เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเราจะต้องพยายามมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพ และในขณะเดียวกันเราก็ต้องยังมีความสุขอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงนั้นการลดน้ำหนักสามารถทำได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเรานั่นเอง หากใครกำลังมองหาเคล็ดลับในการกินอาหารเพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผล ลองนำ 13 นิสัยการกินที่ควรทำ ต่อไปนี้ไปปรับใช้ได้เลย
1. การแบ่งอาหารเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง
ปกติแล้วเรามักจะซื้ออาหารมาเป็นจำนวนมากเพื่อความสะดวก แต่นั่นก็จะทำให้เราต้องทานอาหารให้หมดก่อนที่จะหมดอายุด้วย จึงควรแบ่งเป็นส่วนๆไว้ล่วงหน้า เพราะถ้าไม่แบ่งไว้ก่อนเราอาจจะต้องพ่ายแพ้ให้กับความอยาก จนกินมากเกินไปนั่นเอง
2. จดบันทึกว่าเราได้ทานอะไรไปบ้าง
การได้อ่านสมุดบันทึกว่าเราเคยทานอะไรไปบ้าง มันจะช่วยเปลี่ยนมุมมองของเราในแง่ของการได้รับรู้ว่าทานอะไรไปบ้างและทานไปจำนวนเท่าไหร่ มีการวิจัยที่พบว่าคนที่มีการจดบันทึกจะสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่จดถึง 2 เท่า เพราะมันจะช่วยให้รู้ว่าว่าทานอะไรไป ซึ่งในการวิจัยนี้มีคนเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครมากถึง 17,000 คนเลยทีเดียว

3. ใส่น้ำมันและเครื่องปรุงรสอื่นๆลงในขวดสเปรย์
เพื่อนๆเคยพลาดเทน้ำมันหรือน้ำสลัดลงในจานสลัดเยอะเกินไปหรือไม่ มันจะดีกว่าหากเราใช้ขวดสเปรย์ เพราะว่าในน้ำมันหรือเครื่องปรุงจำนวน 1 ช้อนชา จะมีแคลอรี่มากถึง 100-120 แคลอรี่เลยนะ และการเอาน้ำมันใส่ขวดสเปรย์ก็ช่วยให้ฉีดลงกระทะได้ง่ายกระจายเป็นวงกว้างอีกด้วย
4. ทานอาหารให้น้อยลงกว่าปกติ 3 คำ
ยิ่งทานช้ามากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกดีมากเท่านั้น การเคี้ยวให้น้อยลงจะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ ข้อดีของวิธีนี้คือจะทำให้เรารู้ตัวว่ากำลังกินมากขึ้น และมีสติที่จะหยุดกินก่อนที่จะมากไปกว่านี้ หากเพื่อนๆใช้วิธีนี้จะช่วยลดแคลอรี่ได้มากกว่า 100 แคลต่อมื้อ ซึ่งเทียบเท่าต่อการลดน้ำหนัก 1.8 – 2.2 กก. ต่อเดือนเลยนะ
5. อาหารครึ่งจาน ควรเป็นผักนึ่งปรุงรสด้วยมะนาวหรือเครื่องเทศเผ็ดร้อน
เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องทานอาหารรสจืดเพื่อลดน้ำหนัก เราแค่ต้องเปลี่ยนเครื่องปรุงที่ไม่ดีต่อสุขภาพไปเป็นเครื่องปรุงที่ดีต่อสุขภาพแทน ก็จะทำให้อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ในเมนูผักจะมีไฟโตนิวเทรียนท์หรือสารพฤกษเคมีซึ่งเชื่อกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพและป้องกันโรคต่างๆ

6. ใส่อาหารที่ชอบลงไปด้วย
ขอย้ำอีกทีว่าอย่าตัดของชอบออกไปจากเมนู เราจะยังได้ทานของชอบต่อไปและนั่นทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา เพราะถ้าหากคนที่กำลังลดความอ้วนเกิดมีความรู้สึกว่ากำลังถูกริดรอนขึ้นมาล่ะก็ เมื่อนั้นก็คือเวลาที่พวกเขาจะล้มเลิก ดังนั้นเราควรได้ทานของชอบในปริมาณน้อยด้วย ไม่ใช่ว่าต้องตัดทิ้งไปเลย
7. หากต้องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้ใช้กฎวันเว้นวัน
โดยปกติแล้วมักจะต้องใช้กฎนี้สำหรับการควบคุมแหล่งแคลอรี่ที่เราได้รับเป็นประจำในแต่ละสัปดาห์ โดยจะให้เราได้กินสิ่งที่อยากกินในวันที่เราไม่ได้ Fasting นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำด้วยว่า หากดื่มแอลกอฮอล์จนหมดแก้ว ก็ให้ไปหาอย่างอื่นมาดื่มต่อ เช่น น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล แทนที่เราจะดื่มแอลกอฮอล์แก้วต่อไปเรื่อยๆ เราจะสามารถลดแคลอรี่ได้หลายร้อยแคล เพราะว่าเราจะไม่เมาและจะยังมีสติในการเลือกอาหารอย่างมีเหตุผลมากขึ้น นั่นก็เพราะว่าแอลกอฮอล์นั้นเป็นตัวเพิ่มความอยากอาหารนั่นเอง
8. ดื่มน้ำ 12 ออนซ์ก่อนมื้ออาหารและในระหว่างทานอาหาร
นักโภชนาการเตือนว่ามันง่ายที่เราจะเข้าใจผิดว่าความรู้สึกกระหายน้ำเป็นความรู้สึกหิว ซึ่งจะทำให้เรากินเยอะยิ่งกว่าเดิมไปอีก เราแค่ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอและถ้าต้องการหั่นเลม่อนใส่ลงไปในน้ำด้วยก็ทำได้นะ
9. อย่าทานสลัดเป็นมื้อกลางวัน
โดยปกติแล้วในเมนูสลัดมักไม่มีอาหารประเภทโปรตีนซึ่งจะช่วยให้เราอิ่มนาน การทานสลัดในช่วงกลางวันจึงจะทำให้เรารู้สึกหิว เพราะว่ามันมีแต่ผักเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง

10. ในแต่ละมื้อเราควรได้รับโปรตีน 20 กรัม
โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญในมื้ออาหาร เพราะช่วยในการซ่อมแซมเซลล์และช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยในการควบคุมฮอร์โมนอีกด้วย การทานอาหารประเภทโปรตีนจะทำให้ต้องใช้เวลาในการย่อยมากกว่าเดิม ทำให้อิ่มนานขึ้น ในขณะที่ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ นักโภชนาการบอกว่ามันจะช่วยป้องกันการทานอาหารมากเกินไปซึ่งเกิดจากความหิวและการลดลงของระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
11. ต้องมีผักใบเขียวเข้มในเมนูอาหารตลอดเวลา
ผักใบเขียวไม่เพียงแต่จะอร่อยเท่านั้น แต่ยังมีสารอาหาร , มีแคลอรี่ต่ำ , มีสารต้านอนุมูลอิสระ , ต้านอาการอักเสบ ทั้งยังสามารถใส่ลงในเมนูต่างๆ เช่น แซนวิช , สลัด , ปลา และพิซซ่า ซึ่งปรุงง่ายและเป็นวิธีลดไขมันที่ดี
12. ทานของโปรดหลังจากที่รู้สึกอิ่มแล้ว
เพื่อนๆเคยรู้สึกอยากทานของหวานหลังมื้ออาหารบ้างหรือไม่ หรืออาจจะรู้สึกอยากทานอะไรหลังมื้อกลางวันไปแล้ว แทนที่เราจะหยิบของทานเล่นขึ้นมาทานทันทีแต่ให้เราเปลี่ยนไปเป็นหยิบมาทานในตอนที่ไม่มีอารมณ์อยากทานจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเราจะทานมันมากไป
13. ใช้อบเชยในการปรุงรสหวาน
อบเชยมีรสหวานอ่อนๆและไม่มีส่วนผสมที่เป็นพิษ ทำให้เป็นเครื่องปรุงรสหวานที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้เราไม่ต้องเติมน้ำตาลและไม่ต้องเสี่ยงกับอาการอักเสบ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น การได้รับประทานอบเชยครึ่งช้อนชาต่อวัน สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ เราสามารถใส่อบเชยลงไปในเมนูต่างๆ เช่น สมูทตี้ , โยเกิร์ต , ข้าวโอ๊ต , มัฟฟิน , ป๊อปคอร์น , ซีเรียลและอื่นๆ
แหล่งที่มา : https://bit.ly/3E3ldng
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming