5 ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการว่ายน้ำ
ผู้เชี่ยวชาญเคยให้คำแนะนำไว้ว่าผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายแบบปานกลางประมาณ 150 นาที หรือออกกำลังกายหนัก 75 นาทีต่อสัปดาห์ การว่ายน้ำคือหนึ่งในวิธีที่ยอดเยี่ยมซึ่งจะช่วยให้เราได้ออกกำลังกายทั่วทั้งตัวรวมไปถึงดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การว่ายน้ำ 1 ชั่วโมงยังเผาผลาญแคลอรี่ได้เกือบจะพอๆกับการวิ่งอีกด้วยโดยที่กระดูกและข้อต่อของเราไม่ต้องเจอกับแรงกระแทก
ในบทความนี้เราได้รวมประโยชน์จากการว่ายน้ำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
1.ได้ออกกำลังกายหมดทั้งตัว
ข้อนี้ถือเป็นหนึ่งในประโยชน์ที่ดีที่สุดของการว่ายน้ำเลยทีเดียว ซึ่งผลจากการที่เราได้ออกกำลังกายทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ทำให้ร่างกายตึงเครียด , ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ , เสริมสร้างพละกำลัง , เพิ่มระดับความอึด (Endurance)
เพื่อที่จะเพิ่มความหลากหลายในการฝึกว่ายน้ำของเรา ควรใช้ท่าในการว่ายน้ำดังต่อไปนี้ในการซ้อม 1.ท่ากบ 2.ท่ากรรเชียง 3.ท่า Side Stroke 4.ท่าผีเสื้อ 5.ท่าฟรีสไตล์
แต่ละท่าจะโฟกัสการใช้กล้ามเนื้อคนละส่วนและในสระน้ำก็มีแรงต้านอ่อนๆ ไม่ว่าเราจะว่ายน้ำด้วยท่าใด เราก็จะได้ใช้กลุ่มกล้ามเนื้อเกือบทุกกลุ่มในการว่ายน้ำเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
2.ดีต่ออวัยวะภายใน
ในขณะที่กล้ามเนื้อได้รับการออกกำลังกายที่ดี ระบบหัวใจ และหลอดเลือดก็ได้รับผลดีไปด้วย การว่ายน้ำจะช่วยให้หัวใจและปอดของเราแข็งแรง นักวิจัยพบว่าการว่ายน้ำดีต่อเรามาก และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งความเสี่ยงในการเสียชีวิตจะลดลงถึง 50% สำหรับคนที่ว่ายน้ำเป็นประจำ ในบางงานวิจัยพบว่าการว่ายน้ำยังช่วยลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
3.เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ , ข้ออักเสบ และอาการอื่นๆ
การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัยสำหรับคนที่เป็นโรคไขข้อ , มีอาการบาดเจ็บ , คนพิการ และคนที่มีอาการอื่นๆที่ไม่ควรออกกำลังกายที่มีการเกิดแรงกระแทก การว่ายน้ำอาจจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหรือช่วยเร่งความเร็วในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ มีงานวิจัยค้นพบว่า การว่ายน้ำช่วยการลดอาการปวดข้อและความฝืดของคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม และพบว่ามีข้อจำกัดทางกายภาพน้อยลงหลังจากที่ได้ว่ายน้ำและปั่นจักรยาน และผลการวิจัยยังได้ข้อสรุปว่าการว่ายน้ำให้ประโยชน์ไม่ต่างจากการออกกำลังกายทางบกเลย
4.ดีต่อผู้ป่วยโรคเอ็มเอส (MS)
ผู้ป่วยโรคนี้จะได้รับประโยชน์จากการว่ายน้ำ เพราะน้ำจะทำให้แขนขาลอยน้ำคอยเป็นตัวช่วยสนับสนุนในการออกกำลังกายและน้ำก็ยังมีแรงต้านอ่อนๆอีกด้วย มีผลการวิจัยพบว่า ในการทดลองโปรแกรมการว่ายน้ำ 20 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยโรคเอ็มเอส (MS) มีอาการเจ็บป่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังมีอาการหลายอย่างที่ดีขึ้นเช่น อาการเมื่อล้า , ซึมเศร้า , อัมพาต
5.เผาผลาญแคลอรี่
การว่ายน้ำเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเผาผลาญแคลอรี่ คนที่มีน้ำหนักตัว 72.5 กิโลกรัม จะสามารถเผาผลาญพลังงานประมาณ 423 แคลอรี่ต่อการว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง โดยว่ายน้ำในเพซที่ช้าหรือธรรมดา และเขาจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ 715 แคลอรี่ต่อชั่วโมงหากว่าใช้เพซที่เร็ว
ส่วนคนที่หนัก 90.7 กิโลกรัม ถ้าทำแบบเดียวกันกับคนที่ยกตัวอย่างไว้ด้านบนนี้ เขาก็จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ 528 และ 892 แคลอรี่ตามลำดับ ส่วนคนที่มีน้ำหนัก 108 กิโลกรัม ก็จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ 632 และ 1,068 แคลอรี่ตามลำดับ
เมื่อเอาไปเทียบกับการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกน้อยชนิดอื่นๆ คนที่มีน้ำหนัก 72.5 กิโลกรัม จะสามารถเผาผลาญพลังงานจากการเดินได้ 314 แคลอรี่ หากเดินด้วยความเร็ว 5.44 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นเวลา 60 นาที ถ้าหากว่าเล่นโยคะก็จะเผาผลาญได้ 183 แคลอรี่ต่อชั่วโมง ถ้าหากใช้เครื่องเครื่อง elliptical ก็จะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 365 แคลอรี่ต่อชั่วโมง
แหล่งที่มา :
ไม่พลาดทุกกิจกรรม วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา
กด #Seefirst และ #Following กันไว้ ที่
?facebook.com/wheretorunwhentoride
ค้นหางานแข่งวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ทั่วไทย
ง่าย สะดวก พร้อมบทความสาระดีๆ ที่
?www.vrunvride.com
อัพเดท Running, Cycling,
Triathlon, Gadget, Food ได้ที่
?instragram.com/vrunvride
มาซ้อม วิ่ง ?♂ปั่น ?♂ว่าย ?♂ให้สนุกกันที่
?strava.com/clubs/vrunvride
[AD]
?บัตรเครดิต KTC ตัวจริงเรื่องกีฬา
แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15% ที่ Sports World ทุกสาขา
?
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming