วันเสาร์, ตุลาคม 4, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Fitness & Health

โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่

thip by thip
25/11/2019
in Fitness & Health
0
โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่

Designed by mrsiraphol / Freepik

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่

น้ำมันปลาคือหนึ่งในอาหารเสริมที่เราเห็นมีวางจำหน่ายกันอยู่เป็นประจำ อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดีต่อหัวใจ , สมอง , ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้า และมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น

พวกนักวิจัยยังแนะนำว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ยังช่วยให้ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น , แต่ว่าผลการวิจัยยังไม่ออกมาเป็นเอกฉันท์และยังมีการแสดงความคิดเห็นออกมาไม่ตรงกัน

บทความนี้จะกล่าวถึงหลักฐานในปัจจุบันว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลาจะสามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่

กรดไขมันโอเมก้า 3 คืออะไร?

โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่
Designed by lifeforstock / Freepik

กรดไขมันโอเมก้า 3 คือหนึ่งในบรรดาไขมันที่ดีต่อสุขภาพของมนุษย์ โอเมก้า 3 มีอยู่ 2-3 ชนิด แต่จะมีอยู่ 2 กลุ่มที่มีความสำคัญมาก

1.โอเมก้า 3 ที่มีความจำเป็น : กรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก (ALA) ถือเป็นโอเมก้า 3 ชนิดเดียวที่มีความจำเป็น สามารถพบได้ในพืชหลายชนิด เช่น วอลนัท , เมล็ดป่าน , เมล็ดเชีย , เมล็ดแฟลกซ์ ซึ่งอาหารเหล่านี้ถือว่าอุดมไปด้วยไขมันมากที่สุดแล้ว
2.กรดไขมันโอเมกา 3 สายโซ่ยาว : จะมีอยู่สองชนิดคือกรดไขมันอีพีเอ (EPA) , กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) สามารถพบได้ในไขมันปลาหรือปลาที่มีไขมัน แต่ก็ยังพบได้ในอาหารทะเล , สาหร่ายทะเล

กรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก หรือ ALA ถือว่ามีความสำคัญต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ นั่นหมายความว่าต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

ส่วน EPA กับ DHA ในทางเทคนิคแล้วไม่ได้มีความสำคัญ เพราะร่างกายของเราสามารถผลิตพวกมันได้โดยใช้ ALA

แต่อย่างไรก็ตามร่างกายของเราก็ยังมีการผลิต EPA และ DHA ได้ไม่เพียงพอ เพราะว่ามันจะผลิตได้แค่ 2-10% จากจำนวน ALA ที่เราได้รับเข้ามา

ด้วยเหตุผลนี้เองผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพหลายคนจึงแนะนำให้เราได้รับ EPA และ DHA ในปริมาณ 200–300 กรัมต่อวัน โดยเราแค่ต้องทานปลาที่มีไขมันสองครั้งต่อสัปดาห์ หรือไม่ก็ให้ซื้ออาหารเสริมไปเลย

EPA และ DHA มีส่วนร่วมในระบบการทำงานที่สำคัญของร่างกายเป็นจำนวนมาก และมีหน้าที่สำคัญในการเติบโตและการทำงานของสมองกับดวงตาอีกด้วย

การวิจัยพบว่าการได้รับ EPA และ DHA อย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันอาการอักเสบ , โรคซึมเศร้า , มะเร็งเต้านม , โรคสมาธิสั้นเป็นต้น

น้ำมันปลาอาจช่วยในการลดความหิวและความอยากอาหาร

Designed by tirachardz / Freepik

กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้หลายทาง อย่างแรกเลยคือช่วยในการลดความหิวและความอยากอาหาร ซึ่งมันมีประโยขน์กับคนที่กำลังไดเอทเพื่อลดน้ำหนักซึ่งบางครั้งมันจะทำให้เกิดความหิวเพิ่มขึ้นอย่างมาก

  • มีอยู่หนึ่งงานวิจัย โดยมีอาสาสมัครเป็นกลุ่มคนสุขภาพดีที่กำลังลดน้ำหนัก อาสาสมัครจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่ได้รับโอเมก้า 3 น้อยกว่า 0.3 กรัมต่อวัน และกลุ่มที่ได้รับมากกว่า 1.3 กรัมต่อวัน พบว่ากลุ่มที่สองจะรู้สึกอิ่มหลังอาหารไปนานถึง 2 ชั่วโมง

แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกิดกับทุกคน

  • มีอีกงานวิจัยที่มีอาสาสมัครเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่ไม่ได้มีการไดเอท โดยมีการแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่ได้รับโอเมก้า 3 จำนวน 5 กรัมต่อวัน กับอีกกลุ่มที่ได้รับยาหลอก , ปรากฎว่ากลุ่มที่ได้รับไขมันปลารู้สึกว่าอิ่มน้อยลง 20% หลังทานอาหารเช้าแบบมาตราฐาน แถมยังมีความรู้สึกอยากทานอาหารมากขึ้น 28%
  • มีหลายงานวิจัยกับผู้ป่วยมะเร็งหรือโรคไตวาย พบว่ากลุ่มที่ได้รับน้ำมันปลากลับมีความรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอก

และที่น่าสนใจคือมีอยู่หนึ่งการวิจัยพบว่าโอเมก้า 3 จะไปเพิ่มฮอร์โมนแห่งความอิ่มในกลุ่มคนที่เป็นโรคอ้วน แต่จะไปลดฮอร์โมนแห่งความอิ่มในกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็นโรคอ้วน

ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับระดับสุขภาพและการไดเอทของแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตามก็ควรที่จะมีการศึกษาและวิจัยให้ละเอียดมากกว่านี้

น้ำมันปลาอาจช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน

โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่
Designed by jcomp / Freepik

เราสามารถวัดระดับกระบวนการเมตาบอลิซึมได้โดยดูจากอัตราการเผาผลาญพลังงานของเรา ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดว่าในแต่ละวันเราจะเผาผลาญพลังงานไปกี่แคลอรี่

ยิ่งเรามีอัตราการเผาผลาญพลังงานสูงเราก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มากและลดน้ำหนักหรือป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มได้ง่ายขึ้น

  • มีหนึ่งงานวิจัยเล็กๆรายงานว่าเมื่อให้อาสาสมัครที่เป็นคนสุขภาพดีและพึ่งจะเข้าสู่วัยกลางคนได้รับน้ำมันปลา 6 กรัมต่อวันเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์จะทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น 3.8%
  • อีกงานวิจัยหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงสูงอายุที่มีสุขภาพดี ซึ่งได้รับน้ำมันปลา 3 กรัมต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่ามีอัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น 5.3%

ส่วนใหญ่แล้วงานวิจัยพวกนี้จะพบว่าไขมันปลาช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานแถมยังพบว่ายังทำให้มีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น , กล้ามเนื้อสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าไขมัน ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มอาสาสมัครมีอัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มมากขึ้น

แต่ไม่ใช่ว่าทุกการวิจัยที่จะมาคอยสังเกตในเรื่องนี้ และก็ยังควรที่จะมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานจากการทานน้ำมันปลาให้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก

น้ำมันปลาอาจช่วยส่งเสริมผลลัพธ์จากการออกกำลังกาย

Designed by Freepik

น้ำมันปลาอาจจะไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานเพียงอย่างเดียว มีการวิจัยที่พบว่าการทานน้ำมันปลาจะไปเพิ่มปริมาณแคลอรี่และปริมาณการเผาไขมันระหว่างการออกกำลังกาย

นักวิจัยเชื่อว่ามันเกิดขึ้นเพราะน้ำมันปลาช่วยให้เราสลับจากการใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานไปเป็นการใช้ไขมันเป็นพลังงานในระหว่างการออกกำลังกายแทน

  • มีหนึ่งงานวิจัยที่รายงานว่าเมื่อให้อาสาสมัครที่เป็นผู้หญิงได้รับไขมันปลา 3 กรัมต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ จะทำให้เผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น 10% และเผาผลาญไขมันมากขึ้น 19-27% จากการออกกำลังกาย

การค้นพบนี้ช่วยอธิบายว่าทำไมในบางงานวิจัยถึงได้พบว่าการทานน้ำมันปลาควบคู่กับการออกกำลังกาย จึงได้เพิ่มประสิทธิภาพในการลดไขมันในร่างกายมากกว่าการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางงานวิจัยที่รายงานว่าน้ำมันปลาไม่ได้ส่งผลให้ร่างกายสลับไปใช้ไขมันเป็นพลังงานแต่อย่างใด จึงยังคงต้องมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ละเอียดมากขึ้นไปอีก

น้ำมันปลาอาจช่วยในการลดไขมันและรอบเอว

โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่
Designed by Freepik

ถึงแม้ว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 จะไม่ได้ช่วยคนบางคนในการลดน้ำหนัก แต่มันก็ยังช่วยในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและช่วยลดไขมันในร่างกายได้อยู่ดี

บางครั้งการชั่งน้ำหนักก็อาจสร้างความเข้าใจผิดได้ เพราะน้ำหนักมันอาจจะยังคงเท่าเดิมเมื่อเรามีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นและมีไขมันลดลง

นั่นเพราะว่าพวกคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนักมักจะถูกแนะนำให้วัดรอบเอวหรือวัดปริมาณไขมันในร่างกายเป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อวัดความคืบหน้าแทนที่จะให้ดูกันที่อัตราส่วนเพียงอย่างเดียว

การใช้น้ำหนักตัวในการวัดความคืบหน้าในการเผาผลาญไขมันเป็นตัวช่วยอธิบายว่า ทำไมบางงานวิจัยถึงได้ล้มเหลวในการค้นหาผลลัพธ์เรื่องการช่วยลดน้ำหนักของกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่อย่างไรก็ตามการวิจัยที่มีความแม่นยำในการวัดปริมาณการเผาผลาญไขมันมากกว่านั้นจะพบผลลัพธ์ที่ต่างออกไป

  • ยกตัวอย่างเช่น มีอยู่หนึ่งงานวิจัยที่มีอาสาสมัครเข้าร่วม 44 คน โดยกลุ่มที่ได้รับไขมันปลา 4 กรัมต่อวันกลับลดน้ำหนักได้น้อยกว่าอาสาสมัครอีกกลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ได้รับน้ำมันปลาสามารถลดไขมันในร่างกายไปได้ 1.1 ปอนด์หรือ 0.5 กิโลกรัม แต่มีการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อมากกว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอกเป็นจำนวน 1.1 ปอนด์ (0.5 กิโลกรัม)
  • มีอยู่อีกหนึ่งงานวิจัยที่ให้ผู้ใหญ่สุขภาพดี 6 คนมาเป็นอาสาสมัคร โดยจะมีการเอาไขมันในอาหารออกไป 6 กรัม แล้วเอากรดไขมันปลา 6 กรัมใส่เข้ามาแทน ทำอย่างนี้ทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ พบว่าพวกเขาไม่ได้ลดน้ำหนักมากกว่าเดิม แต่กลับมีการเผาผลาญไขมันมากกว่าเดิม
  • มีอีกหนึ่งงานวิจัยที่ได้ผลลัพธ์คล้ายกัน โดยมีการเฝ้าดูอาสาสมัครที่ได้รับน้ำมันปลา 3 กรัมต่อวัน พบว่าสามารถลดมวลไขมันได้ได้ถึง 1.3 ปอนด์ (0.6 กิโลกรัม) เมื่อเทียบกับอาสาสมัครกลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่อย่างไรก็ตามผลที่ออกมาพบว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวแต่อย่างใด

อ้างอิงข้อมูลจากการรีวิวผลลัพธ์จากงานวิจัย 21 งาน สรุปได้ว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับโอเมก้า 3 จะไม่สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่อย่างไรก็ตามกลับพบว่าพวกเขามีรอบเอวที่ลดลง และมีสัดส่วนของเอวและสะโพกที่ดีขึ้น

ดังนั้นนั้นปลาอาจจะไม่ได้ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่มันจะช่วยให้ลดไขมันรอบเอวได้ง่ายกว่าเดิม ช่วยให้เราได้ใส่เสื้อผ้าเบอร์เล็กลง

ปริมาณที่เหมาะสมและข้อควรระวังในการทานน้ำมันปลา

โอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้หรือไม่
Designed by whatwolf / Freepik

ในบรรดาผลการวิจัยใหม่ๆเกี่ยวกับผลลัพธ์ทางด้านบวกที่น้ำมันปลาช่วยในการลดน้ำหนักหรือลดไขมันนั้น มีการให้อาสาสมัครบริโภคไขมันปลา 300-3,000 กรัมต่อวัน

อ้างอิงข้อมูลจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) พบว่า การได้รับน้ำมันปลาในระดับที่ปลอดภัยคือไม่เกิน 3,000 กรัมต่อวัน อย่าให้เกินกว่านั้น

แต่อย่างไรก็ตามองค์การความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป (EFSA) ซึ่งเป็นองค์กรที่เทียบเท่ากับองค์การอาหารและยาแห่งยุโรปได้พิจารณาว่า การได้รับน้ำมันปลา 5,000 กรัมต่อวันถือว่าปลอดภัย

และอย่าลืมว่าโอเมก้า 3 อาจจะทำให้คนบางคนมีอาการโลหิตจาง และอาจทำให้คนบางคนเลือดไหลมากขึ้นกว่าเดิม

หากใครที่กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องรับประทานยาเจือจางเลือด ก็ควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อนที่จะเริ่มทานอาหารเสริมโอเมก้า 3

นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องประเภทของน้ำมันปลา (อาหารเสริม) ที่เรารับประทานด้วย เพราะน้ำมันปลาบางประเภทมีวิตามินเอ ซึ่งหากสะสมมากๆจะกลายเป็นพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับสตรีมีครรภ์และเด็กในท้อง ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) เป็นต้น

และสุดท้ายนี้เราต้องใส่ใจกับส่วนประกอบของน้ำมันปลาที่เราซื้อมาให้ดี น่าเสียดายที่บางยี่ห้อไม่ค่อยจะมีน้ำมันปลา , EPA หรือ DHA ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ของปลอมเหล่านี้ให้ดี ควรเลือกซื้อน้ำมันปลาที่ถูกตรวจสอบโดยบุคคลที่สามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโอเมก้า 3  , ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี EPA และ DHA อย่างน้อย 50% ยกตัวอย่างเช่นมี EPA และ DHA อย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อน้ำมันปลา 1,000 มิลลิกรัม

บทสรุปส่งท้าย

กรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลามีประโยชน์ทางสุขภาพมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการช่วยในการลดน้ำหนัก และที่สำคัญกว่านั้นกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยลดรอบเอวได้หลายนิ้วและช่วยในการเผาผลาญไขมัน

แต่อย่างไรก็ตามผลการวิจัยพบว่าผลลัพธ์พวกนี้มันอยู่ในระดับล่างๆ และอาจใช้ไม่ได้ผลกับคนทุกคนด้วย

โดยรวมแล้วกรดไขมันโอเมก้า 3 จะส่งผลดีมากที่สุดเมื่อมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบไลฟ์สไตล์เช่น การทานอาหารที่ถูกต้องและการออกกำลังกายเป็นประจำ

ที่มา : https://bit.ly/379NGF1


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: Burn FatDietFish OilLoss WeightOmega 3weight lossน้ำมันปลาประโยชน์ของโอเมก้าลดความอ้วนลดน้ำหนักลดไขมันอาหารลดน้ำหนักโอเมก้า 3ไดเอท
Previous Post

adidas UltraBOOST 2019 Winter Running Collection โฉมใหม่ต้อนรับฤดูหนาว

Next Post

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน Advanced 1

thip

thip

Related Posts

การทํา ICSI คือทางเลือกที่เป็นความหวังของคู่รัก 35 ปีขึ้นไป

การทํา ICSI คือทางเลือกที่เป็นความหวังของคู่รัก 35 ปีขึ้นไป

22/08/2025
รวมข้อควรรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มครั้งแรก ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร

รวมข้อควรรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มครั้งแรก

28/07/2025
เบี้ยประกันสุขภาพรายปีควรอยู่ที่กี่เปอร์เซนต์ของรายรับ ?

เบี้ยประกันสุขภาพรายปี ควรอยู่ที่กี่เปอร์เซนต์ของรายรับ ?

05/07/2025
5 เคล็ดลับการใช้สเปรย์น้ำแร่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

5 เคล็ดลับการใช้สเปรย์น้ำแร่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

05/07/2025
วางแผนชีวิตผู้หญิงยุคใหม่ด้วยแพ็กเกจแช่แข็งไข่ !

วางแผนชีวิตผู้หญิงยุคใหม่ด้วยแพ็กเกจแช่แข็งไข่ !

27/06/2025
5 ประโยชน์ของการจัดเรียงไขมันใต้ตา เพื่อดวงตาที่สดใส

5 ประโยชน์ของการจัดเรียงไขมันใต้ตา เพื่อดวงตาที่สดใส

27/06/2025
Next Post
โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน Advanced 1

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน Advanced 1

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 41.4k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

REV RUNNR อัพเดทรองเท้าวิ่งสุดปังต้อนรับครึ่งปีหลังกับ Fall Winter 2019 ที่สาวกนักวิ่งห้ามพลาด!

REV RUNNR อัพเดทรองเท้าวิ่งสุดปังต้อนรับครึ่งปีหลังกับ Fall Winter 2019 ที่สาวกนักวิ่งห้ามพลาด!

by VRUN VRIDE
09/09/2019

10 วิธีง่ายๆที่จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย

10 วิธีง่ายๆที่จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย

by thip
07/06/2019

คู่มือการวิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น (ตอนที่ 1)

คู่มือการวิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น (ตอนที่ 1)

by thip
12/01/2021

ประโยชน์และผลข้างเคียงของวิตามิน B รวม

ประโยชน์และผลข้างเคียงของวิตามิน B รวม

by thip
22/02/2020

10 อันดับรองเท้าวิ่งยอดนิยมในปี 2020 (อัปเดตล่าสุด เดือนพฤษภาคม)

10 อันดับรองเท้าวิ่งยอดนิยมในปี 2020 (อัปเดตล่าสุด เดือนพฤษภาคม)

by thip
31/05/2020

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (173)
  • Fitness & Health (377)
  • News (894)
  • Review (126)
  • Running (954)
  • Stories (201)
  • Training (474)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี