วันพุธ, ตุลาคม 15, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Fitness & Health

ลดน้ำหนักเร็วเกินไป มีผลเสียยังไงบ้าง?

ลดน้ำหนักแบบไหนที่เรียกว่าเร็วเกินไป และผลเสียของการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมีอะไรบ้าง

thip by thip
21/08/2019
in Fitness & Health
0
ลดน้ำหนักเร็วเกินไป มีผลเสียยังไงบ้าง?
  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

ลดน้ำหนักเร็วเกินไป มีผลเสียยังไงบ้าง?

การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจะส่งผลเสียอะไรหรือไม่ ?

การลดน้ำหนักให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่เพื่อนๆหลายคนก็คงเคยได้รับข้อมูลมาว่า เราควรลดน้ำหนักอย่างช้าๆและต่อเนื่อง นั่นเพราะผลการวิจัยส่วนใหญ่พบว่า คนที่ลดน้ำหนักช้าจะสามารถรักษาผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักเอาไว้ได้ในระยะยาว และการลดน้ำหนักช้าจะมีความเสี่ยงทางด้านสุขภาพน้อยกว่าการลดน้ำหนักที่เป็นไปอย่างรวดเร็วเกินไป

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ก็มีผลการวิจัยใหม่ออกมาอีก พบว่าการลดน้ำหนักเร็วนั้นดีและปลอดภัย พอๆกันกับการลดน้ำหนักช้า

สรุปว่า.. การลดน้ำหนักเร็วไม่ดีกับเราจริงหรือไม่? ในบทความนี้จะเจาะลึกไปที่ผลการวิจัยเพื่อค้นหาความจริงกัน

แบบไหนถึงจะเรียกว่าลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

การลดน้ำหนัก 0.45–0.9 กก./สัปดาห์ นั้นดีต่อสุขภาพและมีความปลอดภัย การลดน้ำหนักมากกว่านี้จะถือว่าเร็วเกินไป และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพหลายอย่าง เช่น การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ , โรคนิ่ว , การขาดสารอาหาร และมีอัตราการเผาผลาญพลังงานต่ำลง (อ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก )

วิธีทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว คือการออกกำลังกายเยอะๆ , และใช้วิธีไดเอทแบบ Crash Diet หรือลดแคลอรี่เป็นจำนวนมาก วันหนึ่งจะทานอาหารให้ได้แคลอรี่น้อยกว่า 800 แคล (ซึ่งวิธีไดเอทดังกล่าวนั้นไม่ดี เมื่อเลิกทำก็จะเจอโยโย่)

แต่คนส่วนใหญ่มักเลือกวิธีลดแคลอรี่ เพราะว่ามันง่ายกว่าการออกกำลังกาย!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพึ่งจะเริ่มใช้แผนการไดเอทดังกล่าวหรือพึ่งเริ่มออกกำลังกาย ก็เป็นเรื่องปกติถ้าหากในสัปดาห์แรกเราจะสามารถลดน้ำหนักได้ 2 ปอนด์หรือ 0.9 กก.

ในช่วงแรกนี้การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องปกติ และน้ำหนักที่หายไปในช่วงนี้ก็มักจะถูกเรียกว่า “Water weight”

เมื่อเรารับแคลอรี่น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวัน , ร่างกายจะเริ่มเอาไกลโคเจนออกมาใช้ ซึ่งในขณะที่ร่างกายเผาผลาญไกลโคเจนร่างกายจะมีการขับน้ำออกมาด้วย

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์แรก และเมื่อร่างกายเอาไกลโคเจนมาใช้จนหมดแล้ว ความเร็วในการลดน้ำหนักของเราก็จะเริ่มคงที่ ประมาณ 1-2 ปอนด์ หรือ 0.45–0.9 กก./สัปดาห์

เราสามารถรักษาความเร็วของการลดน้ำหนักเอาไว้ได้หรือไม่

ขั้นตอนการลดน้ำหนักเป็นแค่เพียงครึ่งนึงของการต่อสู้เท่านั้น อีกครึ่งนึงที่เหลือคือการรักษามันเอาไว้

คนส่วนใหญ่ที่ลดน้ำหนักด้วยการไดเอท จะมีน้ำหนักเพิ่มกลับมาครึ่งนึงของที่สามารถลดไปได้ หลังจากที่ผ่านไปแล้ว 1 ปี และที่แย่กว่านั้นคือ กลับมามีน้ำหนักเท่าเดิมอีกใน 3-5 ปีข้างหน้า

นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ค่อยๆลดน้ำหนักด้วยความเร็วคงที่ เกือบทุกงานวิจัยค้นพบว่า คนที่ลดน้ำหนักช้าๆ แต่มีความเร็วคงที่ จะสามารถรักษาผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักเอาไว้ได้ในระยะยาว

นอกจากนี้โปรแกรมการลดน้ำหนักช้า ยังช่วยเสริมสร้างรูปแบบการทานอาหารสุขภาพอีกด้วย เช่น ทานผักผลไม้มากขึ้น และดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยลง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้จะดีต่อการรักษาผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักเอาไว้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม มีอยู่หลายงานวิจัยที่พบว่า การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพพอๆกับการลดน้ำหนักช้าๆ แม้ว่าจะเป็นในระยะยาวก็ตาม

มีอยู่หนึ่งงานวิจัย อาสาสมัครจำนวน 103 คนที่ใช้วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และมีอีก 97 คนที่ใช้วิธีลดน้ำหนักอย่างช้าๆแต่ต่อเนื่องเป็นเวลา 36 สัปดาห์

เกือบสามปีผ่านไป อาสาสมัครเกือบ 70% กลับมามีน้ำหนักเท่าเดิม หมายความว่าทั้งสองวิธีนี้มันมีประสิทธิภาพเท่ากัน

กลุ่มอาสาสมัครที่ใช้วิธีลดน้ำหนักเร็ว ได้รับการดูแลโดยแพทย์และนักโภชนาการตลอดทั้งช่วงการลดน้ำหนักและช่วงการรักษาน้ำหนักให้คงที่ การวิจัยพบว่าการลดน้ำหนักโดยมีแพทย์และนักโภชนาการคอยดูแลจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

นอกจากนี้แพทย์และนักโภชนาการยังคอยช่วยลดความเสี่ยงในการมีปัญหาทางด้านสุขภาพจากการลดน้ำหนักที่มีการลดแคลอรี่อีกด้วย ซึ่งมีความเสี่ยงดังนี้คือ มีการสูญเสียมวลไขมัน , ขาดสารอาหาร และโรคนิ่ว

กลุ่มคนที่พยายามใช้วิธีลดน้ำหนักแบบนี้ โดยไม่มีแพทย์และนักโภชนาการคอยดูแลจะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

สรุปสั้นๆว่า เราสามารถลดน้ำหนักและรักษาผลลัพธ์เอาไว้ได้หากใช้วิธีลดน้ำหนักช้า มันจะช่วยสร้างนิสัยการกินใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ , เป็นวิธีการที่ปลอดภัยกว่าการลดน้ำหนักเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล

ความเสี่ยงของการลดน้ำหนักเร็วเกินไป

แม้ว่าการลดน้ำหนักเร็วจะเป็นอะไรที่ล่อใจเรามากก็ตาม แต่ก็ขอแนะนำว่าไม่ควรทำ!!

รูปแบบการไดเอทที่ทำให้น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว มักจะมีการรับแคลอรี่ต่ำและมีการได้รับสารอาหารน้อย ซึ่งอาจทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราลดน้ำหนักเร็วต่อเนื่องหลายสัปดาห์ และจากนี้ไปคือความเสี่ยงจากการลดน้ำหนักที่เร็วเกินไป

การลดน้ำหนักเร็วเกินไป : จะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ

การลดน้ำหนักนั้นมันไม่เหมือนการลดไขมัน

แม้ว่าการลดแคลอรี่จะทำให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็วก็ตาม แต่การสูญเสียน้ำหนักอาจเกิดจากการสูญเสียกล้ามเนื้อและน้ำไปด้วย

มีอยู่หนึ่งงานวิจัยที่ให้อาสาสมัคร 25 คน ทานอาหารวันละ 500 แคลอรี่ต่อวัน เป็นเวลา 5 สัปดาห์ และมีอีก 22 คนที่ทานอาหารวันละ 1,250 แคลอรี่ต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์

หลังการวิจัยพบว่าทั้งสองกลุ่มสามารถลดน้ำหนักได้เท่ากัน แต่กลุ่มแรกสูญเสียมวลกล้ามเนื้อมากกว่ากลุ่มที่สองถึง 6 เท่า!

การลดน้ำหนักเร็วเกินไป : อาจลดอัตราการเผาผลาญพลังงานของเรา

อัตราการเผาผลาญพลังงานของเรา จะเป็นตัวกำหนดว่าร่างกายจะเผาผลาญพลังงานวันละกี่แคลอรี่ หากอัตราการเผาผลาญช้าลง ก็จะทำให้มีการเผาผลาญแคลอรี่ลดลงไปด้วยเช่นกัน

มีหลายงานวิจัยที่พบว่าการลดน้ำหนักด้วยการรับแคลอรี่น้อยลงสามารถลดอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายได้มากถึง 23%

โดยมีสองสาเหตุก็คือ เกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ และมีการลดลงของฮอร์โมน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอัตราการเผาผลาญ เช่น Thyroid hormone เป็นต้น

และโชคร้ายหน่อยนะ ที่อัตราการเผาผลาญที่ลดลงจะยังคงอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าเราจะเลิกการไดเอทไปแล้วก็ตาม

การลดน้ำหนักเร็วเกินไป : อาจทำให้เกิดการขาดสารอาหาร

เป็นเพราะการลดแคลอรี่จะทำให้ต้องทานอาหารน้อยลง จนทำให้ยากแก่การได้รับสารอาหารสำคัญ เช่น ธาตุเหล็ก , โฟเลต และวิตามิน B12

ผลที่ตามมาจากการขาดสารอาหารมีดังนี้คือ

  • อาการผมร่วง : เมื่อเราได้รับแคลอรี่น้อยเกินไป ร่างกายจะไม่มีสารอาหารสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผม , ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการผมร่วง
  • มีอาการเมื่อยล้าอ่อนแรงอย่างมาก : เราอาจได้รับธาตุเหล็ก , วิตามิน B12 และกรดโฟเลต น้อยเกินไป , ซึ่งอาจทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเหนื่อยล้าแบบสุดๆและโลหิตจาง
  • ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี : การไม่ได้รับแคลอรี่และสารอาหารมากเพียงพอ อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • กระดูกอ่อนแอและเปราะ : เป็นผลจากการขาดวิตามิน D , แคลเซียมและฟอสฟอรัส

อย่างไรก็ตามเราสามารถหลีกเลี่ยงการขาดสารอาหารได้ ด้วยการทานอาหารแบบ Whole food , อาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง อาหารเหล่านี้จะมีแคลอรี่/กรัม น้อยกว่า แถมยังทานแล้วอิ่มใช้ได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

การลดน้ำหนักเร็วเกินไป : อาจทำให้เป็นโรคนิ่ว

โรคนิ่วเป็นผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการลดน้ำหนักเร็วเกินไป โดยปกติแล้วถุงน้ำดีจะหลั่งสารเหลวสำหรับช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน เพื่อให้มันสามารถถูกย่อยได้ ถ้าเราทานอาหารไม่มากพอถุงน้ำดีก็จะไม่จำเป็นต้องหลั่งสารเหลวนี้

นิ่วก็จะเกิดขึ้นได้เมื่อสารเหลวนี้ไม่ถูกหลั่งออกมา และอยู่นิ่งๆเป็นเวลานาน จนมีเวลาก่อตัวกลายเป็นก้อนนิ่วนั่นเองแถมก้อนนิ่วยังสามารถติดอยู่ในถุงน้ำดีได้ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีอาการอาหารไม่ย่อย

ผลข้างเคียงอื่นๆ

การลดน้ำหนักเร็วด้วยวิธีไดเอทแบบ Crash Diet หรือได้รับแคลอรี่น้อยเกินไป มีความเชื่อมโยงกับผลข้างเคียงดังนี้

– ความหิว

– ความเมื่อยล้า

– อาการหงุดหงิด

– ความรู้สึกหนาว

– ปวดกล้ามเนื้อ

– อาการเวียนหัว

– ท้องผูกหรือท้องเสีย

– ภาวะขาดน้ำ

เคล็ดลับที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ลดน้ำหนักได้ในระดับความเร็วที่มีต่อสุขภาพ

แม้ว่าการค่อยๆลดน้ำหนักนั้นดูไม่ค่อยยั่วยวนใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังมีวิธีช่วยเร่งความเร็วที่ปลอดภัยอยู่

1. ทานโปรตีนให้มากขึ้น : มื้ออาหารที่มีโปรตีนจำนวนมากจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ช่วยให้อิ่มมากขึ้นนานขึ้นและช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ

2. ลดน้ำตาลและแป้ง : งานวิจัยค้นพบว่า กลุ่มคนที่ทานอาหารแบบโลว์คาร์บจะลดน้ำหนักได้มากกว่า การลดแป้งและน้ำตาลจะช่วยลดปริมาณการรับประทานคาร์โบไฮเดรตได้

3. ทานช้าๆ : การค่อยๆเคี้ยวอาหารจนละเอียด จะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มขึ้นได้และทานน้อยลงด้วย

4. ดื่มชาเขียวหรือชาอู่หลง : การวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 4-5% , และเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันถึง 17%

5. พักผ่อนให้เยอะๆ : การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเกรลินมากขึ้น ซึ่งมันเป็นฮอร์โมนแห่งความหิว และการนอนน้อยยังลดปริมาณฮอร์โมนเลบติน , ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความอิ่ม หมายความว่าการนอนน้อยจะทำให้หิวมากขึ้น จึงทำให้ลดน้ำหนักยากขึ้นนั่นเอง

6. ลองฝึก Resistance training : การฝึก Resistance training หรือการยกน้ำหนัก จะช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและป้องกันไม่ให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการลดน้ำหนัก

7. การออกกำลังกายที่มีระดับความเข้มข้นสูง : การออกกำลังกายแบบ HIIT มีความต่างจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ คือหลังจากหยุดออกกำลังกายไปแล้ว ร่างกายจะยังคงเผาผลาญพลังงานต่อไป

8. ทานอาหารที่มีไฟเบอร์แบบละลายน้ำ : การวิจัยพบว่าไฟเบอร์แบบละลายน้ำช่วยเผาไขมันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไขมันหน้าท้อง

บทสรุปส่งท้าย

  • หากต้องการลดน้ำหนักและรักษาผลลัพธ์เอาไว้ , ควรตั้งเป้าลดน้ำหนักแบบช้าๆ แต่ต่อเนื่อง เอาให้ได้ประมาณ 0.45–0.9 กก./สัปดาห์
  • การวิจัยพบว่าหากใช้วิธีนี้ก็จะรักษาผลลัพธ์จากการลดน้ำหนักเอาไว้ได้ในระยะยาว เพราะมันจะช่วยฝึกเราให้เปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร และมีความปลอดภัยมากกว่าการลดน้ำหนักเร็ว
  • การลดน้ำหนักเร็วมีความเสี่ยงที่จะทำให้เราสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ , มีอัตราการเผาผลาญพลังงานลดลง , ขาดสารอาหาร , เป็นนิ่ว และมีปัญหาทางสุขภาพอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราลดน้ำหนักเร็วโดยที่ไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์
  • แม้ว่าการลดน้ำหนักช้ามันจะไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับการลดน้ำหนักเร็ว แต่ก็มีหลายวิธีที่จะช่วยเร่งความเร็วและเป็นวิธีที่ปลอดภัย เช่น การเพิ่มอาหารประเภทโปรตีน , การลดแป้งและน้ำตาล และการดื่มชาเขียวให้มากขึ้น
  • การค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย จะช่วยให้เราลดน้ำหนัก และช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักขึ้นได้อีกในระยะยาว

ที่มา :


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
? ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
[AD]
แจกจริง แจกหนัก GARMIN, SUUNTO, FITBIT 122 วัน 122 เรือน
เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC คลิก bit.ly/ฺBNC122

.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: Diet้healthyLoss Weightลดความอ้วนลดน้ำหนักสุขภาพ
Previous Post

ท้าความตาย : งานแข่งวิ่ง Grand to Grand Ultra – สหรัฐอเมริกา

Next Post

คุณยายวัย 103 ปี กับชัยชนะจากการวิ่งจนทำให้ได้รับฉายาว่า ‘Hurricane’

thip

thip

Related Posts

การทํา ICSI คือทางเลือกที่เป็นความหวังของคู่รัก 35 ปีขึ้นไป

การทํา ICSI คือทางเลือกที่เป็นความหวังของคู่รัก 35 ปีขึ้นไป

22/08/2025
รวมข้อควรรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มครั้งแรก ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร

รวมข้อควรรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มครั้งแรก

28/07/2025
เบี้ยประกันสุขภาพรายปีควรอยู่ที่กี่เปอร์เซนต์ของรายรับ ?

เบี้ยประกันสุขภาพรายปี ควรอยู่ที่กี่เปอร์เซนต์ของรายรับ ?

05/07/2025
5 เคล็ดลับการใช้สเปรย์น้ำแร่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

5 เคล็ดลับการใช้สเปรย์น้ำแร่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

05/07/2025
วางแผนชีวิตผู้หญิงยุคใหม่ด้วยแพ็กเกจแช่แข็งไข่ !

วางแผนชีวิตผู้หญิงยุคใหม่ด้วยแพ็กเกจแช่แข็งไข่ !

27/06/2025
5 ประโยชน์ของการจัดเรียงไขมันใต้ตา เพื่อดวงตาที่สดใส

5 ประโยชน์ของการจัดเรียงไขมันใต้ตา เพื่อดวงตาที่สดใส

27/06/2025
Next Post
คุณยายวัย 103 ปี กับชัยชนะจากการวิ่งจนทำให้ได้รับฉายาว่า ‘Hurricane’

คุณยายวัย 103 ปี กับชัยชนะจากการวิ่งจนทำให้ได้รับฉายาว่า ‘Hurricane’

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 42k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

ตำแหน่งหัวไหล่ ส่งผลต่อฟอร์มการวิ่งอย่างไร?

ตำแหน่งหัวไหล่ ส่งผลต่อฟอร์มการวิ่งอย่างไร?

by thip
15/07/2025

GARMIN FORERUNNER 245 MUSIC JAPAN EDITION

GARMIN FORERUNNER 245 MUSIC JAPAN EDITION นาฬิกาวิ่งระบบจีพีเอส ดีไซน์พิเศษ ชวนชาวไทยร่วมใจเชียร์นักกีฬาไทยสู้ศึก “โตเกียว โอลิมปิก 2020” แบบนิวนอร์มอล

by VRUN VRIDE
17/07/2021

ความแตกต่างระหว่าง Fartlek, Tempo และ Interval Runs คืออะไร

ความแตกต่างระหว่าง Fartlek, Tempo และ Interval Runs คืออะไร

by thip
24/05/2019

5 ประโยชน์หลักของโปรตีนเพื่อสุขภาพและสมรรถภาพทางกายที่แข็งแรง

5 ประโยชน์หลักของโปรตีนเพื่อสุขภาพและสมรรถภาพทางกายที่แข็งแรง

by VRUN VRIDE
13/05/2021

ASICS เปิดตัวอีคอมเมิร์ซ ASICS.com มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไร้ข้อจำกัด เอาใจเหล่าสาวกด้วยสินค้าครบครัน พร้อมกับส่วนลดแบบจัดเต็ม

ASICS เปิดตัวอีคอมเมิร์ซ ASICS.com มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไร้ข้อจำกัด เอาใจเหล่าสาวกด้วยสินค้าครบครัน พร้อมกับส่วนลดแบบจัดเต็ม

by thip
06/06/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (173)
  • Fitness & Health (377)
  • News (895)
  • Review (126)
  • Running (957)
  • Stories (201)
  • Training (478)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี