แผนการฝึก Strength training สำหรับลงแข่งวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์
เราควรฝึก Strength training ก่อนการลงแข่งมาราธอนมากน้อยแค่ไหน และควรที่จะเน้นฝึกท่าอะไรบ้าง นี่เป็นคำถามปกติสำหรับนักวิ่งทุกคนเลยก็ว่าได้ การไปโรงยิมเพื่อฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางและกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆและการใช้เวลาฝึกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน
เพื่อที่จะช่วยให้เพื่อๆเตรียมตัววิ่งมาราธอนโดยมีความเร็วในการวิ่งมากที่สุด วันนี้เราขอเสนอแผนการฝึก 16 สัปดาห์เอามาให้เพื่อนๆไปฝึกกัน
วิธีใช้แผนการฝึกนี้
แผนการฝึกจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน และเป็นแผนการฝึก Strength training ที่สามารถใช้ร่วมกับแผนการซ้อมวิ่งได้
สัปดาห์ที่ 1-5 : จะเป็นช่วงสำหรับการฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง เป็นการแนะนำให้รู้จักการฝึกแบบมีแรงต้านสำหรับร่างกายเพื่อให้มีความเข้าใจวิธีการรับมือกับแรงกดดันของกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งพื้นฐานของกล้ามเนื้อ
สัปดาห์ที่ 6-10 : จะเป็นช่วงเพิ่มปริมาณการฝึก เพื่อปรับร่างกายให้เข้ากับการฝึกสำหรับเพิ่มความทรหด
สัปดาห์ที่ 11-14 : จะเป็นช่วงที่มีปริมาณการฝึกเพิ่มขึ้นสูง เพื่อเพิ่มความสามารถในการอดทนกับระดับความเข้มข้นในการออกกำลังกายให้นานขึ้น
สัปดาห์ที่ 15-16 : จะเป็นช่วงการฟื้นตัวเพื่อเตรียมลงแข่ง
แผนการฝึก Strength training สำหรับลงแข่งวิ่งมาราธอน 16 สัปดาห์
แผนการซ้อมในสัปดาห์ที่ 1-5 : เสริมสร้างความแข็งแกร่ง
A1.ท่า Leg Press
ให้ฝึกท่านี้เซ็ตละ 10-12 ครั้ง , ฝึกทั้งหมด 3 เซ็ต เสร็จแล้วไปฝึกท่าที่สองต่อเลยยังไม่ต้องพักตอนนี้ มีจังหวะเทมโปตามนี้คือ 3 ครั้ง – 0 ครั้ง – 1 ครั้ง – 0 ครั้ง
Note : ช่วงที่เป็นเลข 0 ก็หมายถึงช่วงที่เราหยุด จะมีระยะเวลาเท่ากับช่วงที่ทำ 1 ครั้ง ต่อจากนี้ไปในบทความนี้จะไม่ใส่คำว่าครั้ง จะใส่แต่ตัวเลขแทน
เคล็ดลับ : การฝึกท่านี้เราต้องยกขาสูงและอ้าขาให้กว้าง
A2.ท่า Leg Curl
ให้ฝึกท่านี้เซ็ตละ 10-12 ครั้ง , ฝึกทั้งหมด 3 เซ็ต แต่ละเซ็ตให้พัก 1 นาที มีจังหวะเทมโปตามนี้คือ 3-0-1-0 เหมือนท่าแรก
เคล็ดลับ : ฝึกจบแล้วให้ฝึกต่ออีก 3 เซ็ตได้เลย แต่ให้ใช้น้ำหนักน้อยลง 10%
B1.ท่า Leg Extension
ให้ฝึกท่านี้เซ็ตละ 6-8 ครั้ง , ฝึกทั้งหมด 3 เซ็ต แต่ละเซ็ตให้พัก 1 นาที ใช้จังหวะเทมโปตามนี้คือ 2-0-2-0
เคล็ดลับ : พอจบเซ็ตที่ 3 ให้ทำต่อเนื่องอีก 20 ครั้ง
C1.ท่า Weighted Step Up (ขาข้างซ้าย)
ให้ฝึกท่านี้เซ็ตละ 10-12 ครั้ง , ฝึกทั้งหมด 3 เซ็ต ครบแล้วก็ให้ฝึกข้างขวาต่อเลยไม่ต้องพัก ใช้จังหวะตามนี้ คือตอนขึ้น ขึ้นช้าๆ ตอนลงให้ลงเร็ว
เคล็ดลับ : ให้เราวางเท้าซ้ายเอาไว้บนเก้าอี้ไปเลย ตอนขึ้นยกเข่าและก้นให้สูงๆ
C2.ท่า Weighted Step Up (ขาข้างขวา)
ฝึกเหมือนกัน แต่พอฝึกเสร็จแล้วให้พัก 45 วินาที
เคล็ดลับ : วางเท้าขวาไว้บนเก้าอี้ตลอดเวลา เวลายกขาซ้ายขึ้นให้ยกเข่าและก้นสูงๆ
D1.ท่า Walking Lunge
ฝึกเซ็ตละ 20 ครั้ง , ทั้งหมด 4 เซ็ต แต่ละเซ็ตพัก 30 วินาที ใช้จังหวะควบคุมต่อเนื่อง
เคล็ดลับ : ให้ก้าวขายาวๆลึกๆ และเราสามารถถือดับเบลตอนฝึกท่านี้ได้
E1.ท่า Calf raises
ฝึกเซ็ตละ 20 ครั้ง , ทั้งหมด 3 เซ็ต แต่ละเซ็ตพัก 30 วินาที ใช้จังหวะเทมโป 3-0-1-0
เคล็ดลับ : ให้พยายามยกตัวสูงๆ
ให้เราฝึกท่าข้างบนนี้เพื่อให้กล้ามเนื้อสามารถซับพอร์ทเราได้เมื่อมีการเพิ่มระยะทางในการวิ่ง และเพื่อที่จะเพิ่มระดับการฝึกก็ให้เราทำตามเคล็ดลับที่ระบุไว้ มันจะทำให้เราต้องฝึกบางท่าอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้พักซึ่งเราจะเรียกมันว่า “ซุปเปอร์เซ็ต” มันจะทำให้กล้ามเนื้อทำงานนานมากขึ้นเป็นสถานการณ์ที่คล้ายกับการวิ่งระยะไกล
ช่วงพัก : ในเซ็ตสุดท้ายให้เราพัก 10 วินาทีแถมด้วยการฝึกต่ออีก 20ครั้ง แต่ทำให้เร็วกว่าเดิมโดยทุกครั้งที่เราพักให้เราพัก 10 วินาทีไปเลยถึงแม้ว่าเราจะทำต่อไปได้แค่ครั้งเดียวก็ตาม หลังจากทำได้ 20 ครั้งให้พักต่ออีก 10 วินาทีเสมอ
สัปดาห์ที่ 6-10 : เป็นช่วงการเพิ่มปริมาณการฝึก
A1.ท่า Heel elevated squats
ฝึกเซ็ตละ 10-12 ครั้ง , ทั้งหมด 3 เซ็ต ไม่ต้องพัก มีจังหวะเทมโปตามนี้คือ 3-0-1-0
เคล็ดลับ : หากต้องการเพิ่มความยากจะยกเวทก็ได้นะ ตามคลิปตัวอย่างข้างล่างนี้เลยจ้า
A2.ท่า Leg extension
ฝึกเซ็ตละ 10-12 ครั้ง , ทั้งหมด 3 เซ็ต , แต่ละเซ็ตให้พัก 60 วินาที มีจังหวะเทมโปตามนี้ 3-0-1-0
เคล็ดลับ : หลังจากครบ 3 เซ็ตแล้ว ให้ทำซ้ำอีก 3 เซ็ต แต่ให้ใช้น้ำหนักลดลง 10%
B1.ท่า Stability ball hamstring curl
ฝึกเซ็ตละ 10-12 ครั้ง , ทั้งหมด 4 เซ็ต , แต่ละเซ็ตให้พัก 45 วินาที มีจังหวะเทมโปตามนี้ 2-0-2-0
เคล็ดลับ : ในตอนที่ดึงลูกบอลเข้ามาให้เราออกแรงที่ส้นเท้าและก้น
C1.ท่า Reverse hyperextension
ฝึกเซ็ตละ 12-15 ครั้ง , ทั้งหมด 3 เซ็ต , ไม่ต้องพัก มีจังหวะเทมโปตามนี้ 3-0-1-0
เคล็ดลับ : จะต้องมีการยืดของกล้ามเนื้อขาหลังในขณะที่เราหย่อนขาลงมา , ออกแรงที่กล้ามเนื้อก้นในขณะที่ยกขาขึ้น
C2.ท่า Lateral lunge
ฝึกเซ็ตละ 20 ครั้ง , ทั้งหมด 3 เซ็ต , แต่ละเซ็ตให้พัก 30 วินาที ใช้จังหวะต่อเนื่อง
เคล็ดลับ : ให้ทำสลับข้างไปเรื่อยๆ , สามารถถือดัมเบลเพื่อเพิ่มความยากได้
D1.Leg Press
ฝึกเซ็ตละ 20 ครั้ง , ทั้งหมด 4 เซ็ต , แต่ละเซ็ตให้พัก 30 วินาที ใช้จังหวะต่อเนื่อง
E1.Calf raises
ฝึกเซ็ตละ 20 ครั้ง , ทั้งหมด 3 เซ็ต , แต่ละเซ็ตให้พัก 45 วินาที มีจังหวะเทมโปตามนี้ 3-0-1-0
เคล็ดลับ : ให้พยายามยกตัวสูงๆ
ในช่วงการฝึกของสัปดาห์ที่ 6-10 จะเป็นช่วงที่มีการเติบโตของใยกล้ามเนื้อเนื่องมากจากการหดตัวระหว่างการออกกำลังกาย จะมีการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและมีการสะสมไกลโคเจนมากขึ้น หมายความว่ากล้ามเนื้อจะมีพลังงานไว้ใช้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการวิ่งมาราธอน
สัปดาห์ที่ 11-14 : จะเป็นช่วงที่มีปริมาณการฝึกเพิ่มขึ้นสูงและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อ
แต่ละท่าให้ฝึก 20 ครั้งต่อเนื่องไม่ต้องพัก เมื่อฝึกเสร็จก็ให้เปลี่ยนไปฝึกท่าต่อไปโดยไม่ต้องหยุดพักเลยแม้แต่ท่าเดียว ยกเว้นท่าสุดท้ายที่มี 5 เซ็ต จะต้องพักเซ็ตละ 60 วินาที
A1.ท่า Heel elevated squats
A2.ท่า Lateral lunge
A3.ท่า Stability ball hamstring curl
A4.ท่า Walking Lunge
A5.ท่า Alternating weights step up
A6.ท่า seated med ball twist
ท่านี้ต้องฝึก 20 ครั้ง 5 เซ็ต แต่ละเซ็ตให้พัก 60 วินาที
Note : เมื่อฝึกครบตั้งแต่ท่า A1-A6 ให้นับเป็นหนึ่งยก แล้วพัก 60 วินาที จากนั้นค่อยฝึกยกต่อไป จะฝึกกี่ยกแล้วแต่เราเลย
สัปดาห์ที่ 14- 16 : ช่วงฟื้นตัว
ไม่ต้องฝึกอะไรแล้ว นอกจากการซ้อมวิ่งซึ่งต้องมีการลดระยะทางในการวิ่งเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวด้วย
ที่มา :
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming