อาหารสามารถช่วยต่อต้านอาการเมื่อยล้าได้หรือไม่
มื้ออาหารที่สดใหม่ , อุดมไปด้วยสารอาหารสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้ เช่น ผักคะน้า , ข้าวโอ๊ต , แตงโมและอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตบางชนิด เช่น ขนมปังขาวและขนมอบทั้งหลายสามารถทำให้คนบางคนมีอาการเมื่อยล้าได้ ในบทความนี้เราจะมาแจกแจงรายชื่ออาหารสำหรับเอาชนะอาการเมื่อยล้า และอาหารที่เราควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้เรามีพลังไว้ทำกิจกรรมประจำวัน
อาหารสำหรับแก้อาการเมื่อยล้า
โดยปกติแล้วอาหารที่จะช่วยเพิ่มระดับพลังงานให้กับเรามักจะเป็นอาหารสดใหม่มากกว่าอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิต ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารอีกด้วย
1. ไข่

ไข่ทั้งฟองอุดมไปด้วยสารอาหาร อ้างอิงข้อมูลจากองค์กร USDA ไข่หนึ่งฟองจะมีโปรตีน 7 กรัม นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมในปริมาณ 4% จากที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และมีวิตามินเออีก 6% ไข่ยังเป็นแหล่งรวมไขมัน อ้างอิงข้อมูลจาก “สถาบันผู้สูงอายุแห่งชาติของอเมริกา” ระบุว่าไข่จะมอบพลังงานสำหรับเอาไว้ดูดซึมวิตามิน
2. กล้วย

กล้วยเป็นแหล่งรวมโพแทสเซียม , ไฟเบอร์ และคาร์โบไฮเดรตซึ่งทั้งไฟเบอร์และคาร์โบไฮเดรตจะช่วยมอบพลังงานให้เราได้เป็นเวลานานมากขึ้น อ้างอิงจากงานวิจัยเล็กๆงานหนึ่งพบว่า นักปั่นจักรยานที่ทานกล้วย จะมีประสิทธิภาพในการปั่นจักรยานเทียบเท่ากับคนที่ใช้เครื่องดื่มกีฬาในระยะทาง 47 ไมล์หรือ 75 กม. นักวิจัยจึงสรุปว่า ‘กล้วย’ เป็นเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทานก่อนหรือทานในระหว่างการออกกำลังกาย
3. อัลมอนด์

อุดมไปด้วยไขมัน , ไฟเบอร์ , และโปรตีน โดยทั้งโปรตีนและไขมันในอัลมอนด์จะช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มมากขึ้นและช่วยเพิ่มระดับพลังงานให้กับเรา นอกจากนี้ยังมีวิตามิน E และแมกนีเซียม ถือเป็นของว่างยามบ่ายชั้นดีเลยทีเดียว
4. แตงโม

แตงโมเป็นแหล่งน้ำชั้นยอด โดยเป็นน้ำ 92% มีวิตามิน C , A และสารอาหารอีกมากมาย อาการขาดน้ำอาจทำให้เกิดความรู้สึกเมื่อยล้าได้ และในปี ค.ศ.2010 พบว่าการได้รับน้ำอย่างเพียงพอ สามารถเพิ่มระดับความตื่นตัวของจิตใจและทำให้สุขภาพดีขึ้น
5. ผักคะน้า

เป็นผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยวิตามิน , สารต้านอนุมูลอิสระและธาตุเหล็ก เซลล์เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ในการเก็บธาตุเหล็กซึ่งมีความสำคัญในการขนส่งออกซิเจนไปยังทั่วร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงาน ด้วยเหตุนี้การขาดธาตุเหล็กจึงทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า อ้างอิงข้อมูลจาก USDA ในผักคะน้า 1 ถ้วยจะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและวิตามิน A
6. ผักโขม

เป็นผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน K และแมกนีเซียม ผักขมและผักคะน้าสามารถนำไปใช้เป็นผักสลัดได้อย่างดีเลย
7. เมล็ดเจีย

อุดมไปด้วยสารอาหาร เมล็ดเจียจำนวน 1 ออนซ์จะมีโปรตีน 4 กรัม , ไฟเบอร์ 11 กรัม และไขมันอีก 9 กรัม ไฟเบอร์มีประโยชน์ตรงที่ช่วยป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นระหว่างมื้อ และการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดสามารถทำให้เรามีอาการเมื่อยล้าได้
8. ข้าวโอ๊ต

อุดมไปด้วยไฟเบอร์และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ร่างกายสามารถย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตขัดสีได้อย่างง่ายดาย และใช้เป็นพลังงานใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น น้ำตาล เป็นต้น แต่ถ้าเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมันจะย่อยยากกว่า ทำให้ถูกใช้เป็นพลังงานได้นาน
อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารกับเครื่องดื่มบางชนิดสามารถทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้าได้ ยกตัวอย่างเช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูงอาจช่วยเพิ่มพลังงานได้ชั่วคราวก็จริง แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานนัก
ยกตัวอย่างอาหารที่จะทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้ามากขึ้น
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง , รวมไปถึงน้ำเชื่อมและน้ำผึ้ง
- ขนมปังขาว
- ขนมอบ
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
- อาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างหนัก เช่น แผ่นมันฝรั่งทอด
เคล็ดลับในการรักษาพลังงาน
มันจะมีพฤติกรรมการทานอาหารบางอย่างที่เราสามารถนำมาลองใช้เพื่อรักษาระดับพลังงานตลอดทั้งวัน เช่น
- หลีกเลี่ยงการอดอาหารบางมื้อ
- ในทานของทานเล่นในตอนบ่ายและตอนเช้า , เช่น อัลมอนด์หนึ่งกำมือ หากรู้สึกว่ามีพลังงานลดลง
- รับแคลอรี่อย่างเพียงพอในแต่ละวัน
- ควรได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ด้วยดื่มน้ำและเครื่องดื่มที่มีสารอาหาร
แต่อย่างไรก็ตามคนแต่ละคนจะมีการตอบสนองที่ต่างกันไปสำหรับกลยุทธเหล่านี้ หรือบางสิ่งที่ใช้ได้ผลกับอีกคนอาจใช้ไม่ได้กับอีกคนก็ได้เช่นเดียวกัน
วิธีตามธรรมชาติที่จะช่วยในการต่อสู้กับความเมื่อยล้า
การเปลี่ยนรูปแบบไลฟ์สไตล์ก็ช่วยทำให้เรามีพลังงานทั้งวันได้เหมือนกัน สถาบัน American Council on Exercise ได้แนะนำว่าการออกกำลังกายเป็นประจำจะสามารถป้องกันอาการเมื่อยล้าได้ โดยเราควรออกกำลังกาย 3-5 วันต่อสัปดาห์
นอกจากนี้องค์กร National Sleep Foundation ยังแนะนำเรื่องคุณภาพการนอนหลับด้วยว่ามันมีผลดังนี้
- ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
- ควบคุมระดับความอยากอาหารในระดับที่ดีต่อสุขภาพ
- ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงเสมอ
- ควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย
ซึ่งทั้ง 4 ข้อนี้จะช่วยในการรักษาระดับพลังงานในร่างกายตลอดทั้งวัน
การบริหารความเครียดก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยรักษาพลังงานได้เช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปความเครียดเรื้อรังจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยและอ่อนเพลีย มีหลายวิธีที่จะช่วยทำให้เราลดความเครียด เช่น การทำสมาธิและการออกกำลังกาย
บทสรุปส่งท้าย
มีอาหารหลายชนิดที่จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะความเมื่อยล้าตลอดทั้งวัน ให้มองหาอาหารโปรตีนสูง , มีไขมันดี และมีไฟเบอร์ อาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและสารอาหารอื่นๆที่มีประโยชน์ และจะดีมากขึ้นถ้าหากเราหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูงหากต้องการเพิ่มระดับพลังงาน
ที่มา : https://bit.ly/39Hnyl2
เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Sports #Running
#Cycling #Triathlon #Swimming