วันอาทิตย์, มกราคม 29, 2023
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10K ภายใน 13 สัปดาห์

Thip by Thip
31/08/2022
in Running, Training
0
โปรแกรมการฝึกวิ่ง 10K ภายใน 13 สัปดาห์
  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

หากเพื่อนๆ กำลังวางแผนที่จะลงแข่งวิ่ง 10K ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้าอยู่ล่ะก็ ลองใช้โปรแกรมฝึกวิ่งต่อไปนี้ได้เลย แม้ว่าเพื่อนๆ จะเป็นนักวิ่งมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการลงแข่งเลยก็ตาม

การวิ่ง 10K คืออะไร

การวิ่งระยะทาง 5K และ 10K จัดเป็นการแข่งวิ่งที่ได้รับความนิยมสูงมากสำหรับนักวิ่งมือใหม่ เนื่องจากเป็นระยะทางที่เหมาะกับนักวิ่งทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่กำลังจะลงแข่งวิ่งครั้งแรกในชีวิต ระยะทาง 10K เป็นระยะทางที่ต้องใช้การฝึกฝน แต่ก็ไม่ได้มีความท้าทายมากเกินไป ซึ่งต่างจากการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนหรือการวิ่งมาราธอนที่จำเป็นต้องอาศัยการฝึกซ้อมที่ทุ่มเทและท้าทายมากกว่า

สิ่งที่ควรรู้ก่อนฝึก

ข้อควรระวังด้านสุขภาพ : ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการฝึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือมีอายุมากกว่า 40 ปี , มีอาการเจ็บป่วนเรื้อรัง , มีขีดจำกัดทางร่างกาย

เริ่มจากการเดินก่อน : ให้เริ่มต้นจากการเดินแบบสบายๆสัก 1 ชั่วโมง ถ้าหากทำไม่ได้ก็ควรใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือสักเดือนในการฝึกเดินอย่างเดียว เอาสัก 3-4 วันต่อสัปดาห์ แล้วค่อยๆเพิ่มความนานจาก 60 ไปถึง 90 นาที และเมื่อเพื่อนๆสามารถเดินเร็วได้นานขนาดนี้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บอะไร ก็ถือว่าพร้อมทำตามโปรแกรมการฝึกวิ่งนี้แล้ว

จงหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ : นั่นก็คือเร่งรีบในการฝึกมากเกินไป สำหรับมือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยการวิ่งสลับกับการเดิน มันจะทำให้ร่างกายของเราค่อยๆเพิ่มระดับความฟิตขึ้นไปได้เอง จากนั้นให้สร้างพื้นฐานและควบคุมระดับความเสี่ยงที่จะทำให้เราได้รับบาดเจ็บไปเรื่อยๆ แบบนี้มันจะช่วยลดความเสี่ยงในการต้องเจ็บตัว ได้รับบาดเจ็บ และหมดกำลังใจไปในที่สุด ถึงแม้ว่าเราจะมีเทคนิคกับรองเท้าราคาแพง การวิ่งก็ยังคงเป็นกีฬาที่มีแรงกระแทกสูง และนักวิ่งต้องให้เวลามากพอที่ร่างกายจะได้ปรับตัวให้เหมาะกับการทำกิจกรรมใหม่ ไม่อย่างนั้นอาจเจอปัญหาได้

การวิ่งสลับเดินให้ถูกต้อง : ในช่วงเริ่มการฝึกเราต้องวิ่งให้ช้ามากพอ เอาแบบว่าให้มันพอรู้สึกเหนื่อย แต่ไม่ได้เหนื่อยถึงขั้นขีดสุด และอย่ารีรอที่จะเดินพักสลับกันไปด้วย ถ้าเราใช้วิธีวิ่งสลับเดินเราจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วโดยไม่ต้องหยุดวิ่งยาวๆ

เพิ่มจำนวนสัปดาห์ : โปรแกรมนี้มีช่วงเวลา 13 สัปดาห์ แต่เพื่อนๆสามารถฝึกซ้ำให้มันนานกว่านั้นได้ เพราะมันเป็นแค่ไกด์ไลน์ไม่ใช่กฎ หากรู้สึกว่าโปรแกรมฝึกนี้มันเร็วเกินก็อาจมีสัปดาห์ที่เราฝึกซ้ำสัก 1-2 สัปดาห์ มันจะดีกว่าถ้าเราฝึกนานขึ้นแทนที่จะได้รับบาดเจ็บจนต้องหยุดการฝึกไป ทั้งร่างกายและจิตใจมันต้องการเวลาในการปรับตัว อย่าไปรีบร้อน

โปรแกรมการฝึกนี้มีอะไรบ้าง

โปรแกรมนี้มีการกำหนดจำนวนวันในแต่ละสัปดาห์และระยะเวลาในการฝึกอย่างชัดเจน สิ่งที่เราต้องทำมีดังนี้คือ

  • การวอร์มอัพและการคูลดาวน์อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยและความรู้สึกสบายในการฝึก ให้เริ่มต้นการฝึกทุกครั้งด้วยการเดินเร็ว 5 นาที และหลังการฝึกก็ให้เดินอีก 5 นาทีเป็นการคูลดาวน์ และยังมีอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยให้เพื่อนๆรอดจากอาการบาดเจ็บคือ ให้วิ่งด้วยระดับความเร็วที่เราสามารถพูดไปวิ่งไปได้เท่านั้น คือต้องวิ่งไปคุยไปได้โดยไม่เหนื่อยหอบ แต่ถ้าเริ่มไม่ไหวแสดงว่าวิ่งเร็วไปต้องช้าลงอีกให้ร่างกายฟื้นตัว ให้เราวิ่งโดยใช้ 65-75% ของ Max Heart Rate หรือ เป็นคะแนน 6-7 คะแนนจากเต็ม 10
  • ฝึก Cross Training หรือไม่ก็พัก ในช่วงวันที่ไม่ต้องฝึกวิ่งให้เลือกเอาระหว่าง การพัก หรือ การฝึก Cross Training เช่น การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ โยคะ มันจะช่วยเพิ่มระดับความทรหดและเพิ่มเรี่ยวแรงให้เราได้ แต่อย่าลืมความสำคัญของการพักด้วยนะ
  • มีกฎอยู่ว่าในแต่ละสัปดาห์จะต้องมีวันที่พักเต็มที่ 1 วัน สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วมักจะพักกันในวันอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้ต้องพักวันเดียวกันทุกคนเสมอไป

จากนี้ไปคือ โปรแกรมฝึกวิ่ง 10K ภายใน 13 สัปดาห์ สำหรับมือใหม่

โปรแกรมจะมีการควบรวมการวิ่งในระดับความเข้มข้นต่ำ เช่น จ๊อกกิ้ง , การเดิน และการพัก เข้าไปด้วย ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนเพื่อนๆจะได้เริ่มต้นจากการฝึกเพียง 5-10 นาที แล้วค่อยๆเพิ่มไปจนถึง 40-50 นาทีในช่วงสัปดาห์สุดท้าย

ในแต่ละสัปดาห์ต้องมีวันพัก 1 วัน ซึ่งสำคัญต่อการฟื้นตัวมาก และอีก 3 วันที่เหลือให้เลือกเอาว่าจะพักหรือไม่ก็ฝึก Cross Training มันจะช่วยให้เราฝึกต่อไปได้โดยไม่หมดกำลังใจไปเสียก่อน

ตารางการฝึกในเดือนแรก

สิ่งที่ยากที่สุดก็คือช่วงเริ่มต้นการฝึกนี่ละ เราต้องลุกจากโซฟาออกไปเริ่มต้นการฝึกกันให้ได้ อย่าลืมเรื่องการวอร์มอัพคูลดาวน์ด้วยล่ะ

สัปดาห์ที่ 1

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 26 นาทีเท่านั้น ให้วิ่ง 1 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 7 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 30 นาที ให้วิ่ง 1 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 8 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 33 นาที ให้วิ่ง 1 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 9 รอบ

สัปดาห์ที่ 2

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 35 นาที ให้วิ่ง 2 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 5 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 31 นาที ให้วิ่ง 90 วินาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 6 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 35 นาที ให้วิ่ง 90 วินาที , จากนั้นเดิน 30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 8 รอบ

สัปดาห์ที่ 3

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 35 นาที ให้วิ่ง 2 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 6 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 2 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 8 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 2 นาที , จากนั้นเดิน 30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 10 รอบ

สัปดาห์ที่ 4

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 2 นาที , จากนั้นเดิน 30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 10 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 3 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 6 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 3 นาที , จากนั้นเดิน 30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 8 รอบ

ตารางการฝึกในเดือนที่ 2 

ยินดีด้วย ผ่านมาได้ถึง 4 สัปดาห์แล้ว และในตอนนี้ก็สามารถออกกำลังกายได้ถึง 40 นาทีแล้วนะ และก็ใช้เวลา 2 ใน 3 ไปกับการวิ่งแล้วด้วย เมื่อผ่านไปแล้ว 1 เดือนเพื่อนๆคงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างมากในแง่ของความฟิต มาฝึกต่อกันเลยดีกว่า

สัปดาห์ที่ 5

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 4 นาที , จากนั้นเดิน 90 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 6 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 4 นาที , จากนั้นเดิน 30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 8 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 45 นาที ให้วิ่ง 5 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 6 รอบ

สัปดาห์ที่ 6

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 45 นาที ให้วิ่ง 5 นาที , จากนั้นเดิน 30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 8 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 45 นาที ให้วิ่ง 7 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 4 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 45 นาที ให้วิ่ง 7 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 6 รอบ

สัปดาห์ที่ 7

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 45 นาที ให้วิ่ง 8 นาที , จากนั้นเดิน 90 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 4 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 50 นาที ให้วิ่ง 10 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 3 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 45 นาที ให้วิ่ง 10 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 3 รอบ

สัปดาห์ที่ 8

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 50 นาที ให้วิ่ง 12 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 3 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 50 นาที ให้วิ่ง 15 นาที , จากนั้นเดิน 90 วินาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 3 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 50 นาที ให้วิ่ง 20 นาที , จากนั้นเดิน 1 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 2 รอบ

ตารางการฝึกในเดือนที่ 3

จากนี้ไปจะเริ่มมีระดับความท้าทายมากขึ้น เข้มแข็งเข้าไว้ แล้วทำตามเป้าหมายให้จงได้ เรากำลังจะไปถึงจุดนั้นแล้ว!! และควรภูมิใจในตัวเอง

สัปดาห์ที่ 9

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 55 นาที ให้วิ่ง 25 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ทำซ้ำให้ได้ทั้งหมด 2 รอบ
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 50 นาที ให้วิ่ง 30 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที แล้ววิ่ง 20 นาที
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 55 นาที ให้วิ่ง 35 นาที , จากนั้นเดิน 3 นาที วิ่งต่ออีก 15 นาที

สัปดาห์ที่ 10

  • วันที่ 1 – จะฝึกทั้งหมด 50 นาที ให้วิ่ง 30 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที แล้ววิ่ง 15 นาที
  • วันที่ 2 – ฝึกทั้งหมด 55 นาที ให้วิ่ง 35 นาที , จากนั้นเดิน 3 นาที แล้ววิ่ง 10 นาที
  • วันที่ 3 – ให้วิ่ง 40 นาที

สัปดาห์ที่ 11

  • วันที่ 1 –วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 2 –วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 60 นาที ให้วิ่ง 30 นาที , จากนั้นเดิน 5 นาที แล้ววิ่ง 20 นาที

สัปดาห์ที่ 12

  • วันที่ 1 –วิ่ง 40 นาที
  • วันที่ 2 –วิ่ง 45 นาที
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 70 นาที ให้วิ่ง 35 นาที , จากนั้นเดิน 3 นาที แล้ววิ่ง 20 นาที

สัปดาห์ที่ 13

  • วันที่ 1 –วิ่ง 50 นาที
  • วันที่ 2 –วิ่ง 20นาที เดิน 2 นาที ทำให้ได้ 2 รอบ
  • วันที่ 3 – ฝึกทั้งหมด 40 นาที ให้วิ่ง 15 นาที , จากนั้นเดิน 2 นาที ให้ได้ 2 รอบ

วันสุดท้าย

  • วันลงแข่งจริงขอให้ทุกคนโชคดี

เคล็ดลับในการวิ่ง 10K สำหรับมือใหม่

ต้องฟื้นร่างกายให้ดี

1 สัปดาห์ก่อนการลงแข่งจริง ให้วิ่งระยะไกล 50 นาที แต่ในช่วง 2-3 วันก่อนลงแข่งให้พักฟื้นร่างกายไปเลย

สมัครลงแข่งล่วงหน้า

เพื่อที่จะทำให้ตัวเองฝึกอย่างต่อเนื่อง รีบไปสมัครลงแข่งล่วงหน้าให้เร็วที่สุด จะทำให้เรามีเป้าหมายในการวิ่ง แต่อย่าลืมฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไปตามตาราง

ก่อนวันลงแข่งเตรียมตัวให้พร้อม

คืนก่อนวันลงแข่ง ให้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม พยายามนอนให้ได้ 8-9 ชั่วโมงโดยไม่มีอะไรขัดจังหวะ

ตั้งเป้าหมายตามความเป็นจริง

สำหรับมือใหม่การวิ่ง 10 กม. มันยากมาก ควรตั้งเป้าไปที่การวิ่งเพื่อความสนุก โดยปกติแล้วพวกนักวิ่งที่หยุดวิ่งไปนานก็มักทำเวลาได้ 40-60 นาทีกันอยู่แล้ว เราเป็นมือใหม่จึงไม่ควรไปตั้งเป้าทำเวลาให้ได้ 45 นาทีอะไรทำนองนี้ แต่ตั้งเป้าว่าจะไปให้ถึงเส้นชัยได้แบบครบ 32 และมีรอยยิ้มอย่างมีความสุขตอนเข้าเส้นชัยก็พอ การวิ่งครั้งแรกควรวิ่งเอาความสนุกไว้ก่อน

การกำหนดเพซในการวิ่ง

ไม่ว่าเพื่อนๆจะวางแผนทำเวลา 30 หรือ 90 นาที ก็ควรมีการกำหนอดความเร็วในการวิ่งอย่างเหมาะสม กุญแจหลักคือตอนเริ่มวิ่งต้องวิ่งช้าๆ จะได้ไม่หมดแรงก่อนเวลาอันควร ในช่วงระยะทาง 20% แรกให้เราวิ่งช้ากว่าปกติไปเลย แล้วช่วงหลังค่อยวิ่งเร็ว พยายามแบ่งระยะทางเป็น 50% ช่วง 5 กม. แรกวิ่งสบายๆ แบบ Easy ส่วนช่วงท้ายค่อยเริ่มเพิ่มความเร็วทีละนิด ให้ทุกกม. ค่อยๆเร็วขึ้น และเมื่อถึงช่วงสุดท้ายจริงๆค่อยวิ่งเต็มที่ก็ได้

ทานอาหารเพื่อเพิ่มสมรรถนะ

ในวันแข่งจริงให้ทานอะไรที่มันให้พลังงานในการวิ่ง แต่ต้องไม่ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนด้วย หมายความว่าในช่วงการฝึกต้องมีการลองทานอะไรหลายๆแบบเพื่อเป็นการทดสอบ จะได้รู้ว่าเราทานอะไรได้หรือทานอันไหนไม่ได้

ฟังเสียงร่างกายด้วยนะ

นี่คือคำแนะนำที่สำคัญมากที่สุด ไม่ว่าเพื่อนๆจะไปลงแข่งหรือไม่ก็ตาม เมื่อเราเป็นมือใหม่ในการวิ่ง มันต้องมีการรอให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับแรงกระแทก และมันมักมีอาการเจ็บบ้าง แต่ถ้าหากเกิดมีอาการเจ็บหนักในระหว่างลงแข่ง ให้รีบหยุดแล้วไปพบแพทย์ แต่ถ้าเป็นแค่อาการเมื่อยล้าให้พักสักวันแล้วหยุดดูอาการ แต่ถ้าหากมันเป็นแค่แผลพุพองหรืออาการรำคาญทั่วไป ก็วิ่งต่อไปเถอะ เส้นชัยรอเราอยู่ที่เดิม อย่าไปยอมแพ้ให้กับเรื่องเล็กน้อย ขอให้ทุกคนโชคดีกับการแข่ง

แหล่งที่มา : https://bit.ly/3b9kBjZ


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

Related

Tags: 10krunningRunning PlanRunning ProgramRunning Training Planตารางซ้อมวิ่งตารางฝึกวิ่งวิ่งแผนซ้อมวิ่งแผนฝึกวิ่งโปรแกรมซ้อมวิ่งโปรแกรมฝึกวิ่ง
Previous Post

ขยายเวลาเปิดรับสมัคร เดิน-วิ่งการกุศล “45 ปีราชมงคลธัญบุรี ครอสคันทรี ฮาล์ฟมาราธอน 2021” ครั้งที่ 21

Next Post

AMAZFIT เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ GTS 4 Mini อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุด ครอบคลุมทุกการใช้งาน

Thip

Thip

Related Posts

วิธีทำเวลาวิ่งระยะทาง 10K ให้ได้ภายในเวลา 55 นาที

วิธีทำเวลาวิ่งระยะทาง 10K ให้ได้ภายในเวลา 55 นาที

29/01/2023
เราควรออกกำลังกายฝึกกลุ่มกล้ามเนื้อกี่ครั้งต่อเซ็ต

เราควรออกกำลังกายฝึกกลุ่มกล้ามเนื้อกี่ครั้งต่อเซ็ต

27/01/2023
การวิ่งช่วยลดระดับความเครียดและความกังวลได้อย่างไร

การวิ่งช่วยลดระดับความเครียดและความกังวลได้อย่างไร

13/01/2023
11 กระบวนท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งสำหรับนักวิ่ง

11 กระบวนท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งสำหรับนักวิ่ง

12/01/2023
โปรแกรมฝึกวิ่งสลับเดิน สำหรับลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน

โปรแกรมฝึกวิ่งสลับเดิน สำหรับลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน

11/01/2023
นักวิ่งจะเริ่มวิ่งได้ช้าลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นหรือไม่

นักวิ่งจะเริ่มวิ่งได้ช้าลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นหรือไม่

10/01/2023
Next Post
AMAZFIT เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ GTS 4 Mini อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุด ครอบคลุมทุกการใช้งาน

AMAZFIT เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ GTS 4 Mini อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุด ครอบคลุมทุกการใช้งาน

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 11.5k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

10 อันดับ จักรยานยอดนิยม ปี 2021 (อัปเดตล่าสุด ตุลาคม)

10 อันดับ จักรยานยอดนิยม ปี 2021 (อัปเดตล่าสุด ตุลาคม)

by Thip
30/11/2021

ท้าความตาย - งานแข่งวิ่ง Race The Train

ท้าความตาย – งานแข่งวิ่ง Race The Train

by Thip
27/09/2019

ชุดวิ่งสตรี ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณผู้หญิงได้อย่างลงตัวสุดๆ

ชุดวิ่งสตรี ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณผู้หญิงได้อย่างลงตัวสุดๆ

by VRUN VRIDE
01/09/2018

7 ไอเทมต้องมี! หากคุณอยากเป็นนักวิ่งสายชิค

7 ไอเทมต้องมี! หากคุณอยากเป็นนักวิ่งสายชิค

by VRUN VRIDE
21/10/2018

HOKA CARBON X

Hoka Carbon X “เราไม่ดีดนะ เราไหล”

by Por the Irondad
31/05/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS bike cycling Exercises Fun Run Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Smart watch workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง จักรยาน ตารางซ้อมวิ่ง ท่าออกกำลังกาย นักปั่น นักวิ่ง นักไตรกีฬา ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง ลดน้ำหนัก วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โภชนาการ ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (171)
  • Fitness & Health (337)
  • News (724)
  • Review (126)
  • Running (814)
  • Stories (201)
  • Training (319)
  • Triathlon (109)
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...