสัมพันธ์ดีๆ กับครอบครัวและเพื่อนฝูง
6. ช่วยให้แก่ช้า
การวิ่งทุกวันจะช่วยให้ความแก่ตัวของเรานั้นเหมือนกับการบ่มไวน์ ทั้งยังช่วยให้อายุยืนขึ้นอีกด้วย ในปี ค.ศ.2018 มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Ball State University ชี้ให้เห็นว่าคนวัย 75 ปีทั้งชายและหญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจเทียบเท่าคนวัย 45 ปี แถมยังมีสุขภาพกล้ามเนื้อดีเทียบเท่าคนวัย 25 ปีด้วยนะ
การวิจัยนี้รวมไปถึงการวิจัยอื่นๆ พบว่าการออกกำลังกายทำให้ร่างกายดูอ่อนวัยมากขึ้น และมันไม่เคยสายเกินไปที่จะเริ่มต้นหันมาออกกำลังกาย การออกกำลังกายนั้นสามารถย้อนกลับสัญญาณแห่งการเริ่มมีริ้วรอยในกลุ่มคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
7. ทำให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น
ศูนย์ควบคุมโรคของอเมริกาคาดว่ามี 35% ของคนอเมริกานอนหลับไม่เพียงพอ ถ้าหากเพื่อนๆ เป็นคนที่นอนหลับไม่เพียงพอเหมือนกัน ก็ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคเช่นการวิ่งซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับอย่างมากเลย
สมาคมจิตวิทยาอเมริกันได้ตีพิมพ์บทความในปี ค.ศ.2014 ระบุว่าสุขภาพโดยรวมของร่างกายที่ดีขึ้นจะส่งผลทำให้นอนหลับได้ดีขึ้นไปด้วย เช่น การมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ความจำดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการมีความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน โรคอ้วนและซึมเศร้า
ผลการรีวิวทางวิทยาศาสตร์จากปี ค.ศ.2014 ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร American Journal of Lifestyle Medicine พบว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิคในกลุ่มคนวัยผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องการนอน จะช่วยเพิ่มคุณภาพในการนอนทั้งยังช่วยลดความง่วงตอนกลางวันและอาการซึมเศร้าอีกด้วย การวิ่งเป็นประจำทุกวันไม่เพียงจะช่วยให้หลับได้ดีขึ้น แต่จะส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
8. ดีต่อสุขภาพข้อต่อ
หากเพื่อนๆ เคยได้ยินว่าการวิ่งจะทำลายข้อต่อ เราก็มีหลักฐานมาโต้แย้ง เพราะการวิจัยในปี 2016 จากมหาวิทยาลัย Brigham Young โดย ดร. Robert Hyldahl พบว่าการวิ่งจะลดอาการอักเสบในโมเลกุลบริเวณข้อเข่า เนื่องจากมันช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวในข้อต่อ โดยพวกอาสาสมัครที่วิ่งออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที จะมีอาการอักเสบในข้อต่อลดลงเมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่เคยวิ่ง
สรุปได้ว่า การวิ่งจะฟื้นฟูเซลล์ภายในข้อเข่าของเรา ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือดซึ่งจะส่งสารอาหารไปยังเซลล์ เพื่อทำให้ข้อต่อมีสุขภาพที่ดีและมีอายุการใช้งานนานมากขึ้น
ที่มา : https://bit.ly/3g1mU71
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming