วันอังคาร, พฤศจิกายน 18, 2025
  • Login
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี
No Result
View All Result
Home Running

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10 กม. ระยะเวลา 8 สัปดาห์

thip by thip
03/08/2025
in Running, Training
0
โปรแกรมฝึกวิ่ง 10 กม. ระยะเวลา 8 สัปดาห์

image by freepik

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

การลงแข่งวิ่ง 10k นั้นถือว่าเป็นบันไดขั้นแรกสำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่ต้องการไปสมัครลงแข่งวิ่งในระยะทางไกลกว่านั้น หากเราสามารถวิ่ง 10k ได้ก็จะสามารถฝึกเพื่อให้วิ่งได้ไกลกว่านั้นได้เช่นกัน สำหรับระยะเวลาในการฝึกนั้นจะอยู่ที่ 8 สัปดาห์ และในแต่ละสัปดาห์จะมีบางวันที่ต้องฝึกวิ่งนานเกิน 30 นาที แต่ในกรณีที่เพื่อนๆ ยังวิ่งไม่เก่งหรือวิ่งนานไม่ได้ ก็อาจจะต้องมองหาโปรแกรมฝึกที่นานกว่านี้ เช่น 12 สัปดาห์ เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการปรับตัวมากขึ้น

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการวิ่งระยะทาง 10k

ปกติแล้วคนเก่งๆ จะอยู่ในกรอบเวลา 45 นาที ส่วนพวกมีประสบการณ์จะอยู่ที่ภายใน 70 นาที แต่สำหรับมือใหม่ไม่ควรไปสนใจเรื่องเวลา เพียงแค่เอาตัวเองเข้าเส้นชัยให้ได้ก็พอ ส่วนเรื่องระดับความฟิตของร่างกายนั้นจะปรับตัวได้เองถ้าเราฝึกวิ่งนานมากพอ ดังนั้นปล่อยตามธรรมชาติไปเลย

รายละเอียดของโปรแกรมการฝึกนี้

โปรแกรมถูกออกแบบมาสำหรับนักวิ่งทุกระดับ จะสังเกตได้ว่าเราจะให้ใช้วิธีฝึกวิ่งสลับกับการเดินเร็ว เพื่อให้ไม่สร้างภาระให้ร่างกายและช่วยให้มีเวลาปรับตัว แต่ถ้าใครที่ฟิตมากพอแล้ว จะวิ่งตลอดหรือเดินพักนิดหน่อยก็ได้ สำหรับในการลงแข่งจริงการเดินพักไม่ถือว่าผิดกติกา

ทำความเข้าใจเรื่องการวิ่งในโซนต่างๆ

เพื่อนๆ คงเคยได้ยินการพูดเรื่องการวิ่งในโซนนั้นโซนนี้มาบ้าง มันคือการวิ่งในระดับอัตราการเต้นของหัวใจ Max Heart Rate (HRmax) ที่ต่างกัน ซึ่งวัดได้จากนาฬิกาออกกำลังกาย แต่ถ้าไม่ใช้นาฬิกาก็ต้องใช้วิธีสังเกตร่างกายได้ และนี้ก็คือตัวอย่างคร่าวๆ ของการวิ่งในแต่ละโซน

  • โซน 1 – เราจะวิ่งในระดับ 50-65% ของ HRmax การวิ่งในโซนนี้เราจะรู้สึกง่ายๆ และสามารถวิ่งไปพูดคุยไปด้วยได้โดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบ
  • โซน 2 – วิ่งในระดับ 65-75% ของ HRmax จะอยู่ในระดับที่ทำให้เราเริ่มหายใจแรงขึ้นมาอีก และเราจะเริ่มพูดนานๆ ไม่ได้แล้ว
  • โซน 3 – วิ่งในระดับ 75-85% ของ HRmax เป็นการฝึกในระดับความเข้มข้นสูง และมีการใช้เพซสำหรับวิ่งเทมโป (เพซใกล้เคียงสำหรับการลงแข่งจริง)
  • โซน 4 – วิ่งในระดับ 85-90% ของ HRmax จะเป็นการวิ่งเทมโปที่เร็วกว่าโซน 3 จะอยู่ในระดับที่ไม่สามารถรักษาความเร็วให้คงที่ได้ สุดท้ายก็ต้องผ่อนความเร็วลงมา ใครที่ฝึกวิ่งพื้นฐานเยอะๆ จะสามารถวิ่งในโซนนี้ได้นานขึ้น
  • โซน 5 – วิ่งในระดับ 90-100% ของ HRmax นี่คือการวิ่งในระดับความเข้มข้นสูงสุด เราจะวิ่งในความเร็วระดับนี้ได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น

รูปแบบการฝึก

การฝึกจะประกอบไปด้วยการวิ่งแบบ Easy , วันวิ่งระยะไกล , การฝึก Strength และวันพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้ทัน เราต้องพักให้พอไม่อย่างนั้นจะมีอาการบาดเจ็บได้

  • การวิ่งแบบ Easy : เราจะวิ่ง Easy 2 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งถ้าร่างกายยังไม่ฟิตพอก็ให้วิ่งสลับกับเดินพัก โดยให้วิ่งในโซน 1 และอย่าให้เกินโซน 2
  • วันวิ่งระยะไกล : ในวันวิ่งระยะไกลให้วิ่งด้วยความเร็วคงที่และให้วิ่งในโซน 3 วันวิ่งระยะไกลสำคัญต่อการสร้างพื้นฐานในการวิ่งมาก พยายามฝึกให้ครบตามตาราง
  • วันฝึก Cross Training : ให้เราฝึกกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่กล้ามเนื้อขา อาจจะยกเวทในวันนี้ก็ได้ หรือจะว่ายน้ำ เล่นโยคะ ปั่นจักรยานเบาๆ ฝึกอะไรก็ได้ที่ไม่สร้างแรงกระแทกให้กับขา การฝึก Cross Training จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แข็งแรงขึ้น ส่งผลต่อสมรรถนะในการวิ่งที่ดียิ่งขึ้น
  • วันพัก : วันพักต้องพัก! เพราะถ้าหากเพื่อนๆ พักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายฟื้นตัวไม่ทัน และมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อได้ แต่เรายังสามารถออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงเช้าได้อยู่นะ แต่ต้องเบาจริงๆ เพราะจุดประสงค์ของวันพักคือเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้ทัน

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10 กม. ระยะเวลา 8 สัปดาห์

ในสัปดาห์ที่ 1-4 จะเป็นช่วงเตรียมตัวและการสร้างพื้นฐาน

เราจะค่อยๆ ปรับร่างกายในช่วง 4 สัปดาห์แรก ดังนั้นอย่าหักโหมในช่วง 4 สัปดาห์นี้ หากพบว่ามีอาการปวดเมื่อยที่มากเกินไป ก็ให้ลดความเร็วในการวิ่งลง พยายามอย่าวิ่งเกินโซน 3 

สัปดาห์ที่ 1

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 3 กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 3 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 4 กิโลเมตร

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 10 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 2

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 4  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 4 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 5 กิโลเมตร

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 13 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 3

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 4  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 5 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 6 กิโลเมตร

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 15 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 4-6 จะเป็นช่วงสร้างพื้นฐานและเข้าสู่การฝึกหลัก

พอถึงสัปดาห์ที่ 4 เราจะเริ่มฝึกหนักกว่าเดิม เราจะวิ่งเร็วขึ้นและเพิ่มระดับความเข้มข้นในการฝึกให้มากกว่าเดิม จะมีระยะทางในการวิ่งของแต่ละสัปดาห์มากขึ้น อย่าลืมให้ความสำคัญต่อวันพักผ่อนด้วย

ในสัปดาห์ที่ 6 จะฝึกหนักที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มระยะทางในการวิ่ง แต่ควรเพิ่มความเร็วในการวิ่งเข้าไปด้วย โดยให้วิ่งในโซน 4 ถึง โซน 5 

สัปดาห์ที่ 4

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 5  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 5 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 7 กิโลเมตร

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 17 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 5

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 6  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 6 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 8 กิโลเมตร

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 20 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 6

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 4  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 5 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 9 กิโลเมตร

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 18 กิโลเมตร

ในสัปดาห์ที่ 7-8 จะลดปริมาณการฝึกลง

เราจะลดระยะทางและระดับความเข้มข้นในการฝึก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการฟื้นตัว 100% เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับวันลงแข่งที่ใกล้เข้ามานั่นเอง

สัปดาห์ที่ 7

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 6  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 6 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : ฝึก Cross Training
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : ฝึก Cross Training
  • วันอาทิตย์ : วิ่งระยะไกล 5 กิโลเมตร โดยให้ทดลองวิ่งโดยใช้เพซสำหรับลงแข่งเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร 2 รอบ ส่วนที่เหลืออีก 1 กิโลเมตรให้วิ่งสบายๆ

รวมระยะทางทั้งสัปดาห์เท่ากับ 17 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่ 8

  • วันจันทร์ : วิ่งสลับกับเดิน 3  กิโลเมตร
  • วันอังคาร : พัก
  • วันพุธ : วิ่งสลับกับเดิน 2 กิโลเมตร
  • วันพฤหัส : พัก
  • วันศุกร์ : พัก
  • วันเสาร์ : พัก
  • วันอาทิตย์ : วันลงแข่งจริง ขอให้ทุกคนโชคดี
โปรแกรมฝึกวิ่ง 10 กม. ระยะเวลา 8 สัปดาห์

เคล็ดลับในการฝึกวิ่ง 10k

สำหรับมือใหม่อย่าลืมให้ความสำคัญต่อการดื่มน้ำให้เพียงพอและการทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะการออกกำลังกายทุกชนิดจะทำให้ใยกล้ามเนื้อฉีกขาด เราจึงต้องได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอเพื่อซ่อมแซมใยกล้ามเนื้อ สำหรับรายละเอียดเรื่องอาหาร เพื่อนๆ สามารถค้นหาข้อมูลได้ในเว็บไซต์ของเราได้เลย

ในวันฝึกวิ่ง Easy ก็ต้องฝึกวิ่งแบบง่ายๆ

อย่าหักโหมในวันวิ่ง Easy เด็ดขาด มือใหม่จะไม่รู้ว่ามันจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวไม่ทัน และอีกเรื่องที่ต้องรู้คือมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าการฝึกวิ่ง Easy โดยสะสมระยะทางไปเรื่อยๆ จะช่วยทำให้เรามีความทรหดในการวิ่งมากขึ้นและมีความเร็วมากขึ้น หากใครที่คิดว่าการวิ่ง Easy มันช้าไปก็ถือว่าเข้าใจผิดอย่างแรง การสะสมความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาถือเป็นสิ่งสำคัญมาก

หลักเลี่ยงการฝึกมากเกินไป

ในตารางการฝึกจะมีวันสำหรับการฝึกหนักมาให้แล้ว ส่วนวันอื่นก็จะต้องเป็นวันวิ่ง Easy ก็ต้องวิ่ง Easy ที่ต่างประเทศจะมีประโยคเด็ดว่า “ให้ฝึกวิ่งช้าเพื่อจะได้กลายเป็นคนที่วิ่งได้เร็วขึ้น” อยู่ด้วย ดังนั้นอย่าฝึกหนักติดต่อกันทุกวัน เพราะสุดท้ายร่างกายจะรับไม่ไหวและฝึกต่อไม่ได้

การเตรียมอาหารติดตัว

หากการฝึกวิ่งของเรานานเกิน 45 นาที ควรพกน้ำดื่มและของทานเล่นเพื่อเติมพลังงานติดตัวไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เจลให้พลังงาน กล้วยหอม หรือของขบเคี้ยวที่ย่อยง่าย ควรทดลองทานอะไรหลายแบบเพื่อที่จะได้รู้ว่าท้องของเรารับได้หรือไม่ อย่าไปทดลองในวันแข่งจริง เพราะอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้

นอกจากนี้ยังมีสารอาหารแร่ธาตุและวิตามินอื่นๆ ที่นักวิ่งควรได้รับดังนี้

วิตามิน B12 : ช่วยต่อต้านอาการเมื่อยล้าและช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งมีหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนส่งไปยังกล้ามเนื้อในตอนที่กล้ามเนื้อและอวัยวะสำคัญถูกใช้งาน นอกจากนี้ วิตามิน B12 ยังมีความสำคัญต่อระบบประสาทและระบบการทำงานของสมองอีกด้วย

แหล่งที่มา : https://bit.ly/3TeUhHA


เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน
🏃 ‍♂ bit.ly/VRUNGROUP
.
#วิ่งไหนกันปั่นไหนดี #Running #Training
#Cycling #Triathlon #Swimming

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Related

Tags: 10krunningRunning PlanRunning ProgramRunning Training Planตารางฝึกวิ่งตารางวิ่งวิ่งแผนซ้อมวิ่งแผนฝึกวิ่งโปรแกรมซ้อมวิ่งโปรแกรมฝึกวิ่ง
Previous Post

อาดิดาส และ ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น ประกาศร่วมมือครั้งแรก ในการเป็นผู้ผลิตเสื้อแข่งขันและสินค้าที่ระลึกประจำการแข่งขัน Bangsaen21-2025

Next Post

โปรแกรมฝึกวิ่ง Half Marathon สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

thip

thip

Related Posts

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10K ภายใน 7 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งมือใหม่ มืออาชีพ นักวิ่งมีประสบการณ์

โปรแกรมฝึกวิ่ง 10K ภายใน 7 สัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่อยากพัฒนาความเร็วและความอึด

17/11/2025
ท่า Bodyweight สำหรับนักวิ่ง

30 ท่า Bodyweight สำหรับนักวิ่ง

15/11/2025
ท่าดริล วอร์มอัพ สำหรับนักวิ่ง

5 ท่าดริล สำหรับวอร์มอัพก่อนการฝึกวิ่ง

12/11/2025
4 รูปแบบการฝึก Speed Workouts เพิ่มความเร็วในการวิ่งสำหรับนักวิ่งทุกระดับ

4 รูปแบบการฝึก Speed Workouts เพิ่มความเร็วในการวิ่งสำหรับนักวิ่งทุกระดับ

09/11/2025
คู่มือฝึกวิ่งเทมโป (Tempo Run) ฉบับสมบูรณ์ | เทคนิคฝึกวิ่งเร็วขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

คู่มือฝึกวิ่งเทมโป (Tempo Run) ฉบับสมบูรณ์ | เทคนิคฝึกวิ่งเร็วขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

02/11/2025
โปรแกรมฝึก Speed Workout สำหรับนักวิ่ง

7 โปรแกรมฝึก Speed Workout สำหรับนักวิ่ง เพิ่มความเร็ว วิ่งไวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

31/10/2025
Next Post
โปรแกรมฝึกวิ่ง Half Marathon สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

โปรแกรมฝึกวิ่ง Half Marathon สำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์

ติดตาม และร่วมสนุกไปกับเรา

  • 44.3k Subscribers
  • 1.4k Followers

เปิดกรุ๊ปให้เพื่อนๆ ที่รักการวิ่ง ไปคุยกัน

บทความน่าสนใจ

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 12 สัปดาห์ สำหรับผู้มีประสบการณ์

โปรแกรมการฝึกวิ่งมาราธอน 12 สัปดาห์ สำหรับผู้มีประสบการณ์

by thip
22/06/2024

วิ่ง บน ลู่วิ่ง

วิ่ง บน ลู่วิ่ง โค้งงอแบบใหม่!! ดีกว่าแบบเดิมหรือไหม?

by VRUN VRIDE
18/09/2018

“เตรียมตัวซ้อมก่อนลงสนามจริง”

“เตรียมตัวซ้อมก่อนลงสนามจริง”

by VRUN VRIDE
04/11/2018

ท่า Bodyweight สำหรับนักวิ่ง

30 ท่า Bodyweight สำหรับนักวิ่ง

by thip
15/11/2025

วิ่งรอบโลก : งานแข่งวิ่ง Rock ‘n’ Roll Madrid Marathon – ประเทศสเปน

วิ่งรอบโลก : งานแข่งวิ่ง Rock ‘n’ Roll Madrid Marathon – ประเทศสเปน

by thip
21/09/2019

สมัครบัตรเครดิต KTC REV รับส่วนลดสูงสุด 25% แบรนด์ Nike, HOKA, Saucony, REV RUNNR

KTC REV CREDIT CARD
วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ไตรกีฬ

วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี รวบรวมทุกรายการ วิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา ครอบคลุมทุกรายการแข่งขันไว้ที่นี่ พร้อมข่าวสารวงการวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา รองเท้าวิ่ง จักรยานเสือหมอบ รถไตรกีฬา ให้เรื่องกีฬาใกล้ตัวคุณ ต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรม การแข่งขันวิ่ง ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของท่าน

ติดต่อเรา: vrunvride@gmail.com

แท็กยอดนิยม

5K adidas ASICS cycling Exercise Exercises Fun Run Garmin Health Marathon Nike Nutrition Other Running Road Cycling run runner running Running Guide Running Plan Running Program running shoes Running Training Plan workout การวิ่ง งานวิ่ง งานแข่งวิ่ง ตารางซ้อมวิ่ง ตารางฝึกวิ่ง ท่าฝึกกล้ามเนื้อ ท่าออกกำลังกาย นักวิ่ง ปั่นจักรยาน มาราธอน รองเท้าวิ่ง วิ่ง วิ่งมาราธอน สุขภาพ ออกกำลังกาย อาดิดาส แผนซ้อมวิ่ง แผนฝึกวิ่ง โปรแกรมซ้อมวิ่ง โปรแกรมฝึกวิ่ง ไตรกีฬา ไนกี้

ประเภทยอดนิยม

  • Cycling (173)
  • Fitness & Health (377)
  • News (899)
  • Review (126)
  • Running (963)
  • Stories (201)
  • Training (485)
  • Triathlon (109)

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
Loading...
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • บทความ
    • วิ่งมาราธอน
    • ปั่นจักรยาน
    • ไตรกีฬา
    • สุขภาพ
  • Review
  • News
  • Training
  • Stories
  • ติดต่อเรา

© WHERE TO RUN WHEN TO RIDE : วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี